คืนวันนั้น...
ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต
วัยเพียง 15 ปี
ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน
สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้
มือเ**่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก
สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย
มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง
ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา
แล้วฟังเรื่อ งเล่าจากปากยาย
ยายเล่าว่า...


สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย
ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่
ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย
ยายถามผมว่า...
ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม
ให้ไปอยู่ใน โลกอีกโลกด้วย
ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย
คนแก่ก็อย่างนี้
พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ
แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน
ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด
กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน
ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ
ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ
ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ
และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง
หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว
ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ
ตัวแกสั่นกุกกัก
ลองหันไปดู
ตาแกลืมโพลง
น้ำหมากไหลย้อยออ กมาจากปากตอนนอน
ตัวเย็นชืด
ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ
ยายก็ไม่ตอบสนอง
ทุกคนรีบมาดูอาการ
แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว
หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน
ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย
กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ
แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน
น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย
เสียงแหบแห้งของยายถามผมช้าๆ

"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย...."


ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก
"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย...."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง
ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม
ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ
กระท่อนกระแท่นเต็มที
เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ
น้ำหนักยายคงไม่เกิน
45 กิโล
แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้
ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว
กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว
ผมขอร้องยายว่า...

"อย่าเอาผมไปเลย
ให้เวลาอีกนิด
รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ "

เสียงยายหัวเราะข้างหู
ผมขนลุกซู่ทั่วตัว
กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง
แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้ อย
ยายหัวเราะ
หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี
การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง
หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน
ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท
มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน
หลับตาสวดมนต์สามคาบ
แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ
พอลืมตามองเพดาน

ในห้องมืด...
หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย...."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต
ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง
ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง
น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ
เปรอะที่นอนเต็มไปหมด
กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง
คราวนี้ยายเอาจริงแน่

"ผมไม่ไปกับยายหรอก"
ผมส่ายหัว
มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ยายนั่งนิ่ง
ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ
ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก
เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง
มือเ**่ยวงุ้มบีบคอ
และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม
เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง
ผมแทบสู้แกไม่ไหว
"ยายเอาคนอื่นไปแทนได้ไหม?
เอาเพื่อนผมไปแทนได้ไหม?"
ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................."
แกนิ่งเงียบ

"ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ
ถ้าอ่านแล้วไม่ตอบกระทู้ผมหรือไม่ชวนเพื่อนมาอ่านต่อ
ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ
ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน
กินวิญญาณเค้าเลยนะยาย.."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...
ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
ในข้อเสนอ ก่อนจะหายตัวไป...


ช่วนเพื่อนมาอ่านต่อไปให้อีก 20