ช้าแต่ชัวร์
ครั้งนี้...มดเก็บภาพบรรยากาศไปเที่ยวบาหลีกับเล่าบร รยากาศคร่าวๆมาฝากพี่ๆเพื่อนๆจ้ะ
ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.51 ถึง 20 ก.ค.51 ที่ผ่านมา เพิ่งออกจากโรงบาลได้สองวันก็ไปเลย
ตอนแรกกะไม่ไปแระ เพราะยังเพลียๆอยู่ กลัวไปตายที่นู่น แต่เสียดายค่าตั๋วเครื่องบิน แบบว่างกอ้ะ
โดยการเดินทางครั้งนี้ มีเพื่อนร่วมทางไปทั้งหมด 4 คน มีมด นังเมย์(นังนี่ ทุกคนคงจะรู้จักกันดี) แล้วก็รุ่นพี่อีกคนกะแฟนสาวเค้า ... เราไปกันเอง ไม่ได้ไปทัวร์นะจ๊ะ
คืนแรก เรานอนกันที่กัวลาลัมเปอร์ เช้ารุ่งขึ้นมีโอกาสได้เที่ยวที่นี่อีกครึ่งวัน ก่อนนั่งเครื่องต่อไปบาหลี
ตอนแรกที่คิดไว้ ก่อนไป คิดว่าอุณหภูมิที่นั่นคงจะร้อนพอๆกะบ้านเรา ที่ไหนได้ อากาศเย็นอ้ะ เหมือนอยู่เชียงใหม่
คืนแรกเรานอนกันที่เมือง Legian (ลีเกี้ยน) เมืองนี้จะเป็นเมืองที่พลุกพล่านหน่อย อยู่ติดกับทะเล คล้ายๆกับพัทยา ชะอำบ้านเรา (แต่อิชั้นว่า พัทยาบ้านเราน่ากว่าว่ะ) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ เพราะส่วนมากเค้าจะมาเล่น surf กัน
เราแลกตังค์กันที่นี่ รู้สึกเหมือนกะเป็นเศรษฐีนีเลยอ้ะ มีเงินติดตัวอยู่เป็นล้านๆ แต่เป็นล้าน*รูเปียะห์ นะ
ของที่นี่ที่ราคาถูกอย่างเห็นได้ชัด และมีร้านจำพวกนี้อยู่ทุกเมืองเลย ก็เป็นสินค้าจำพวกเซิร์ฟแบรนด์ดังๆต่างๆ อย่าง roxy ,billabong,ripcurl ถูกก่าบ้านเรา2-3 เท่า นี่ยังฟาดบิกินี่มา1ชุด ว่าจะใส่ไปลอยกระทงปีนี้ซักกะหน่อย
จากนั้น เราก็ไปเช่ารถกัน เพราะมันจะง่ายต่อการเดินทางไปที่อื่นๆอีก เช่ารถที่นี่ไม่แพงนะ ตกวันละ 700 บาทเท่านั้น
คืนแรกเรานอนกันที่เมืองนี้ ที่พักก็โอเค มื้อแรกของค่ำคืนนี้ เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ จนไปถึงร้านนึงเห็นตกแต่งร้านเก๋ไก๋ จึงหย่อนก้นนั่งซะ อาหารการกินที่นี่ไม่แพงนะ พอๆกะบ้านเราแหละ บางวันพวกมดก็กินข้าวข้างทางกัน อาหารหลักของที่นี่เค้าก็กินข้าวเหมือนกะเรา เครื่องเคียงเค้าจะต้องมีน้ำพริกกับผักทุกครั้ง แล้วก็จะเอาชามใส่น้ำไว้ เพราะว่าเค้าใช้มือเปิบกัน ส่วนมากข้าวที่เค้าขายๆกัน ก็จะเป็นปลากับไก่ทอดกินกะข้าวแล้วก้น้ำพริก อร่อยดี ชอบๆ ก๋วยเตี๋ยวที่นี่ เค้าจะให้เส้นหนึ่งหยิบอ้ะ นิดเดียว แต่ลูกชิ้นนี่เด้ะ ลูกเท่าหัวเด็ก ให้มาสองลูกอ้ะ เครื่องปรุงไม่ใช่น้ำจตาล พริก น้ำส้มนะ เค้าจะมีซอสพริกกะซอสมะเขือเทศแดงๆให้ใส่ แต่มดกินก็ไม่ปรุงหรอก ใส่แต่น้ำปลา กัวขรี้แตก
วันรุ่งขึ้นเราก็แวะไปแอ่วหาด Kuta Beach (หาดคูต้า) ที่นี่คนพลุกพล่านเหมือนกัน มีฟะรั่งหร่อๆ ล่ำๆ มากมายมาเล่นเซิร์ฟกัน อยากเล่นเปงมั่ง แต่กัวแยกไม่ออกระหว่างตัวกรูกะsurf board เพราะว่าบอดี้จะใกล้เคียงกันมั่กๆem89
นั่งมองฟะหรั่งไป นั่งแด๊กข้าวไป แหม มันช่างเจริญหูเจริญตาดีแต๊ๆ ข้าวที่กิน เป็นร้านข้าวแกงริมหาด
ตกจานละประมาณ30-40บาท ข้าวหนึ่งจาน แต่ราดกับให้ถึงสี่ห้าอย่าง รสชาดก็ไม่ทำมะดาน้อ คุ้มสุดๆ
ส่วนมากคนที่นี่ จะนึกว่าเฮากะเพื่อนอีกคนเปงยี่ปุ่ง เจแปนนิสเกิร์ล ไปไหนก้อ คอมบังวะ คอนนิจิวะ ดูดีไปเลยกรู
(แต่ไมกรูอยู่เมืองไทย กลับกลายเปงเหลาเกี้ยซะงั้น ฮ่วย /\6)
กินเส็ด ก้อเดินทางไปอีกเมืองนึงชื่อว่าเมือง Ubud (อุบุด) มดชอบที่นี่มากๆ อากาศดี ไม่วุ่นวาย เหมือนเมืองปายบ้านเรา (เห็นเพื่อนบอกว่างั้นนะ) อากาศที่เมืองนี้เย็นกว่าที่ก่อน ออกไปข้องนอกทีต้องใช้ผ้าพันคอห่ม เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปิน สังเกตได้จากการตกแต่งร้าน และของที่ขาย จะออกแนวติสท์ๆหน่อย อยากเห็นหน้าอินทีเรียชิบเป๋ง มีแกลเลอรี่มากมาย มดกะไอ้เมย์เดินเที่ยวรอบเมืองนี้แล้วอ้ะ ครั้งแรกเดินหาpost office จะไปส่งโปสการ์ด
แมร่ง กว่าจะหาเจอ ดูแผนที่ก้อแล้ว แต่เดินเลย เพราะพี่เล่นไปอยู่ในซอกหลืบ ส่วนอีกครั้งเป็นตอนกลางคืน เดินหลงกันงัย กะจะไปนั่งดริ๊งค์กันที่ร้านนึงที่เหล่ไว้ตอนแรก ชื่อร้าน Napi Orti แต่เดินหลง หาไม่เจอ เดินกันขาเสีย สุดท้ายเลยนั่งแท็กซี่ไปอีกร้านนึงให้เค้าแนะนำให้ ชื่อOzigo pub ผับขึ้นชื่อของที่นี่ มันส์ดี
ที่นี่เค้าฮิตเวสป้าเหมือนกันนะจ๊ะ จะบอกให้ มีร้านเวสป้าตั้งหลายร้าน แต่ส่วนมากก้เป็นรถแปลงทั้งนั้นแหละ เพื่อนไอ้เมย์ที่เป็นคนอินโดก้อมีอยู่คันนึง ไปบ้านเค้ามาแล้ว มดยังเคยเห็นลุงคนนึง เค้าขี่เวสป้าไปวัดอ้ะ โคดเท่ ใส่สะโหร่ง ใส่หมวกแบบบ้านเค้าอ้ะ แล้วใส่สูท โคดเท่ แต่ถ่ายรูปไว้ไม่ทันem86 พวกมดโชคดี ที่ไปตรงกับวันที่เค้ามีพิธีกรรมและเทศกาลทางศาสนาขอ งเค้า ได้เห็นวัฒนธรรมแปลกๆ
พวกมดนอนอยุ่ที่เมืองนี้ถึงสามคืน คืนแรกนอนที่โรงแรม Puri padi บรรยากาศก็โอ คืนที่สองกะสามนอนที่ Arttini Cottage2 ชอบที่นี่มากๆ บรรยากาศดี ตกแต่งห้องก็ดี คืนละแค่พันกว่าบาท ถ้าช่วง low season จะถูกกว่านี้เยอะ เพื่อนที่เป็นคนอินโดบอกมา ทุกค่ำคืนเราจะแยกกันเที่ยว เพราะพี่อีกคนเค้ามากะแฟน ส่วนมดกะนังเมย์ไม่มีคู่ แต่คอเดียวกัน ก็จะตระเวนถ่ายรูปกะหาร้านนั่งไปเรื่อยๆ ที่พลาดไม่ได้ของทุกคืน อีเดี๊ยนก็จะกินเบียร์ของที่นั่นชื่อว่า Bintang (บินตัง) ส่วนนังเมย์จะหนักไปทางแด๊กกับมากก่า ร้านที่ประทับใจ และตั้งใจว่าจะนั่งให้ได้ และเป็นร้านที่ต้องทำให้เดินหลง จนซ่งตีงแตก ชื่อร้าน Napi Orti เห็นครั้งแรก ปิ๊งป้ายร้าน เป็นสีๆเหมือนเร็กเก้ ร้านเค้าจะอยู่ชั้นสองของตึกแถว ส่วนข้างล่างเค้าจะขายพวกของเกี่ยวกับ bike อ้ะ มีเวสป้าจอดอยู่คัน รุ่นไรไม่ทันดู แต่ใหม่กริ๊บ
ข้างบนตกแต่งร้านแบบมีโปสเตอร์นักร้องเทศดังๆหลายวง มีธงสีๆเหมือนพวกเร็กเก้แขวนๆไว้ ที่สำคัญเพลงที่เปิดคลอๆนี่มันดดนจิงๆ ออกแนวบอสซาโนว่า แจ๊ส นั่งจิบเบียร์เบาๆ อากาศเย็นๆ โอ๊ววว สุดจะบรรยาย เจ้าของร้านเด้ะ มีเวสป้าด้วยนะเฟ้ย ตั้งหลายคันนิ มาคุยด้วย เค้าบอกเคยมาเมืองไทยด้วย ภูเก็ต กะพัทยา เค้ายังบอกอีกว่าที่ภูเก็ตอ้ะ
มีพุหญิงหยั่งงั้นอ้ะ แต่เป็นเด็กเยอะนะ (ห่า จะพูดถึงบ้านตูดีๆหน่อยก็ไม่ได้) แต่ก้โอ อัธยาสัยดี ปรากฎว่าคืนนั้น
เมาค่ะ เพราะโดนเตอกิล่าไป 2 ช็อท (มีหนุ่มเลี้ยง)
ส่วนรุ่งขึ้นของวันอื่นๆเราก็ไปเที่ยวตามสถานที่สำคั ญต่างๆของที่นั่น คืนสุดท้ายของการพักผ่อนที่เมืองนี้ เราไปนั่งกิน
อาหารซีฟู้ด ล็อบเสตอร์ตัวเขื่อง พร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกดินและระบำบารองแดนซ์ กันที่ Jimbarun (หาดจิมบาลัน) รุ่งเช้าไปนอนที่เดิม คือที่คูต้าพร้อมกับเอารถไปคืน ส่วนอีกวัน ก็เดินทางกลับไทยแลนด์
การเดินทางครั้งนี้ ถือว่าคุ้มแล้วก็ประทับใจ เพราะมดชอบบรรยากาศเรียบๆง่ายๆแบบนี้ ที่สำคัญชอบท้องฟ้าที่นี่ เพราะมันอยู่เหนือหัวเราไปแค่นิดเดียว (จินตนาการเอาเองง่ะ)
เล่าจบแระ ไม่รุจะมีคัยอ่านป่าว ถือว่าเขียนไดอารี่ไปในตัวเพราะกลับมาไม่มีเวลาเขียน ของตัวเองเลย ยังงัยพรุ่งนี้จะทยอยลงรูปให้ดู ยังได้รูปมาไม่ครบเลย เหลือกล้องที่พี่อีกคน เค้าถ่ายเยอะอยู่ เพราะบางที่มดไม่ได้เอากล้องไป
ถึงเราจะไม่ได้ไปบาหลีดวยกัน แต่เราก็อาจจะได้ไปเที่ยวทะเลที่เกาะหมากกันเน้อ สวยไม่แพ้กันเหอะ ดูได้จากกระทู้
ทริปเกาะหมากที่ตั้งไว้แล้วเน้อ
* รูเปียะห์ คือ สกุลเงินของอินโดนีเซีย
Bookmarks