ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ
jodeci
บรรยากาศมันทำให้นึกเคลิ้มย้อนไปเมื่อราวๆปี 2528-2529ที่ผมออกเดินทางไกลครั้งแรกและไกลที่สุดในประวัต ิศาสตร์โรงเรียนประจำอำเภอ คือเดินทางไปอย่างเดียวก็30กว่ากิโล โดยที่ห้ามให้ผู้ปกครองไปส่งหรือใช้ยวดยานพาหนะใดๆทั ้งสิ้น 555 ในเหตุการณ์นั้นผมได้มีโอกาสเดินทางไกลเป็นครั้งแรก โดยที่น้าของผมต้องมาปลุกผมตอนตีห้าลุกวิ่งวันละ10กิ โลซึ่งเดิมทีก็มีสองคนน้า+หลานแต่ท้ายสุดก็มีเพื่อนๆ ที่ทราบข่าว ผู้ปกครองที่รู้เรื่องก็ชักชวนกันออกมาวิ่ง เป็นการเตรียมพร้อมไปในตัว
ในวันเดินทางจริงมีนักเรียนเป็นร้อยที่แบ่งเป็นหมวดห มู่ ชื่อหมู่ของผมคือ มหาจักรพรรดิ ผมยังจำชื่อนี้ได้ดีโดยที่ผมเป็นหัวหน้าหมู่ เด็กวัย11ขวบอย่างผมที่พึ่งเลิกฉี่รดที่นอนมาได้ไม่น านต้องมานำคน10คนมาเดินทางไกล ของบนบ่าก็หนัก รองเท้าก็กัด หมู่ของผมเดินทางไปได้แค่5กิโลผมก็บอกให้เพื่อนเปลี่ ยนรองเท้าเป็นรองเท้าแตะ แล้วเดินไปกันทุก2กิโลพักที 5555 แต่วิธีนี้ทำให้เราช้ากว่าเดิม แต่เดินแซงหลายหมู่ได้ในที่สุด ผมคิดว่าการฝึกซ้อมวิ่งของเราช่วยได้บ้างในเรื่องของ ความทนทานและความฮึกเหิม ตลอดรายทางที่เราเดินทางผ่าน หมู่ของผมได้รับกำลังใจจากชาวบ้านด้วยการเอาน้ำดื่มม าให้ เอากล้วยมาให้กิน เราเด็กในเมืองตอนนี้เป็นลูกลิงที่หอบเอากล้วย มะละกอ มาเป็นสะเบียงเพื่อหวังว่า ข้างหน้าจะถึงซักที
ผมมาถึงที่หมาย รายงานตัวกับคุณครูว่าหมู่ของเรามาครบ ได้กางเต๊นท์ก่อนอย่างง่ายๆ ใช้ไม้พลอง ขึงเชืือกแล้วใช้ผ้าใบดึงเป็นเพิงธรรมดาๆ แล้วเอาผ้าเต๊นท์คลุมกันลมหนาวอีกที ผมและคนอื่นๆที่ทำอาหารไม่เป็นได้แต่เอาข้าวสารและอา หารแห้งมากองสุมกันไว้แล้วให้เพื่อนอีกคนทำให้กิน หลายคนที่เหน็ดเหนื่อยก็นอนหลับไปด้วยความเพลีย เต๊นท์ของเราเลือกที่จะกางกันแค่สองเต๊นท์ในจำนวน10ค นเพราะมันหนาวมากเลยต้องมานอนขดกันในเต๊นท์ที่ดีที่ส ุด ที่เหลือเอาไว้เก็บสะเบียง ดังนั้นบริเวณที่เขาขึงเชือกให้มหาจักรพรรดิได้นอนเล ยมีบริเวณทำอาหาร มีหินกองไว้ก่อกองไฟเล็กๆ มีหลุมขยะเปียก ขยะแห้ง เป็นกองกำลังเด็กน้อยเล็กๆ 555
หลังจากที่ไปร่วมกิจกรรมรอบกองไฟเราก็มาเข้านอน เด็กน้อยในต่างถิ่นก็ยังไม่นอน ได้แต่คุยกันเบาๆถึงการ์ตูน ถึงเพื่อน ถึงหมูหมากาไก่ที่เห็นโดยฟังเสียงเรไรและน้ำค้างที่ก ่อตัวเป็นหยดน้ำ ด้านนอกที่เขาบอกให้เข้านอนกันได้แล้วยังมีเสียงฝีเท ้าของเพื่อนๆเดินไปเดินมาเยี่ยมหากันระหว่างเต๊นท์ แต่พวกผมนอนขดกันด้วยความหนาวและยังคงเล่าเรื่องราวต ่างๆที่เห็นและเป็นไป...ตามประสา
ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ผมกับโปรตุ่ยผ่านการนอนเต๊นท์มามากม ายหลายเหตุการณ์ ผ่านทุกสภาวะ ความกดดัน ฝนตก น้ำท่วม ลมหนาว ขึ้นเต๊นท์ไม่ได้ เต๊นท์พัง น้ำไม่อาบ ผมก็ยังคงท้าทายตัวเองอยู่บนขุนเขาและสายลม
จนวันนี้เหตุการณ์ในคืนนั้นในแคมป์มาสด้าทำให้ผมกลับ มาเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง มานั่งเล่าความหลังครั้งยังเด็ก มานอนเบียดกับเหล่าแม่ทัพชั้นแนวหน้าของมาสด้าแคมป์ ขอบคุณที่พานั่งเครื่องย้อนกาลเวลากลับไปสู่ความทรงจ ำดีๆ If i was a boy....i will do it again and again with all of you...
Bookmarks