อยากถามพวกพี่ๆอะครับ คือตอนนี้ผมได้สกัดหมุดที่เพลจออกอะครับแล้วเอาโครงท ำสีแล้วตอนนี้ ผมสงสัยว่าจะติดเพลโดยวิธีไหนดีอะครับ ติดกาวดีปะครับ หรือมันมีหมุดแบบที่มันติดรถขายอะครับ รบกวนหน่อยครับ
คือ ผมแกะออกหมดอะครับ อะไรที่ติดกะรถ เพราะว่าผมใช้น้ำยาลอกสีทาอะครับ ทาแล้วสีมันจะลอกออกครับ ผมกลัวมันไปถูกใส่เพลจก็เลยแกะออกซะ เพราะ ว่าน้ำยาตัวนี้มันแรงอะครับ ครั้งก่อนทาถูกทับทิบหลังไป เหอๆๆๆ เสียเลย เพราะมันถูกอะไรที่เป็นเนื้ออ่อนๆไม่ได้อะครับ เวลาเราลอกเสร็จก็ต้องล้างด้วยน้ำมันเบนซิน ต่อด้วยน้ำแฟบอีกทีครับ แล้วก็มาขัดขี้สนิม ออกอีก เหอๆๆๆรู้แบบนี้ผมเก็บแห้งๆก็ดี พอดีเห็นมันมีแต่โครงอะครับกะตะเกียบที่เห็นบลายน้ำอ ะครับ แต่บังโซ่กะบังโครนไม่มีก็เลยคิดว่า คงไม่เก็บแห้งๆละวะ ไหนๆครั้งแรกก็ทำเอาสวยๆไปเลย จะได้ขับไปอวดคนอื่นเค้าด้วย เหอๆๆ
แต่อย่างว่าครับผมมันคนงบน้อยครับ ละก็อยู่ในระหว่างศึกษาหาความรู้เรื่องจักรยานอยู่ ก้เลยไม่ค่อยรู้เรื่องไรมาก เด็กใหม่อะครับ ไก่ใหม่ ก็ไม่รู้เรื่องไร มีไรก็รบกวนพี่ๆ ช่วยตอบคำถามให้หน่อย เพราะความคิดของผมคิดว่า เล่นจักรยานโบราณมันมีอะไรให้เล่นมากกว่าของโบราณอย่ างอื่นครับ ละอายุอานาม มันก็มากจริงๆครับไอ้จักรยานพวกนี้ อะไหล่ต่างๆก็มีจุดละเอียดเยอะครับ ผมว่าศึกษาไม่รู้จักจบสิ้น ไหนจะมีประโยชน์ให้คนรุ่นหลังได้รู้ได้เห็น สิ่งดีๆงามๆสิ่งที่ไม่มีในสมัยเค้า ละไหนจะสามารถนำมาถีบออกกำลังกายได้ด้วย
เรารักรถถีบเฒ่า
หมุดที่ใช้ติดเพลทได้ เห็นมีขายอยู่นะครับ ลองถามๆคนรู้จักดู ที่เห็นมีขายก็ที่บ้านจักรยาน และหาๆเอาตามคนที่เอาของมาขายที่แถวๆรัชดาฯก็ได้
ก็อย่างที่น้องฮัมเบอร์พูดนั่นแหล่ะครับ ส่วนมากเค้าจะไม่แกะเพลทออก จะเอาเทปกระดาษกาวปิดทับไว้ เนื่องจากต้องการรักษาหมุดของที่ติดมาแต่เดิมไว้ อย่างน้อยๆเป็นการยืนยันว่าเป็นรถยี่ห้อนี้จริงๆ ไม่ใช่ย้อมแมวเอารถอะไรก็ไม่รู้มาติดเพลท แต่คนที่เล่นนานๆก็คงจะพอมองออกว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร ดังนั้นการไม่แกะเพลทออกก็คงจะเพื่อต้องการคงสภาพของ เดิมไว้ให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าสีเดิมจะไม่เหลือแล้ว..::
เรื่องแกะเพลทนี่เห็นงอนๆกันหลายคู่แล้ว...โดยเฉพาะค นที่รับทำสีรถหรือร้านที่รับทำรถน่าจะรู้ดีมากที่สุด คนที่เห็นรถผ่านตามามาก มีรถแวะเวียนเข้ามาทำมาก มีลูกค้าหลากหลายความต้องการ ย่อมจะรู้ดีว่าคนที่เค้าเก็บรถจะนิยมเก็บรถแบบใด อันไหนควรถอดหรืออันไหนไม่ควรถอด รวมถึงเรื่องแกะเพลทออกเวลาทำสีรถ..
.แต่เรื่องการจะทำรถให้เป็นแบบเดิมคือไม่ทำสีหรือจะล อกสีเก่าออกแล้วพ่นสีใหม่ทับอันนี้คงจะเป็นความชอบขอ งแต่ละเจ้าของไป ซึ่งถ้าเป็นกรณีที่จะทำสีใหม่โดยมากเค้าจะไม่แกะเพลท ออก แต่แกะแล้วก็ช่างมันเถอะครับ ค่อยหาหมุดมาใส่ให้ติดเหมือนเดิมก็จบแล้ว..
คนบ้ารถถีบพบกันครั้งที่2เมื่อไหร่จัดแข่งฟุตบอลกันเ ล่นๆน่าจะมันดีนะครับอาจารย์เอาจักรยานมาคุยกันด้วยเ หมือนเดิมเพียงเพิ่มกีฬาเข้ามาพอแค่เรียกเหงื่อแข่งไ ม่ต้องมีรางวัลหากมีรางวัลเป็นแรงจูงใจแล้วรางวัลมัน จะกลายเป็นตัวแปรทำให้เกมส์มันเครียดเดี๋ยวจะเสียพี่ เสียน้องเอาแบบเล่นหนุกๆหรืออาจจะเพิ่มกินจุหรือวิ่ง กระสอบไปอีกสักหน่อยแฮ่ๆๆพิมพ์ไปนึกภาพไปน่ามันดีครั บ..รวมพลคนบ้า.กีฬาเพื่อสุขภาพฮ่าๆๆ
WE CAN HOLD THIS WORLD TOGETHERem88
สมัยเด็กๆผมเองก็ไม่เบาเหมือนกันนะน้องหนุ่ย เรื่องฟุตบอล ชอบมาก โรงเรียนไม่มีให้ก็หุ้นเงินกันไปซื้อ ก่อนเอามาเตะก็เอาจารบีทาก่อนแล้วไปตากแดดเพื่อไม่ให ้น้ำมันซึมเข้าไปในเนื้อหนังหรือเส้นด้ายที่ใช้เย็บ เผื่อเวลาโดนน้ำจะได้ไม่เปียกและเปื่อยง่าย ฟุตบอลสมัยก่อนมียางใน ในแต่ละลูกจะมีรอยผ่าเย็บเพื่อใส่ยางใน และรอยต่อของหนังแต่ละเส้นจะใช้เชือกเย็บ แต่ละลุกไม่มีกลม บูดเบียวเหมือนลุกรักบี้ เวลาแตะกันไปนานๆเชือกที่เย็บหลุดก็เห็นยางในแดงแป๊ด ถ้าไม่ไปเย็บเดี๋ยวรั่วต้องซื้อใหม่ทั้งลูก ....แต่ก็ไม่เก่งเท่าไรพอเล่นงานกฐิน ผ้าป่าได้เท่านั้น
ส่วนตะกร้อชอบมาก ก็หุ้นเงินกันซื้ออีกเหมือนกัน ลูกละ สี่บาท หกบาท หวายแปดแส้นก็สิบสองบาท ก่อนแตะก็เอาไปต้มก่อนให้หวายมันเหนียว จะได้ไม่พังง่าย....แล้วนวดด้วยน้ำมันมะพร้าว......ใ หม่ๆก็แข็งอย่างกับเตะลูกมะพร้าว กลับบ้านต้องไปซื้อน้ำมันสะโต๊ก กลิ่นเหม็นๆมาทาที่หัวเพราะหัวบวมไปหมด ตอนโหม่งบ่อยๆ สมัยนั้นไม่รู้จักเซปัค ฝ่ายได้เปรียบต้องโยนเองเสริฟเอง มีคอร์ดเหมือนแบดมินตัน มีมือหนึ่ง มือสอง มือสาม ถ้าได้แต้มต้องย้ายไปเสิรฟอีกแถบหนึ่ง .... เตะไปแตะมาตะกร้อนิ่มกำลังดีได้ไม่กี่เกมส์ก็มีอันต้ องหักพัง ....บางทีเตะไปหวายบางเส้นหลุดกลางอากาศ....สนามเป็น ดินฝุ่นเก็บลูกมาเสิรฟ...ลูกวิ่งไปยังกับหัวดาวหางส่ วนหางก็คือฝุ่นที่ติดกับลุกตะกร้อไปร่วงหล่นไปเรื่อย ......นึกถึงเด็กสมัยนี้นะ มีอุปกรณืให้เล่นมากมาย ยังไม่อยากจะเล่นไม่รู้มันอยากจะเล่นอะไรกัน....
...ปลูกทุกอย่างที่กิน.........กินทุกอย่างที่ปลูก.. .
เวลาจักรยานที่เราคาดหวัง มันเกิดเป็นอะไรขึ้นมานี่ทำให้เสียอารมณ์ไปเลยนะครับ ไม่ว่าจะเกิดจากคนอื่นทำหรือเราทำขึ้นมาเอง เมื่อก่อนไปได้ถาดราเล่ห์ใบแรก เป็นใบเล็กสภาพมอมแมมเยินๆสกปรกๆ ด้วยความเห่อก็เลยเอาไปล้างน้ำ โรยผงซักฟอกลงไป แค่แป๊บเดียว รูปสาวน้อยราเล่ห์บูดเบี้ยวเนื่องจากถูกผงซักฟอกกัด พอเอามือลูบสีก็ยิ่งหลุดออกไปใหญ่ ต้องรีบเทน้ำออกทิ้ง แล้วปล่อยให้แห้งเอง สุดท้ายถาดใบนั้นต้องเอามาวางซ้อนใต้ถาดใบอื่น เนื่องจากไม่อยากมอง เห็นแล้วมันบอกไม่ถูกที่ของอยู่มาตั้งหลายสิบปีต้องม าเสียเพราะความอยากจะให้สะอาดเอี่ยมแท้ๆ...:o
หลังจากนั้น ของอะไรที่ได้มามักจะไม่ทำอะไรมาก ได้มาอย่างไรก็มักจะปล่อยให้แห้งๆไว้อย่างนั้น ระวังอย่าให้ถูกความชื้นก็เป็นพอ...
แล้วอย่างวิธีการรักษา รถในสภาพแห้งๆละครับมีวิธียังไงบ้างอะครับ ผมได้ยินมาว่าพ่นแลกเกอร์บ้าง เช็ดน้ำยาทารองเท้าบ้าง เหอๆๆ เท่าที่ผมเข้าใจก็คือสภาพแห้งๆคำว่าแห้ง ของรถจักรยาน มันจะมีอยู่ 3แบบอะครับ คือ
1.แบบไม่มีสีติดอยู่ไม่มีลายน้ำอยู่เลยมีแต่เนื้อเหล ็ก
2.แบบมีสีติดอยู่มีลายน้ำบางๆสภาพโดยรวมของหลักๆจะเป ็นของติดรถ
3.แบบซื้อของเก่าเก็บมาทั้งคัน แล้ว นำมาใส่อะไหล่ที่ขาดละอะไหล่ตกแต่ง
ผมว่าการดูแลรักษา คงแตกต่างกันไป ด้วยสภาพที่ไม่เหมือนกันและวิธีการของแต่ละคน แต่ผมก็ไม่รู้วิธีอะครับ ช่วยแนะนำหน่อยละกันครับ จะได้มีแนวการรักษารถครับ
เรารักรถถีบเฒ่า
Bookmarks