วันก่อนมีคนเดินมาชมเพาเวอร์(จอดคุยกับกลุ่ม) ทำเหมือนสนใจปั่นรถ มีพรรคพวกชวนปั่น เขาบอกว่าให้แข็งแรงกว่านี้ก่อน เราก็ไม่เข้าใจทำไมเขต้องรอด้วย สุขภาพไม่ดีสิต้องออกกำลัง ที่น่านระยะนี้เห็นการปั่นเช้าเย็นกัน เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ปลายเดือนหน้าจะมีคณะเสือปั่นเทอดพระเกยีรติ ๘๐ พรรรษา ผ่าน น่านเข้าหลวงพระบาง(ข้อมูลเสือแก-พี่แดง) พี่แกชวนไปรับคณะที่รอยต่อพะเยา-น่าน เหมือนกัน ไม่รู้ว่าวันั้นเปิดเรียนหรือยัง
วันเสาร์ที่ผ่านมามีเรื่องต้องทำหลายอย่าง ทั้งออกไปหามุมสวยๆถ่ายรูปเพื่อที่จะเอามาทำฉากหลังส ำหรับถ่ายรูปคู่กับจักรยาน
ก็ต้องอาศัยอดทนนั่งรอจังหวะให้บนถนนรถว่างๆแล้วจึงถ ่าย ก็ลองคิดดูก็แล้วกันว่านานขนาดไหนกว่าจะหาจังหวะให้ร ถว่าง.. เลยลงภาพตัวอย่างให้ชมก่อนครับ
..วันเสาร์ผ่านร้านของเก่าแถวราชบุรีเห็นมีจักรยานโบ ราณจอดอยู่ 3 คัน. ราคาคันละประมาณ สี่พัน..สี่พันห้า....เห็นคนขับสิบล้อจอดดูอย่างสนใจ ....สงสัยจะซื้อด้วยเพราะไม่ดูอย่างอื่นเลย
........ฮัมเอร์คานโค้งแท้ก็โครงอย่างเดียว....ดุมหน ้าหลังของเฟสสัน.....ล้อไม่ต้องพูด..แฮนด์ก็ของ 28" ธรรมดา...สรุปแล้วก็คือเป็นรถใหญ่ๆ วิ่งได้......โบราณๆ ...เชยๆ...ใช้ได้แล้ว
.......มานั่งนึกว่าตัวเองกว่าจะพอดูโน่นดูนี่พอเป็น ได้บ้างก็ต้องใช้เวลาตั้งหลายปี.....นึกถึงตัวเองตอน ใหม่ๆก็อย่างนี้.......วิ่งได้ก้เท่ห์แล้ว.........ก ารจะหารถแท้สัก 50 เปอร์เซ็นต์ราคา ห้าพันเดี๋ยวนี้คงไม่เจอ แล้วครับ...
...ปลูกทุกอย่างที่กิน.........กินทุกอย่างที่ปลูก.. .
อีกสองภาพเป็นที่เสาชิงช้า และข้างกระทรวงกลาโหม ในยามเย็นๆ ส่วนสิ่งต่างๆเช่นเสาไฟฟ้า รถยนต์ที่ติดมารวมถึงเส้นจราจร คงต้องใช้โปรแกรมตกแต่งให้หายไปจากภาพ
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากจะให้มีขึ้นในการจัดนิทรร ศการจักรยานโบราณคราวนี้ครับ นอกจากผู้ชมจะได้ดูรถจักรยานแล้วก็ยังได้ถ่ายรูปคู่ก ับจักรยานด้วย
ในวันที่22 กันยายนนี้ พี่แจ๊ค ลพบุรี ประธานชมรมจักรยานโบราณแห่งสยาม แจ้งมาว่าจะมาร่วมด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นใครที่เคยลงชื่อสมัครเป็นสมาชิกชมรมจักรยานโบ รณแห่งสยามไว้ก็คงจะได้พบกับแกในคราวนี้ด้วย และทราบมาอีกเหมือนกันว่าชัย คนรักจักรยาน จะทำจักรยานล้อหน้าขนาดสูงสองเมตร...! มาร่วมด้วยเช่นกัน นึกแล้วอยากเห็นคันจริงสักที ว่าทำออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร...และคราวนี้อาจจะมีรถแ ปลกที่ยังไม่เคยเห็นกันในวงการ มาร่วมโชว์ในคราวนี้ด้วย
เสาร์ที่ผ่านมาหลังจากปั่นรถถีบออกไปหาสถานที่สวยถ่า ยรูปแล้ว จึงปั่นกลับมาเดินที่คลองถมต่อ ซึ่งก็ได้พบกับจักรยานเสือหมอบของอังกฤษยี่ห้อ DAWES ชื่อนี้คงคุ้นๆกันหลายคน แต่อะไหล่ถูกเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นไปหมดแล้ว ส่วนของเดิมที่เห็นๆเหลือแต่เพียงโครงและแฮนด์ ส่วนล้อเป็นของฝรั่งเศส
คนขายตั้งราคา 1700 บาท ถูกดี แต่ไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไรเหมือนกัน ตกลงก็เลยไม่เอา...
เมื่อวานฝนตกหนักมาก กว่าจะเดินทางกลับถึงบ้าน ต้องนั่งอยู่ในรถตู้ถึงสองชั่วโมงครึ่ง เพราะรถติดแบบไม่ขยับเลย วันนี้มีงานฉลองเสาชิงช้าใหม่ที่ลานศาลาว่าการกรุงเท พฯ ทีแรกว่าจะปั่นรถถีบไป แต่เย็นนี้สงสัยจะต้องดูฟ้าดูฝนก่อนแล้ว..ในวันนี้หา กฝนไม่ตกก็ขอเชิญไปเที่ยวชมงานกันนะครับ มีถึงพรุ่งนี้อีกวันนึง
ถ้าเป็นจักรยานโบราณ...ดาเวสคันนี้คงหลายตังค์อยู่.. ....แต่มาเป็นรถแนวนี้จึงถือว่าเป็นจักรยานที่ตกรุ่น จึงไม่มีใครนิยม.......ยิ่งเป็นเสือหมอบหรือเสือภูเข าที่ตัวถังเป็นเหล็กยิ่งไม่มีใครอยากเป็นเจ้าของเลย
..........โครงโครโมลี่..(โครเมี่ยม+โมลิบดินั่ม)..ก ็เคยเป็นที่นิยม...เดี๋ยวนี้เห็นมีคนถวิลหาอยู่...นอ กนั้นใช้โครงอลูมิเนียม....ไททาเนียม......และสุดท้า ยที่แพงสุดคือโครงคาร์บอน.....
........และการเล่นรถแนวใหม่.....ส่วนมากจะผสม...เช่ นโครงยี่ห้อหนึ่ง...ล้อยี่ห้อหนึ่ง....อานอีกยี่ห้อห นึ่ง..(เรียกว่าเอาของดีของแต่ละยี่ห้อมารวมกันในรถค ันเดียว)...ชุดขับเคลื่อนแน่นอนที่..ชิมาโน่ของญี่ปุ ่น.....การันตี..ในตูร์เดอฟร้องค์.....เห็นว่าแชมป์ห ลายสนามใช้ของชิมาโน...
...ปลูกทุกอย่างที่กิน.........กินทุกอย่างที่ปลูก.. .
การทำรถแบบนี้ ไม่ถือว่าเป็นแนวใหม่หรอกครับอาจารย์ มันเริ่มต้นประมาณช่วงปี 1920 ที่รถอังกฤษเริ่มจะมีการแข่งขันรถถีบขึ้น ในแนวที่ทำน้ำหนักลดลงมาเยอะๆ แต่ถ้าพูดถึงฝรั่งเศส เค้าแข่งตูร์เดอฟร้องค์ มาเป็นร้อยกว่าปีแล้ว ประมาณว่าขี่กันสามวันสามคืน คนเมื่อก่อนโคตรทรหดเลย ตอนหลังเปลี่ยนเป็นสนามแต่ละที่เอา เนื่องจาก ต้องการเซฟคนมากกว่าข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mka
การบริษัทรถถีบแต่ละแห่งในอังกฤษ เริ่มรถทำแนวตลาด ก็มาเริ่มเอาต้นปี 1930 (เมื่อก่อนทำพิเศษเฉพาะรถที่ลงแข่ง) ในช่วงนี้เริ่มมีบริษัทหลายๆแห่งเริ่มทำส่วนประกอบขอ งรถถีบ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น เบรก,ล้อ,แฮนด์,บันได,จานปั่น ฯลฯ
ต้นปี 1935 Reynolds Cycle Technology (บริษัทแห่งนี้ก็เริ่มก่อตั้งขึ้นในเมืองเบอร์มิ่งแฮ ม ปลายปี 1898) โดยผลิตท่อเหล็กน้ำหนักเบาขึ้น ภายใต้ส่วนผสมของ แมกนีเซียม 1.5 % โมลิบดินั่ม 0.25% แล้วก็คาร์บอน 0.35% เป็นหลัก ที่จริงก็ผสมมีเดียม และเหล็กด้วย ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้รหัส “Reynolds 531 “ อันลือเลื่อง จนมาถึงปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีการถลุงแร่ทันสมัยมาก สูตรการผลิตจึงเปลี่ยนไป มีการใช้แร่ตัวอื่นๆมาทดแทน เข้าใจว่าพัฒนาจนถึง Reynolds 853 ทำให้ชื่อของ Reynolds 531 จึงกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันจนถึงทุกวันนี้ครับ วันหลังจะมาคุยต่อถึงรายละเอียดของรถในแนวนี้ครับและ เจาะลึกถึงรายละเอียดคุณสมบัติทางกลของ Reynolds 531 ที่ได้ชื่อว่า Alloy Steel ใครอยากได้ ต้องเป็นการสั่งพิเศษ เท่านั้น
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หัวโป่ : 12-09-2007 เมื่อ 14:32
"ถ้าชอบ ก็ทำเถิด แต่อย่าทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนนะลูก"
ดีครับ....พอดีผมเอายุคเริ่มต้นกระโดดมายุคท้ายๆเลย. .....มีข้อมูลอีกก็เพิ่มเติมอีกครับ...การทำรถแบบนี้ ไม่ถือว่าเป็นแนวใหม่หรอกครับอาจารย์ มันเริ่มต้นประมาณช่วงปี 1920 ที่รถอังกฤษเริ่มจะมีการแข่งขันรถถีบขึ้น ในแนวที่ทำน้ำหนักลดลงมาเยอะๆ แต่ถ้าพูดถึงฝรั่งเศส เค้าแข่งตูร์เดอฟร้องค์ มาเป็นร้อยกว่าปีแล้ว ประมาณว่าขี่กันสามวันสามคืน คนเมื่อก่อนโคตรทรหดเลย ตอนหลังเปลี่ยนเป็นสนามแต่ละที่เอา เนื่องจาก ต้องการเซฟคนมากกว่า
การบริษัทรถถีบแต่ละแห่งในอังกฤษ เริ่มรถทำแนวตลาด ก็มาเริ่มเอาต้นปี 1930 (เมื่อก่อนทำพิเศษเฉพาะรถที่ลงแข่ง) ในช่วงนี้เริ่มมีบริษัทหลายๆแห่งเริ่มทำส่วนประกอบขอ งรถถีบ ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น เบรก,ล้อ,แฮนด์,บันได,จานปั่น ฯลฯ
ต้นปี 1935 Reynolds Cycle Technology (บริษัทแห่งนี้ก็เริ่มก่อตั้งขึ้นในเมืองเบอร์มิ่งแฮ ม ปลายปี 1898) โดยผลิตท่อเหล็กน้ำหนักเบาขึ้น ภายใต้ส่วนผสมของ แมกนีเซียม 1.5 % โมลิบดินั่ม 0.25% แล้วก็คาร์บอน 0.35% เป็นหลัก ที่จริงก็ผสมมีเดียม และเหล็กด้วย ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้รหัส Reynolds 531 อันลือเลื่อง จนมาถึงปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีการถลุงแร่ทันสมัยมาก สูตรการผลิตจึงเปลี่ยนไป มีการใช้แร่ตัวอื่นๆมาทดแทน เข้าใจว่าพัฒนาจนถึง Reynolds 853 ทำให้ชื่อของ Reynolds 531 จึงกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันจนถึงทุกวันนี้ครับ วันหลังจะมาคุยต่อถึงรายละเอียดของรถในแนวนี้ครับและ เจาะลึกถึงรายละเอียดคุณสมบัติทางกลของ Reynolds 531 ที่ได้ชื่อว่า Alloy Steel ใครอยากได้ ต้องเป็นการสั่งพิเศษ เท่านั้น
...ปลูกทุกอย่างที่กิน.........กินทุกอย่างที่ปลูก.. .
อ.mka ครับวานนี้ผมตัดสินใจถอย TREK 3900 (8000฿) ที่น่านมาครับ รอพวกไปดู MERIDA มือสองที่ กทม. ราคาใกล้เคียงเลยต้องถอยป้ายแดงตัวใหม่มาลองก่อน จะเริ่มฟิตแล้ว ครับจริงๆก็ฟัด(ฟิต)ทุกวันๆละ20กว่าโลอยู่แล้ว เจ้าโบราณไว้ปั่นกับกลุ่ม อย.ไม่ไกลนักทุกเสาร์อาทิตย์ ลองเปลี่ยนบรรยากาศดู ที่น่านก็เริ่มมีกลุ่มเสือปั่นกันทุกเย็น
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย maneepong : 14-09-2007 เมื่อ 08:04
น่าสนใจจริงๆ กับความมานะครับ ต้องวางแผนทำงานตั้งหลายอย่างกับคันนี้ เพราะบังเอิญได้ไปเห็นตั้งกะยังเป็นกองเศษเหล็กอยู่ใ นร้านตาชัยอะครับ ... ลงทุนขนาดจัด+ตกแต่งร้านใหม่ เพื่อให้ทำงานกับล้อโตที่ว่าได้สะดวก ๆ เห็นบอกว่าเป็นล้อโตที่สูงที่สุดในโลกด้วยนะ ... กะทำลายสถิติโลกกันเลยซะงั๊น ...
เรื่องทำจักรยานล้อโตขึ้นมาใหม่ นี่ทราบข่าวมานานแล้ว เห็นมีหลายคนเหมือนกัน แต่ที่ทำเสร็จก่อนใครเพื่อนเห็นจะเป็นน้าช้าง พ่อค้าขายจักรยานญี่ปุ่นมือสอง ที่เห็นว่าแบ่งงานกันทำแล้วก็นำมาประกอบเข้าด้วยกัน คันนั้นล้อหน้าสูงประมาณ53นิ้ว งานก็พอใช้ได้ถึงจะมีรายละเอียดหลายอย่างที่ไม่เหมือ นไปเสียทีเดียว แต่เห็นแกบอกว่าขี่ได้จริง หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำขึ้นมาอีกหรือเปล่าทราบว่ าคันแรกนี่หมดเงินไปหลายตังค์เเหมือนกัน คิดว่าทำเอามันส์มากกว่า ทำเสร็จแล้วก็หายสงสัย หายสนุก
อีกคนก็เห็นอีกคนนึงที่เห็นบอกว่าทำวงล้อเรียบร้อยแล ้ว แต่ยังสงสัยเรื่องดุมและการขับเคลื่อน หลายเสาร์ก่อนเจอกันที่คลองถม แกบอกว่าจะขอไปถ่ายรูปรถที่บ้านเพื่อจะดูและลองทำตาม แต่ก็เงียบไปแล้ว
ส่วนรถชัยนี่ก็ทราบมานานแล้วเช่นกัน เคยมาถ่ายรูปรถที่บ้านหนนึงตอนปีที่แล้ว และเคยคุยเรื่องขนาดวงล้อที่เพิ่งจะทำขึ้นมาเสร็จใหม ่ๆว่า การคิดขนาดวงล้อควรจะคำนึงถึงช่วงขาของเราด้วย หากล้อใหญ่เกินขาเราก็จะปั่นไปถึง ทำเสร็จแล้วก็จะขี่ไม่ได้ต้องเสียเวลาและเงินทำวงล้อ ขึ้นมาใหม่
แต่ก็ทราบว่ารถของชัยคันนี้ ใช้วิธีติดตั้งโซ่แล้วปั่นด้วยเพื่อแก้ปัญหาช่วงขาไม ่ถึง ซึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่าติดตั้งแบบไหนแล้วจะขี่ได้หรือ เปล่า เดี๋ยววันคาร์ฟรีเดย์ก็คงจะได้รู้กัน ก็ถือว่าเป็นสีสันอย่างหนึ่ง
เมื่อวานกลับมาถึงบ้าน พบกับพัสดุที่หัวโป่ส่งมาให้ร่วมนำออกแสดงในนิทรรศกา รจักรยานโบราณ เปิดออกมาดูเป็นใบขับขี่จักรยาน สมัย พ.ศ.2512 นับจนถึงปัจจุบันก็มีอายุได้ประมาณ38 ปีเข้าไปแล้ว และอีกหนึ่งใบก็เป็นสมุดเล่มทะเบียนจักรยาน ออกเมื่อปี พ.ศ.2498 เป็นอีกหนึ่งของคนบ้ารถถีบจากทางเหนือที่นำของมาร่วม แสดงในงานนี้
เช้านี้เข้าไปดูเวบของชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประ เทศไทย ทำให้ทราบว่าที่เชียงใหม่ก็จัดงานวันคาร์ฟรีเดย์เหมื อนกัน โดยจัดขึ้นที่แถวๆข่วงประตูท่าแพ ทราบว่ามีถึงสองวันคือวันที่22และ23 กันยายน
ตกลงว่าตอนนี้เอกสารเกี่ยวกับจักรยานก็มีค่อนข้างจะค รบแล้ว ตั้งแต่สมุดเล่มทะเบียน ใบขับขี่ ป้ายทะเบียน และรถที่ตอกป้ายทะเบียน(ซันบีมทะเบียนภูเก็ต) รวมไปถึงเอกสารเก่าแก่ชิ้นใหม่อีกหนึ่งชิ้นก็คือแผ่น ประกาศโฆษณาขายจักรยานและอาไหล่..ในยุคเมื่อประมาณ70 ปีมาแล้ว ได้มาพร้อมๆกับแผ่นโฆษณาอื่นๆในยุคเดียวกัน
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ฝนเริ่มหาย ทางเหนืออากาศเริ่มเย็นๆแล้วครับ ลมหนาวเริ่มพัดโชย โดยเฉพาะช่วงเช้ามืด เรียกได้ว่าหนาวแล้ว ถือเป็นฤกษ์ดีมาก กับเทศกาลขี่รถถีบแล้ว ขี่แล้วสุภาพดี ไม่เชื่อลองดูครับ แต่ที่แน่ๆตัวเองโดนไข้หวัดเอาไปกินได้ 2 วันแล้วครับ
"ถ้าชอบ ก็ทำเถิด แต่อย่าทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนนะลูก"
ผ่านไปด้วยดีสำหรับนิทรรศการจักรยานโบราณที่สนามศุภช ลาศัย ได้บรรยากาศที่ดี เป็นการร่วมมือร่วมใจของทุกๆคน ในงานนี้มีสิ่งที่ดูว่าดีอยู่แล้วและสิ่งที่จะต้องแก ้ไขซึ่งก็จะได้นำจุดที่ต้องปรับปรุงหลายๆจุดมาทำให้ด ีขึ้นหากมีโอกาสได้มาร่วมกันจัดนิทรรศการแบบนี้อีก
จุดที่น่าสนใจไม่แพ้จุดอื่นๆในนิทรรศการคราวนี้ก็คือ การถ่ายภาพคู่กับจักรยานโบราณ โดยมีฉากตึกกระทรวงกลาโ**ู่เบื้องหลัง เห็นว่าคนที่มาชมนิทรรศการอดไม่ได้ที่จะมาถ่ายภาพกัน หลายๆคน
ซึ่งการถ่ายภาพโดยมีฉากอยู่ด้านหลังนั้น เป็นสิ่งที่มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยโบราณ คราวนี้ก็ถือว่าเป็นการสร้างบรรยากาศย้อนยุคไปในตัว ซึ่งก็จะมีเสื้อ และหมวกให้ได้สวมกัน ความจริงแล้วยังมีกางเกงอีกหนึ่งตัว ที่เพิ่งซักมาใหม่เอี่ยม แต่กลัวคนจะไม่กล้าสวมกันเลยไม่เอาออกมา...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wasant : 28-09-2007 เมื่อ 07:44
กฎการส่งข้อความ
ดูรายนะเอียดส่วนตัว
ดูกระทู้ตอบทั้งหมด
ดูกระทู้ ทั้งหมด
Ignore This Member
ดู Albums ทั้งหมด
View Friends
ดูบทความ
View Blog Entries
ตอบ-อ้างอิงข้อความ
ข้อความส่วนตัว
Bookmarks