ช่วงนี้ไม่ได้จักรยานอะไรใหม่ๆหรือหาของมาเพิ่ม ทำให้ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร ต่างกับคนอื่นที่อาจจะมีมิสซีส...คันใหม่ ทำให้มีเรื่องเล่าสนุกๆกัน เลยคิดว่างัดเอาเรื่องเก่าๆที่ได้ไปเจอมา มาเล่าให้อ่านกันพอสนุกๆ...
ธรรมดาของคนเล่นจักรยานโบราณ เมื่อไปอยู่ที่ไหนก็มักจะตะลอนๆหาจักรยานใหม่ๆมาเก็บ ตอนที่ได้มีโอกาสไปทำงานอยู่ที่ภูเก็ตประมาณปีครึ่ง ช่วงนั้นตระเวณขับรถไปแทบจะทั่วเกาะเหมือนกัน ซึ่งนอกจากจะได้จักรยานกลับลงมาที่กรุงเทพฯแล้ว ยังพอที่จะได้ข้อมูลนิดๆหน่อยเกี่ยวกับจักรยานในภูเก ็ต จากคนหลายๆคน ซึ่งพอจะได้ความว่า......
อย่างแรกเลย ความรู้เกี่ยวกับเกาะภูเก็ตโดยคร่าวๆ ก็คือ เป็นเกาะขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากผืนดินฝั่งจังหวัดพังงาเพียงประมาณหนึ่งก ิโลเมตร มีสะพานสารสินเชื่อมต่อไปมาหาสู่กันกับผืนดินใหญ่ได้
สมัยเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนนั้น เรียกว่าภูเก็จ เป็นหัวเมืองที่ขึ้นชื่อในแหล่งการทำเหมืองแร่ มีเรือสำเภาขนชาวจีนเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่มากมาย ทำให้ในเวลานั้นภูเก็จคึกคักมาก การค้า-ขายเจริญรุ่งเรือง และชาวจีนที่อพยพมานี่เองที่ต่อมาได้ทำการค้าสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเส้นทางขนถ่ายสินค้าจากการสอบถามคนรุ่นเก่าๆได้ข ้อมูลว่า สั่งมาทางปีนัง และเข้ามาทางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาอีกที
สิ่งที่หลงเหลือแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในย ุคนั้นก็คืออาคารเก่าในตัวเมืองภูเก็ต เป็นอาคารสถาปัตยกรรมรูปแบบโปรตุกรีสซึ่งได้รับอิทธิ พลมาจากทางปีนัง
ภูเก็ตในสมัยนั้นเจริญมาก มีหลักฐานอีกอย่างเป็นรูปภาพเก่าๆ ที่อาจจะหาชมได้ที่โรงแรมถาวร ซึ่งเป็นโรงแรมใหญ่ในตัวเมืองภูเก็ต โดยที่นั่นได้กันพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มีขอ งเก่าๆให้ชมมากมาย
วกกลับมาถึงจักรยานโบราณ จักรยานที่พบที่ภูเก็ตนั้นมักจะเป็นจักรยานหลากหลายย ี่ห้อ มากกว่าที่กรุงเทพฯมาก มีจักรยานยี่ห้อที่ไม่เคยเห็นหลายๆยี่ห้อ บีเอสเอที่ว่ากันว่าเป็นรถในฝันของหลายๆคนก็พบมากที่ ภูเก็ตถึงแม้ว่าสภาพจะไม่ค่อยจะดีนัก
จักรยานแบบสปอร์ต26"ยี่ห้อรัดจ์ รุ่นเก่าๆไม่มีกุญแจคอ พร้อมทั้งบันไดรัดจ์เห็นยังจอดใช้อยู่หน้าคลีนิคในตล าดอยู่เลย รถรัดจ์นี่พบหลายต่อหลายคันมากที่ภูเก็ต
จักรยานตรา empire ก็พบหลายๆคันที่ภูเก็ต แต่ถ้าดูให้ดีจะสังเกตเห็นว่าบางคันมีคำว่า ปีนังเป็นภาษาอังกฤษตีติดอยู่ด้วย
จากการเสาะหาจักรยานโบราณนี่เองก็ทำให้พบกับช่างซ่อม จักรยานคนเก่าๆอยู่คนนึง ทำให้พอจะได้ทราบ เส้นทางความเป็นมาของจักรยานในเมืองเก่าแห่งนี้บ้าง.
แป๊ะติ๋ว...เป็นช่างซ่อมจักรยานรุ่นเก่าๆที่ยังหลงเห ลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว ตอนที่พบตอนนั้น( พ.ศ. 2543 ) แปะติ๋วอายุประมาณ 72 ปีแล้ว นับถึงปีนี้ อายุก็คงจะประมาณ 78 ปีเห็นจะได้
แป๊ะติ๋วอาศัยอยู่ในตรอกเล็กๆข้างตึกเก่าๆริมถนนถลาง ตรงกันข้ามกับโรงเรียนไทยหัวซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษา จีนซึ่งว่ากันว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย มีรายได้เล็กๆน้อยจากการรับประกอบรถซึ่งรับโครงมาจาก ร้านข้างนอกอีกทีหนึ่ง และรายได้จากจักรยานเพื่อนบ้านที่แวะเวียนเข้ามาซ่อม เล็กๆน้อยๆ
แป๊ะติ๋วเล่าว่า เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดที่จะซ่อมจักรยานแบบนี้ ตอนนั้นอยู่กับพี่ชายซึ่งเป็นร้านขายจักรยานอยู่ที่ถ นนถลาง จำได้ว่าตอนนั้นจักรยานที่รับมาจะส่งมาจากทางหาดใหญ่ ซึ่งสั่งมาจากทางปีนังอีกทีหนึ่ง ซึ่งใกล้และสะดวกกว่าที่จะสั่งมาจากทางบางกอก ที่ใกลกว่า และคิดว่าราคาบวกค่าขนส่งก็น่าจะสูงกว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พบว่าภูเก็ตมีรถจักรยานหลากห ลายยี่ห้อนัก..
เคยสอบถามแป๊ะติ๋วเกี่ยวกับเรื่องราวการพบเห็นจักรยา นทรงแปลกๆอย่างรถคานไขว้ ซึ่งแป๊ะติ๋วก็เล่าให้ฟังว่า ทางปีนังเคยนำมาให้ทดลองขายอยู่ไม่กี่โครง แต่ก็ไม่ค่อยจะมีคนซื้อไปใช้เนื่องจากว่าไม่สามารถนำ มาประกอบเข้ากันกับโครงพ่วงข้างได้
ต่อมา พี่ชายได้เสียชีวิตลง ร้านค้าก็ไม่ได้ดำเนินกิจการต่อ ของที่อยู่ในร้านก็ถูกคนเหมาไปขายต่อบ้าง บางอย่างใช้ไม่ค่อยได้ก็โละขายถูกๆกับคนรับซื้อของเก ่า สุดท้ายก็คนจากบ้านสะปำ ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเล เหมาของในร้านจักรยานชุดสุดท้ายไป เพื่อนำไปดำเนินกิจการต่อ ซึ่งโครงจักรยานต่างๆที่ถูกเหมาไปนั้น แป๊ะติ๋วคลับคล้ายคลับคราว่าน่าจะรวมไปถึงโครงคานไขว ้ที่ขายไม่ออกชุดนั้นด้วย
เกี่ยวกับจักรยานคานไขว้ที่ได้ร่องรอยการเดินทางจากป ีนัง สู่บ้านสะปำแล้ว เมื่อพอที่จะได้ทราบข้อมูลดังกล่าว ภายหลังก็ได้ไปตระเวณสืบหาร้านจักรยานดังว่า สุดท้ายก็ได้พบแต่ภรรยาเจ้าของร้าน ส่วนเจ้าของร้านถึงแก่กรรมแล้ว ร้านจักรยานเลยเลิกโดยปริยาย และก็ได้ขับรถตระเวณดูตามตลาดสะปำด้วยความหวังลมๆแล้ งๆ แต่ก็ไม่พบจักรยานคันแปลก การตามรอยรถคานไขว้จึงหยุดอยู่แค่นั้น
div>
Bookmarks