ย้อนรอยรถถีบภูเก็ต
                                
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 4 หน้า 1 2 3 4 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 15 จากทั้งหมด 59

ชื่อกระทู้: ย้อนรอยรถถีบภูเก็ต

  1. #1
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน ย้อนรอยรถถีบภูเก็ต



    ช่วงนี้ไม่ได้จักรยานอะไรใหม่ๆหรือหาของมาเพิ่ม ทำให้ไม่รู้ว่าจะคุยอะไร ต่างกับคนอื่นที่อาจจะมีมิสซีส...คันใหม่ ทำให้มีเรื่องเล่าสนุกๆกัน เลยคิดว่างัดเอาเรื่องเก่าๆที่ได้ไปเจอมา มาเล่าให้อ่านกันพอสนุกๆ...

    ธรรมดาของคนเล่นจักรยานโบราณ เมื่อไปอยู่ที่ไหนก็มักจะตะลอนๆหาจักรยานใหม่ๆมาเก็บ ตอนที่ได้มีโอกาสไปทำงานอยู่ที่ภูเก็ตประมาณปีครึ่ง ช่วงนั้นตระเวณขับรถไปแทบจะทั่วเกาะเหมือนกัน ซึ่งนอกจากจะได้จักรยานกลับลงมาที่กรุงเทพฯแล้ว ยังพอที่จะได้ข้อมูลนิดๆหน่อยเกี่ยวกับจักรยานในภูเก ็ต จากคนหลายๆคน ซึ่งพอจะได้ความว่า......
    อย่างแรกเลย ความรู้เกี่ยวกับเกาะภูเก็ตโดยคร่าวๆ ก็คือ เป็นเกาะขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากผืนดินฝั่งจังหวัดพังงาเพียงประมาณหนึ่งก ิโลเมตร มีสะพานสารสินเชื่อมต่อไปมาหาสู่กันกับผืนดินใหญ่ได้
    สมัยเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนนั้น เรียกว่าภูเก็จ เป็นหัวเมืองที่ขึ้นชื่อในแหล่งการทำเหมืองแร่ มีเรือสำเภาขนชาวจีนเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่มากมาย ทำให้ในเวลานั้นภูเก็จคึกคักมาก การค้า-ขายเจริญรุ่งเรือง และชาวจีนที่อพยพมานี่เองที่ต่อมาได้ทำการค้าสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเส้นทางขนถ่ายสินค้าจากการสอบถามคนรุ่นเก่าๆได้ข ้อมูลว่า สั่งมาทางปีนัง และเข้ามาทางอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาอีกที
    สิ่งที่หลงเหลือแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในย ุคนั้นก็คืออาคารเก่าในตัวเมืองภูเก็ต เป็นอาคารสถาปัตยกรรมรูปแบบโปรตุกรีสซึ่งได้รับอิทธิ พลมาจากทางปีนัง
    ภูเก็ตในสมัยนั้นเจริญมาก มีหลักฐานอีกอย่างเป็นรูปภาพเก่าๆ ที่อาจจะหาชมได้ที่โรงแรมถาวร ซึ่งเป็นโรงแรมใหญ่ในตัวเมืองภูเก็ต โดยที่นั่นได้กันพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มีขอ งเก่าๆให้ชมมากมาย

    วกกลับมาถึงจักรยานโบราณ จักรยานที่พบที่ภูเก็ตนั้นมักจะเป็นจักรยานหลากหลายย ี่ห้อ มากกว่าที่กรุงเทพฯมาก มีจักรยานยี่ห้อที่ไม่เคยเห็นหลายๆยี่ห้อ บีเอสเอที่ว่ากันว่าเป็นรถในฝันของหลายๆคนก็พบมากที่ ภูเก็ตถึงแม้ว่าสภาพจะไม่ค่อยจะดีนัก
    จักรยานแบบสปอร์ต26"ยี่ห้อรัดจ์ รุ่นเก่าๆไม่มีกุญแจคอ พร้อมทั้งบันไดรัดจ์เห็นยังจอดใช้อยู่หน้าคลีนิคในตล าดอยู่เลย รถรัดจ์นี่พบหลายต่อหลายคันมากที่ภูเก็ต
    จักรยานตรา empire ก็พบหลายๆคันที่ภูเก็ต แต่ถ้าดูให้ดีจะสังเกตเห็นว่าบางคันมีคำว่า ปีนังเป็นภาษาอังกฤษตีติดอยู่ด้วย

    จากการเสาะหาจักรยานโบราณนี่เองก็ทำให้พบกับช่างซ่อม จักรยานคนเก่าๆอยู่คนนึง ทำให้พอจะได้ทราบ เส้นทางความเป็นมาของจักรยานในเมืองเก่าแห่งนี้บ้าง.
    แป๊ะติ๋ว...เป็นช่างซ่อมจักรยานรุ่นเก่าๆที่ยังหลงเห ลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว ตอนที่พบตอนนั้น( พ.ศ. 2543 ) แปะติ๋วอายุประมาณ 72 ปีแล้ว นับถึงปีนี้ อายุก็คงจะประมาณ 78 ปีเห็นจะได้
    แป๊ะติ๋วอาศัยอยู่ในตรอกเล็กๆข้างตึกเก่าๆริมถนนถลาง ตรงกันข้ามกับโรงเรียนไทยหัวซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษา จีนซึ่งว่ากันว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย มีรายได้เล็กๆน้อยจากการรับประกอบรถซึ่งรับโครงมาจาก ร้านข้างนอกอีกทีหนึ่ง และรายได้จากจักรยานเพื่อนบ้านที่แวะเวียนเข้ามาซ่อม เล็กๆน้อยๆ
    แป๊ะติ๋วเล่าว่า เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดที่จะซ่อมจักรยานแบบนี้ ตอนนั้นอยู่กับพี่ชายซึ่งเป็นร้านขายจักรยานอยู่ที่ถ นนถลาง จำได้ว่าตอนนั้นจักรยานที่รับมาจะส่งมาจากทางหาดใหญ่ ซึ่งสั่งมาจากทางปีนังอีกทีหนึ่ง ซึ่งใกล้และสะดวกกว่าที่จะสั่งมาจากทางบางกอก ที่ใกลกว่า และคิดว่าราคาบวกค่าขนส่งก็น่าจะสูงกว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พบว่าภูเก็ตมีรถจักรยานหลากห ลายยี่ห้อนัก..
    เคยสอบถามแป๊ะติ๋วเกี่ยวกับเรื่องราวการพบเห็นจักรยา นทรงแปลกๆอย่างรถคานไขว้ ซึ่งแป๊ะติ๋วก็เล่าให้ฟังว่า ทางปีนังเคยนำมาให้ทดลองขายอยู่ไม่กี่โครง แต่ก็ไม่ค่อยจะมีคนซื้อไปใช้เนื่องจากว่าไม่สามารถนำ มาประกอบเข้ากันกับโครงพ่วงข้างได้
    ต่อมา พี่ชายได้เสียชีวิตลง ร้านค้าก็ไม่ได้ดำเนินกิจการต่อ ของที่อยู่ในร้านก็ถูกคนเหมาไปขายต่อบ้าง บางอย่างใช้ไม่ค่อยได้ก็โละขายถูกๆกับคนรับซื้อของเก ่า สุดท้ายก็คนจากบ้านสะปำ ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเล เหมาของในร้านจักรยานชุดสุดท้ายไป เพื่อนำไปดำเนินกิจการต่อ ซึ่งโครงจักรยานต่างๆที่ถูกเหมาไปนั้น แป๊ะติ๋วคลับคล้ายคลับคราว่าน่าจะรวมไปถึงโครงคานไขว ้ที่ขายไม่ออกชุดนั้นด้วย

    เกี่ยวกับจักรยานคานไขว้ที่ได้ร่องรอยการเดินทางจากป ีนัง สู่บ้านสะปำแล้ว เมื่อพอที่จะได้ทราบข้อมูลดังกล่าว ภายหลังก็ได้ไปตระเวณสืบหาร้านจักรยานดังว่า สุดท้ายก็ได้พบแต่ภรรยาเจ้าของร้าน ส่วนเจ้าของร้านถึงแก่กรรมแล้ว ร้านจักรยานเลยเลิกโดยปริยาย และก็ได้ขับรถตระเวณดูตามตลาดสะปำด้วยความหวังลมๆแล้ งๆ แต่ก็ไม่พบจักรยานคันแปลก การตามรอยรถคานไขว้จึงหยุดอยู่แค่นั้น













    รูป รูป  
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย webmaster : 04-07-2010 เมื่อ 19:44

  2. #2

    มาตรฐาน

    เห็นพี่ เล่าถึงคานไขว้ เลยหารูปมาให้ดู ตอนที่ได้ไปทำงานที่ภูเก็ต ก็ไม่ได้สืบเสาะหาของเท่าไรนักเนื่องด้วย ต้องทำงานถึง 7 วัน แต่ถ้าเดินแถวถนนถลางก็จะเห็น สภาปัตยกรรม ต่างๆ ที่สวยงามมากครับ













    รูป รูป  
    ประหยัด อดออม เพื่อวันข้างหน้า

  3. #3
    หัวโป่'s Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2006
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    1,269
    ขอบคุณ
    1
    ได้รับขอบคุณ 14 ครั้ง ใน 8 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    20

    มาตรฐาน

    พูดถึงคานไขว้ เมื่อวานลองเข้าไปดูรถถีบของฮอลแลนด์ ซึ่งมีทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ คายไขว้เค้าผลิตจนถึง ปี ค.ศ. 1957 ซึงดูแล้วมีหลายๆทรงมาก จนไปถึงรถถีบพ่วงหรือแบบขับได้หลายๆคน การตามหารถถีบตามลายแทงจะสนุกไปอีกแบบ ลุ้นแบบจิตนาการไปก่อนก็มี แต่ที่แน่ตัวเราเองได้ท่องเที่ยวไปแบบไม่รู้ตัวครับ em18
    "ถ้าชอบ ก็ทำเถิด แต่อย่าทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนนะลูก"

  4. #4
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน

    นอกจากแป๊ะติ๋วซึ่งเป็นแหล่งแวะสอบถามจักรยานโบราณแล ้ว ก็ยังมีแหล่งข้อมูลอื่นๆอีกหลายแห่งหลายคน ในเบื้องต้นนี้จะขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับการหาจักรยานก ับแป๊ะติ๋วก่อน...
    คนเล่นจักรยานหรือคนหาจักรยาน มักจะใช้วิธีฝากดูๆรถให้ ที่นี่ก็เช่นกัน ทุกๆเช้าวันอาทิตย์เมื่อขับรถมาที่ตัวเมืองก็มักจะแว ะมาหาแป๊ะติ๋วเป็นแห่งแรก จะมาดูว่าวันนี้มีอะไหล่หรือข่าวคราวอะไรบ้าง ซึ่งเรื่องอะไหล่นั้นเมื่อมาหามักจะได้อะไหล่ติดไม้ต ิดมือเล็กๆน้อยๆเสมอ อย่างน้อยๆถึงจะไม่ค่อยมีอะไรก็มักจะหาอะไรสักอย่างเ พื่อเป็นการอุดหนุนแกให้มีรายได้บ้าง บางครั้งก็เอาจักรยานไปเปลี่ยนยางกับแก วันไหนไปหาแล้วไม่พบ ซึ่งโดยมากก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ข้างในตรอกอีกหน่อย เห็นนั่งเล่นไพ่แบบจีนกับคนแก่รุ่นคราวเดียวกัน
    เช้าวันหนึ่งของวันอาทิตย์ ก็ไปแวะหาแกตามปรกติ แต่ไม่พบตัว ลองชะโงกเข้าดูภายในห้องแถว สายตาเห็นจักรยานชายขนาด26"คันหนึ่งสภาพเหมือนจอดทิ้ งไว้นานโดยดูจากหยักไย่และขี้แมลงสาบเกาะอยู่ในบางจุ ด เมื่อพิจารณาดูพบบังโซ่มีลักษณะแปลกๆไม่เหมือนรถคันอ ื่นที่มองเห็น เพลททองเหลืองรูปไข่ตัวหนังสือจางมากแล้ว แต่ก็พอจะอ่านออกว่า...sunbeam













    รูป รูป  
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wasant : 15-11-2006 เมื่อ 21:13

  5. #5
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน

    " เจ้าของเค้าเอามาเปลี่ยนยาง...."....แป๊ะติ๋วตอบ...ห ลังจากถูกถามถึงซันบีมคันดังกล่าวที่จอดอยู่ในบ้าน
    รถคันนี้ถูกจอดทิ้งไว้นานหลายปี เพิ่งจะเอาออกมาใช้อีกครั้ง ซึ่งเจ้าของก็ได้เลือกใช้บริการของแป๊ะติ๋ว ทำให้วันนั้นได้ไปพบ...อย่างไม่คาดฝัน..em18
    sunbeam เคยได้ยินชื่อครั้งแรก เมื่อได้อ่านหนังสือสารคดีเล่ม"การกลับมาของรถถีบ" ฉบับเมื่อหลายปีก่อน รวมไปถึงคำบอกเล่าจากคนเล่นจักรยานรุ่นเก่าว่าเป็นรถ ที่หายาก ก็ได้รับรู้อยู่เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะพบโดยบังเอิญแบบนี้...และต่อมาหลังจาก ได้มีการพูดคุย อ้อนวอนอยู่เป็นเวลาร่วมๆเดือนจึงได้ซื้อมาจนสำเร็จ. ซึ่งรายละเอียดในการได้มาคงจะได้มาเล่าให้อ่านในโอกา สต่อไป













    รูป รูป  
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wasant : 16-11-2006 เมื่อ 07:04

  6. #6
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน

    หลังจากที่ได้ซื้อซันบีมคันนี้แล้ว ก็ได้นำออกไปขี่ในทุกๆเช้าวันเสาร์กับชมรมจักรยานโบร าณภูเก็ต ซึ่งมีจุดนัดพบกันที่ร้านโกไข่ บริเวณข้างๆโรงแรมภูเก็ตการ์เด้น
    ทุกคนที่เห็นจักรยานต่างก็ยินดีและสอบถามความเป็นมาว ่าพบได้อย่างไร เพราะที่นั่นก็แทบจะเรียกว่า แทบจะไม่ค่อยมีใครเห็นกันเลย อาจจะเป็นเพราะขายไม่ค่อยดี สอดคล้องกับคำบอกเล่าของแป๊ะติ๋วว่ารถซันบีม ซ่อมยาก รื้อยาก แถมบังโซ่ชอบผุ และก็ไม่มีเปลี่ยน (ซึ่งต่อมาเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับคนที่มีรถซันบีมแล ะมักจะได้บังโซ่มาในสภาพที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ )
    จากที่เคยกล่าวถึงว่าภูเก็ตมักจะมีจักรยานยี่ห้อแปลก ๆอยู่เสมอ รวมไปถึงจักรยานซันบีม ที่คาดว่าคงจะสั่งเข้ามาทางปีนังเช่นกัน จากคำบอกเล่าของคนที่เคยเกี่ยวข้องกับร้านจักรยานรุ่ นเก่าๆในภูเก็ต(ผ่านมาทางคนรู้จักกันอีกที )ได้ความว่า
    จักรยานซันบีมในตอนนั้นเห็นมีแต่รถ26" ทั้งชายและหญิง การประกอบรถขายจะมีสองราคาคือรถที่มีเกียร์และรถที่ไ ม่มีเกียร์ซึ่งรถที่มีเกียร์จะมีราคาแพงกว่า ซึ่งรถซันบีมที่ได้จากภูเก็ตจะมีสองคัน คันแรกดุมหน้า-หลังเป็นดุมหลอดของบีเอสเอ ส่วนคันล่าสุดที่เพิ่งจะได้เป็นดุมเกียร์ปี49 ของสเตอร์มี่ฯ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าสภาพเดิมๆของรถ มันไม่ใช่ว่าจะต้องตรงรุ่นอย่างเดียว แต่มันมีราคาประกอบกันไปด้วย
    แต่เนื่องจากไม่ค่อยชอบดุมเกียร์รถซันบีมคันนั้นจึงถ ูกเปลี่ยนมาเป็นดุมหลอดในภายหลัง..
    ซันบีมถูกขายจนหลงเหลือประมาณยี่สิบกว่าคันที่ยังตกค ้างอยู่ ขายไม่ออก จนเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาจึงมีร้านอีกร้านหนึ่งมา เหมาซันบีมที่เหลืออยู่ เพื่อนำมาประกอบขายใหม่ ซึ่งก็ได้มีการขายไปจนหมด...และคาดว่าสองในยี่สิบกว่ าคันนั้นปัจจุบันอยู่ที่น้องpjคันนึงและที่ตัวเองอีก คันนึง ....













    รูป รูป  

  7. #7
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Aug 2006
    ข้อความ
    71
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    โอโหพี่ประวัติการได้รถของพี่ดีมากเลยไม่เหมือของผมเ ลยต้องไปลำพูนถึง2ครั้ง

  8. #8
    Member snof5's Avatar
    วันที่สมัคร
    Oct 2006
    สถานที่
    the oldden bicycle club of korat
    ข้อความ
    198
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    ชอบมากเลยครับ อ่านดูแล้วเหมือนฟังนิยายอิงประวัติศาสตร์ อยากให้พี่เขียนแบบนี้อีก น้องๆรุ่นหลังจะได้รู้ความเป็นไป เป็นมาของรถแต่ละคัน ว่าลำบากมากน้อยแค่ไหน
    แล้วก็อยากให้พี่ๆท่านอื่นเขียนเล่าแบบนี้ด้วย ยิ่งพี่ ชัช น้องๆจะได้รู้การเอารถจากต่างประเทศเข้ามาบ้านเรา พี่ อ๋อม กับการตามล่ารถทั่วราชอณาจักร พี่หนุ่ม กับรถตระกูลหายาก แล้วก็ พี่อ้วน พี่ต้อม
    พี่ญากับกรุพับได้ทางใต้ และท่านอื่นๆ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับที่สละเวลามาเล่าให้ฟัง
    จากหลานย่าโม คนโก้ โอ๋ โคราช

  9. #9
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน

    "...ไม่มีเหลืออีกแล้ว..นายเอ๊ย..!. เดี๋ยวนี้แม้แต่โครงยังหายากเลย...! " เสียงของเพื่อนแว่วมาทางโมโตโรล่าราคาเครื่องละ3400 บาทที่เดี๋ยวนี้เหลือสองพันกว่าแล้ว...
    เพื่อนตอบเมื่อถูกถามถึงซันบีม หลังจากติดใจอยากจะหารถซันบีมหญิงให้คุณนายขี่สักคัน ....
    " คันที่นายได้ไปสองคัน กับคันของ.......นั่นสภาพดีที่สุดแล้ว " ตอนนี้ยังไม่เห็นว่ามีที่ไหน ได้แต่ข่าวว่าคนนั้นมีคนนี้มี แต่ก็ยังไม่เห็นคันจริงสักที...คิดว่าคงจะยากแล้วหล่ ะ...! "
    ความรุ่งเรืองในอดีตของภูเก็ต อาจจะดูได้จากสภาพของบ้านเรือนในย่านตลาดที่ล้วนแต่เ ป็นตึกแถวโบราณสวยงาม แต่ละห้องจะมีทางเดินเท้าที่หน้าบ้านให้ผู้คนได้เดิน ผ่านเชื่อมทะลุถึงกันทุกห้องซึ่งคงจะสร้างเพื่อเป็นท างเดินและหลบฝนหลบแดด เป็นทางเท้าริมถนนด้วยในตัว แต่ต่อมาจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ทางเท้าที่ว่าก็ถูกก่ออิ ฐกั้นเป็นกำแพงขยายพื้นที่ขายของหน้าบ้าน ดันให้คนที่มาซื้อของหรือคนทั่วไปต้องลงมาเดินบนถนนต ากแดดตากฝนและเสี่ยงกับการถูกรถชนเพราะทางเดินเท้าไม ่มีแล้ว
    (รูปประกอบ เป็นถนนสายหนึ่งย่านเสาชิงช้า กรุงเทพฯนี่เอง แสดงถึงตึกแถวที่ทำทางเท้าหน้าบ้านแบบเดียวกันกับภูเ ก็ต และก็ก่อกำแพงปิดทางเดินเหมือนกัน )













    รูป รูป  

  10. #10
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน

    สิ่งที่แสดงถึงความหลากหลาย นอกจากจักรยานยี่ห้อต่างๆแล้ว ยังมีอะไหล่แปลกๆ หายากๆ หลุดออกมาจากกรุให้เห็นกันบ่อยๆ ตอนที่อยู่ภูเก็ตในช่วงนั้น ก็ได้อะไหล่ดีๆหลายชิ้นเหมือนกัน นอกจากอะไหล่จักรยานอังกฤษแล้ว ยังได้ดุมเบรคเยอรมันสภาพดี ไฟฝรั่งเศสแปลกๆ สวยกว่าไฟอังกฤษมากนัก แม้ว่าความรู้สึกจะคิดว่าไฟอังกฤษขลังกว่าก็ตาม..::
    ภูเก็ตก็เช่นเดียวกันกับจังหวัดอื่นๆ ที่มักจะไม่หลุดพ้นการตามหาของจากนักเล่นรุ่นแรกๆ เพราะเมื่อไปถึงตอนปี 2543 นั้น ร้านถาวรจักรยานริมถนนถลาง ซึ่งมีคนบอกว่าเคยได้ดุมบีเอสเอหลายคู่ ได้บอกว่ามีคนเหมาของไปจนหมดร้านแล้ว....แต่ก็มีทีเด ็ดจากแหล่งอื่นๆ ทำให้ได้ของอยู่หลายชิ้น ช่วยให้คลายเหงาเพราะคิดถึงบ้าน อยู่บ้าง...และก็ทราบมาว่ายังมีคนจากจังหวัดใกล้เคีย ง เช่นตรัง หาดใหญ่ มาหาของเป็นระยะๆเหมือนกัน....จนกระทั่งกรุแตกไปเมื่ อไม่นานมานี้....:)













    รูป รูป  

  11. #11

    มาตรฐาน

    ขอต่อ นิดหน่อย ตอนที่ได้ลงไปเที่ยวเมืองใต้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไ ด้ อะไร กลับหล่ายอย่าง อยู่กับอากาศที่สดชื่น และสถาปัตที่เก่าแก่ นับร้อยปี มีโอกาสได้ ดุม sunbeam หลังมาหนึ่งอัน จากดุม bsa หนึ่งกอง คิดว่าก็คุ้มอยู่ และยังได้แวะเวียน ไปหาอะไหล่ที่ ในตัวเมือง ที่เป็นร้านจักรยานเก่า แต่ก็ต้องพบ กับความผิดหวังเล็กน้อย ด้วยที่ว่า คนกระบี เข้ามาคัดของถึง 3 เที่ยว กวาดจนกระดานชันสองของตึกแทบมันเลยทีเดียว เราเองต้งหันหัวรถ ฝ่าฝนที่กระหน่ำ ลงมาถาถมเหมือนจะตอกย้ำ อะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ยี่หละ
    เลยเข้าหา โก สัก ผู้ใจดี แล้วก็หา น้องต๋อง เพื่อไปเก็บสแป อีกที ได้จาน มาหนึ่งกอง และยังติดจาน y ขาเซาะล่องมาอีก หนึ่งคู่ ไม่รุ้เป็นของอะไร พอของหลังรถเราเริ่มไม่มีที่จะไว้ด้วย สำพาละ และอะไหล่จากที่อืน ก็หันมา ท่องเที่ยว ต่อ ดูบ้านเรือน แต่ปีนี้ เค้าไม่จัดถนนสายวัฒณธรรม เลยไม่ค่อยมีอะไรดี ๆ ดูเลย













    รูป รูป  
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ommy : 17-11-2006 เมื่อ 17:07
    ประหยัด อดออม เพื่อวันข้างหน้า

  12. #12

    มาตรฐาน

    หอนาฬิกา ที่วงเวียนภูเก็ตยามค่ำคืน ไม่รู้ว่าตอนที่พี่วสันตืได้ไป เค้าได้ติดไฟแสงสีแล้วหรือยัง แต่ที่ผมเห็นสวยมาก ๆ













    รูป รูป  
    ประหยัด อดออม เพื่อวันข้างหน้า

  13. #13

    มาตรฐาน

    ตึกเก่า ๆ สไตย์ ชิโนโปรตุกีส อายุ ร้อยกว่าปีครับ ตอนที่ได้ไปจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ดูอาคารเก่าเหมือนกันแต่ที่แปลกตาก็คือ เหมือนเดินอยู่แถว หลังกระทรวงแถวคลองหลอด หรือ แถวเสาชิงช้า เหมือนกันมาก
    มีถนนราชดำเนิน ด้วย













    รูป รูป  
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ommy : 17-11-2006 เมื่อ 17:08
    ประหยัด อดออม เพื่อวันข้างหน้า

  14. #14
    wasant's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    คนบ้ารถถีบ
    ข้อความ
    4,203
    ขอบคุณ
    4
    ได้รับขอบคุณ 139 ครั้ง ใน 94 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    24

    มาตรฐาน

    ดีจัง..! มีรูปประกอบด้วย ตอนนั้นหอาฬิกาอันนี้มันอยู่ตรงไหนนะ จำได้อยู่ที่นึงตรงสถานีตำรวจภูเก็ตจะตั้งอยู่บนหอนา ฬิกา คลาสสิคดี
    ห้า-หกปีก่อน กล้องดิจิตอลยังไม่บูมและราคาถูกเหมือนเดี๋ยวนี้ ตอนนั้นยังใช้กล้องแบบที่ใช้ฟิล์มอยู่เลย เมื่อเช้าเข้าไปค้นรูปถ่ายที่สมัยตอนอยู่ภูเก็ตยังหา ไม่พบ จะหารูปตึกแถวที่อ๋อมถ่ายมาให้ดูนี่แหล่ะ... ตึกแถวที่ยังมีทางเดินหน้าบ้าน ดูเหมือนจะอยู่ที่ถนนอีกเส้นนึงนะ รู้สึกว่าถนนเส้นนี้เค้าจะอนุรักษ์รูปทรงของตึกไว้ และมีหนังหรือละครมาถ่ายทำหลายเรื่องเหมือนกัน..

  15. #15

    มาตรฐาน


    ในปี พ.ศ. 2328 (212 ปี) สมัยรัชกาลที่ 1 ก่อนหน้านี้เกาะถลางได้พัฒนาการปกครองมาเป็นระบบ เจ้าเมือง ในปีนี้เองได้เกิดศึกสงครามขึ้น ระหว่างไทยกับพม่า เรียกว่าสงครามเก้าทัพ ทัพทางใต้ของพม่าได้ยกพล มาตีเมืองถลาง ในเวลานั้นพระยาพิมล (ขัน) เจ้าเมืองถลาง ได้เกิดล้มป่วยหนักและเสียชีวิต ภรรยาเจ้าเมืองคือ ท่านผู้หญิงจันและคุณมุกน้องสาว ได้ร่วมมือกับกรมการเมืองต่อสู้กับพม่าจนพม่าถอยทัพก ลับไปในวันที่ 13 มีนาคม 2328 ท่านผู้หญิงจันได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ท้าวเทพกระษัตรี และคุณมุกได้เป็น ท้าวศรีสุนทร ในสมัย นี้ได้มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ชาวอังกฤษที่เป็นบุคคลสำคัญลและได้รับการกล่าว ถึงคือกัปตันฟรานซิสไลท์ (พระยาราชกปิตัน)ผู้สร้างเกาะปีนังให้เป็นเมืองท่าสา กล หลังจากนั้นได้สร้างเมืองอะดิเลส ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2352 สมัยรัชกาลที่ 2 พม่าได้ยกทัพมาตีเกาะถลางอีกครั้ง คราวนี้เจ้าเมืองถลางไม่สามารถ รักษาเมืองไว้ได้ ถูกพม่าตีแตกในวันที่ 13 มกราคม ในปีเดียวกันผู้คนบางส่วนได้อพยพ ไปอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ ตอนเหนือของเกาะคือ พังงา

    ในปี พ.ศ. 2444 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศร (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต คนที่ 4 เป็นผู้สร้างเมืองภูเก็ตยุคใหม่ พระยารัษฎาฯ ได้ชักชวนนักลงทุนชาวต่างประเทศ เข้ามาขุดแร่ดีบุกทั้งบนบกและใน ทะเล ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคทองของเมืองภูเก็ต ได้มีการจัดวางผังเมือง ตัดถนนใหม่ทั้งหมด ทั้งในเมืองและนอกเมือง สร้างตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัย สร้างศูนย์ราชการ อีกทั้งชักชวนให้ธนาคารชาเตอร์ ซึ่งเป็นธนาคารต่างชาติมาเปิด ดำเนินการที่ภูเก็ตเป็นแห่งแรกของประเทศไทย สร้างสถานีตำรวจ สร้างโรงพยาบาลวชิระและวางระบบ สารธรณูปโภคขั้นพื้นฐานขึ้นในเกาะภูเก็ต













    รูป รูป  
    ประหยัด อดออม เพื่อวันข้างหน้า

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 4 หน้า 1 2 3 4 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

Bookmarks

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •