รู้หรือไม่ lam อินเดียกับอิตาลีแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร

[Lam Station]

[Lam Station]

Lambretta ไม่ได้มีแค่ใน Italy ครับ และจากนี้คือเส้นทางของ Lambretta รอบโลกครับ
Spain
Lambretta ต้องการที่จะจำหน่ายสินค้าในสเปน แต่รัฐบาลสเปนจะยินยอมก็ต่อเมื่อ Lambretta ตกลงตั้งโรงงานในสเปนที่เมือง Eibar ทางตอนเหนือของสเปนทั้งนี้เพื่อเป็นการอัดฉีดเม็ดเงิ นสู่ประชาชนในท้องถิ่น Innocenti รู้สึกไม่สบายใจนักเพราะทั้ง 2 ประเทศตั้งอยู่ใกล้กัน เขาต้องการที่จะขายใบอนุญาตในการผลิตให้แก่ประเทศที่ อยู่ไกลออกไป ดังนั้นการผลิตที่ Serveta ในสเปนจึงเป็นการรับเอาเครื่องมือและเครื่องมือของโม เดล D และLD นำเข้ามาผลิตขณะเดียวกันโครงงานที่ Eibar ก็ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลกำไรทางการค้า เพราะเป็นผู้จำหน่ายเพียงรายเดียวในสเปน การผลิตในช่วงต่อมาเป็นการผลิตโมเดลL.i. Series 2 แต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย การผลิตในช่วงต่อมาคือ โมเดล L.i.Series แต่ทางสเปนก็ยังต้องใช้เทคโนโลยีเก่าๆ ของ Innocenti อยู่สำหรับโมเดล L.i. Series Special นั้นทางสเปนยังใช้ท่อดูดอากาศและลูกสูบตามมาตรฐานโมเ ดล L.i.รวมทั้งรูปทรงของครอบแตรและบังโคลนด้วย หลังจากโรงงานของ Innocenti ปิดตัวลงในปี 1972 Serveta 200 จึงกลายเป็นความหวังของสเปนที่จะครองตลาด แต่เกิดอุปสรรคเกี่ยวกับอะไหล่และเทคโนโลยี ดังนั้นทางสเปนจึงต้องพยายามผลิตอะไหล่และโมดิฟายเคร ื่องยนต์ด้วยตัวเอง Servete Jet 200 ก็ใช้เทคโนโลยีของ porting และลูกสูบตามแบบโมเดล L.i. แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นรถขนาด 200cc. ทั้งขนาด 200 cc. และ 150 cc. มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ การย้ายเครื่องกรองอากาศไปไว้บริเวณกล่องเก็บเครื่อง มือ โดยมีท่ออากาศอยู่ตรงบริเวณฝาเก็บกล่องเครื่องมือ สวิชท์สตาร์ทย้ายมาไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง เปลี่ยนมาใช้พรมรองเท้าแทนพื้นยาง รถขนาด 200 cc. ไม่มีจานเบรค แต่มี front damper ขนาดใหญ่ และพ่นสีเหลืองมัสตาร์ดเพียงสีเดียว ป้ายยี่ห้อยกเลิกไปและใช้สติกเกอร์ทำเป็นโลโก้และเดิ นขอบสเปนพยายามอย่างยิ่งที่จะปรับปรุงรถรุ่นต่อๆมาโด ยการใช้ การจุดระเบิดแบบ motoplat electronic 12v. เพื่อทดแทนเทคโนโลยีแบบ 16 v.พร้อมกันนั้นก็มีสีให้เลือกเพิ่มมากขึ้น และยังมีการปรับปรุงส่วนอื่นๆ อีกมากมาย แต่ยอดขายกลับตกลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามทางสเปนยังคงพัฒนาตนเองอยู่ต่อไป โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ดูประหลาดๆ เช่น สร้างส่วนกะโหลกขนาดใหญ่เกินไป เพื่อติดตั้งไฟสัญญาน 3 แบบไว้บนมาตรวัดความเร็ว รวมทั้งการออกแบบบังโคลนหน้าและครอบแตรใหม่ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายรูปแบบดั้งเดิมของ Lambrettaในปี 1983 Serverta ได้เปิดตัวรถรุ่น Lynx รถรุ่นนี้ทำการเดินขอบที่ side panel และกระบังหน้า สร้างฝาปิดช่องเก็บกล่องเครื่องมือ ติดตั้งตะแกรงพลาสติกตรงกระบังหน้า รถรุ่นใหม่ทั้งหมดจะติดตั้ง frontdamper ขนาดใหญ่ ใช้ไฟเบอร์กลาสทำเป็นบังโคลนหน้าและครอบแตรตามแบบของ โมเดล G.P6 ปีต่อมาก็มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอีก เช่น การออกแบบ handlebar top ใหม่โดยใช้ไฟเบอร์กลาสเพื่อให้สอดรับกับไฟหน้าขนาดให ญ่ตามกฎของยุโรป นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงระบบไฟฟ้า โดยเริ่มจากการใช้ไฟระบบ 12v DC ก่อน แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นระบบ 12v AC ทั้งนี้เฉพาะรถรุ่นสุดท้ายที่มีการใช้สตาร์ทไฟฟ้า ในช่วงทศวรรษ 1980 Severta Jet 200 ก็ทำการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งเพื่อเจาะตลาดอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยหันมาเน้นรูปแบบเดิมๆอีก แต่รถรุ่นนี้ไม่ได้รับความนิยมในตลาดดังกล่าว ถึงแม้จะมีการปรับปรุงทั้ง indicator และเครื่องยนต์เพื่อให้สอดรับกับกฎหมายควบคุมการปล่อ ยควันพิษของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ยิ่งปรับปรุงก็ยิ่งทำให้ยอดขายตกลงสเปนพยายามทีจะ ผลิตรถต้นแบบชนิดต่างๆออกมาเพื่อนำไปผลิต แต่พวกเขาขาดทั้งเงินทุนและผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ทางสเปนต้องทำงานหนักขึ้นรวมทั้งการเข้าบุกตลาด ญี่ปุ่น เครื่องยนต์และตังถังของรถต้นแบบยังคงเป็นรถรุ่น L.i แต่มีการเพิ่มตัวถังพลาสติกเข้าไปเพื่อทำให้รถดูเป็น สมัยใหม่ขึ้น แต่ไม่มีรถต้นแบบคันใดเลยที่ถูกนำไปผลิต เพราะสามารถออกแบบได้เสร็จสมบูรณ์ จะมีก็มีแต่รุ่น Amiga เท่านั้นที่พอเป็นรูปรางให้เห็น Severta พยายามสร้างรุ่น Tron ข้นมาให้เป็นชนิดออฟโรด แต่ผลสุดท้ายก็เป็นเช่นเดียวกับโมเดล L.i Series 2 Seveta ปิดตัวลงในปี 1989 เมื่อบริษัทขาดเงินทุนหมุนเวียน

[Lam Station]

Germany
NSU Lambretta เริ่มก่อตั้งในทศวรรษ 1950 ภายใต้สิทธิ์ของ Neckarsulmตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนปิดโรงงานเมื่อปี 1957 สามารถผลิตรถได้ 187,000 คัน รถที่ผลิตเป็นรถขนาด 125 cc. รถรุ่นแรกที่ผลิตเป็นผลงานของ Innocenti แต่มาทาง NSU ก็เริ่มทำการโมดิฟายเอง รถรุ่นแรกที่เกิดจากการโมดิฟายของ NSU คือ Lambretta Luxury เป็นรถสองสี side panel ด้านหลังมีการขัดเงา เสริมกันชนด้านหน้า ไฟจอดเกิดจากแผงมอเตอร์ NSU มีการศึกษาลูกค้าและพยายามโน้มน้าวให้ชนชั้นแรงงานทร าบว่าสินค้าของ NSU ไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อ"ลูกหลานเศรษฐี"หรือ"นักบริหาร" ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ NSU ได้ประชาสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอว่าสินค้าของ NSU เป็นสินค้าเพื่อความสะดวกสบาย ทั้งนี้เพื่อดึงยอดขายให้สูงขึ้น ในเดือนสิงหาคม 1954 NSU ได้ทำการผลิตเครื่องยนต์ขนาด 150 cc.พร้อมทั้งปรับปรุงแรงม้าเป็น6.2 ps. เครื่องยนต์แบบใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก จนกลายเป็นรถที่ใช้กันมากในแถบเขา Alp. Lambretta NSU ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ NSU Prima ในปี 1956 ทั้งนี้เพราะใบอนุญาตหมดอายุ NSU ปิดตัวลงในปี 1957 ทั้งนี้เพราะรู้สึกเบื่อในการผลิต scooter และค่อยๆหันไปผลิตรถยนต์แทน

[SIZE="3"]India
บริษัทอินเดียบริษัทแรกที่ซื้อใบอนุญาตในการผลิตคือ API (Auto Products of India) ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนโดยฐานอยู่ที่บอมเบย์ API เริ่มผลิตโมเดล"D"เป็นรุ่นแรกภายใต้ข้อตกลงที่ว่า API จะทำการจัดจำหน่ายเฉพาะในประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นที่ทราบดีว่า API เป็นผู้ผลิตอะไหล่ Lambretta รุ่น G.P ซึ่งสามารถสังเกตได้จากตราประทับของ API บนอะไหล่ของรุ่น G.P. API พยายามบุกตลาดรถลาก(rickshaw) โดยผลิตรุ่นต่างๆออกมามากมาย ในปี 1986 API สามารถผลิตสินค้าที่ได้รับการออกแบบใหม่ๆเป็นของตัวเ อง โดยจ้างบริษัทออกแบบของญี่ปุ่นคือ Miyazu อันที่จริงใบอนุญาตการใช้ชื่อ Lambretta ตกเป็นของ SIK ดังนั้น API จึงเรียกสินค้าของตัวเองว่า Lamby Polos แม้ว่า API จะทำการผลิตเฉพาะรถขนาด 150 cc. เท่านั้นโดยใช้โครงสร้างของรุ่น L.i. แต่บริษัทผู้นำเข้าของอังกฤษคือ Bedlam Scooter ได้ทำการสั่งการ Lamby Polo ขนาด 125 cc.และ 175 cc.ที่มีหลังคาขนาดใหญ่ Lamby Polo ทำในตลาดอังกฤษไม่ได้เลย โดยนำเข้าทั้งหมดเพียง 12 คัน และต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะขายได้หมด และราคาที่ขายถูกมาก Bedlam Scooter1 ได้บริจาครถรุ่นสุดท้ายให้แก่ LCGB เพื่อเป็นที่ระลึก บริษัทผู้ผลิต Lambretta ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งได้แก่ SIL (Scooter India Ltd.) ตั้งอยู่ที่เมือง Lucknaw SIL ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลอินเดียในช่วงปลายปี 1971 หลังจากที่ Innocenti ยุติการผลิตแล้ว ส่วนหนึ่งของข้อตกลงในการซื้อเครื่องมือเครื่องจักรค ือ อินเดียต้องจ้างช่างและบุคลากรของของอิตาลีเพื่อช่วย เหลือในการขนย้ายและทำการติดตั้งในอินเดีย พวกอิตาลีมีหน้าที่ในการอบรมบุคลากรอินเดียในการผลิต การผลิตในอินเดียเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นหลังจากใช้ เวลาไป 2 ปี ทั้งนี้เพราะบุคลากรของอินเดียยังประสิทธิภาพไม่ดีพอ จนกระทั่งปี 1976 จึงเริ่มมีการจัดตั้งสาขาเพื่อการส่งออกไปขายทั่วโลก มีการเปิดสำนักงานเข้าทั่วโลกเพื่อดูแลการขายและจัดก ารเรื่องอะไหล่ แต่เนื่องจากตลาดเหล่านั้นมีผู้ได้รับอนุญาตในการขาย Lambretta อยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้ยอดขายของ SIL ลดปริมาณลงดังนั้นตลาดภายในอินเดียจึงเป็นเป้าหมายสำ คัญของ SIL แต่ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่แตกต่างไปจากตลาดอื่นๆไม่ว ่าจะเป็นราคาสินค้า ราคาน้ำมัน และจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่ใช้รถ สิ่งต่างๆเหล่านี้มีความสำคัญกว่ารถไฟ ความเร็ว เป็นต้น ดังนั้นอินเดียจึงไม่มีการผลิตโมเดลใหม่ๆเลย กล่าวกันว่าRay Kemp ของบริษัท A.F.Rayspeed ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าของอังกฤษก็มีความสนใจที่จะสั่ง ซื้อรถรุ่น TS1 จากอินเดีย ส่วนผู้นำเข้าของสวิสเซอร์แลนด์มีความต้องการให้ทางอ ินเดียทำการปรับปรุงรถรุ่น TS1 ให้มี5 เกียร์ตามแบบมาตรฐาน ทางอินเดียก็พยายามที่จะผลิตตามผู้ซื้อ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงนี้ SIL ผลิตแต่เพียงรถลากเท่านั้นโดยใช้เครื่องของรุ่น G.P.และยกเลิกการผลิต scooter ทั้งหมดประมาณ 2 ปี ต่อมาได้มีความพยายามที่จะดึงอินเดียเข้าร่วมในการผล ิตรุ่น G.P.อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการกรุยทางการผลิตในยุโรป ข้อตกลงนี้เกือบจะประสบผลสำเร็จ แต่มีคนท้วงว่าเครื่องเครื่องจักรของอินเดียใช้ผลิตไ ด้เฉพาะรถลากเท่านั้น [/SIZE]

[Lam Station]

Germany
NSU Lambretta เริ่มก่อตั้งในทศวรรษ 1950 ภายใต้สิทธิ์ของ Neckarsulmตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนปิดโรงงานเมื่อปี 1957 สามารถผลิตรถได้ 187,000 คัน รถที่ผลิตเป็นรถขนาด 125 cc. รถรุ่นแรกที่ผลิตเป็นผลงานของ Innocenti แต่มาทาง NSU ก็เริ่มทำการโมดิฟายเอง รถรุ่นแรกที่เกิดจากการโมดิฟายของ NSU คือ Lambretta Luxury เป็นรถสองสี side panel ด้านหลังมีการขัดเงา เสริมกันชนด้านหน้า ไฟจอดเกิดจากแผงมอเตอร์ NSU มีการศึกษาลูกค้าและพยายามโน้มน้าวให้ชนชั้นแรงงานทร าบว่าสินค้าของ NSU ไม่ได้ผลิตออกมาเพื่อ"ลูกหลานเศรษฐี"หรือ"นักบริหาร" ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ NSU ได้ประชาสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอว่าสินค้าของ NSU เป็นสินค้าเพื่อความสะดวกสบาย ทั้งนี้เพื่อดึงยอดขายให้สูงขึ้น ในเดือนสิงหาคม 1954 NSU ได้ทำการผลิตเครื่องยนต์ขนาด 150 cc.พร้อมทั้งปรับปรุงแรงม้าเป็น6.2 ps. เครื่องยนต์แบบใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก จนกลายเป็นรถที่ใช้กันมากในแถบเขา Alp. Lambretta NSU ได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ NSU Prima ในปี 1956 ทั้งนี้เพราะใบอนุญาตหมดอายุ NSU ปิดตัวลงในปี 1957 ทั้งนี้เพราะรู้สึกเบื่อในการผลิต scooter และค่อยๆหันไปผลิตรถยนต์แทน

[SIZE="3"]India
บริษัทอินเดียบริษัทแรกที่ซื้อใบอนุญาตในการผลิตคือ API (Auto Products of India) ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนโดยฐานอยู่ที่บอมเบย์ API เริ่มผลิตโมเดล"D"เป็นรุ่นแรกภายใต้ข้อตกลงที่ว่า API จะทำการจัดจำหน่ายเฉพาะในประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นที่ทราบดีว่า API เป็นผู้ผลิตอะไหล่ Lambretta รุ่น G.P ซึ่งสามารถสังเกตได้จากตราประทับของ API บนอะไหล่ของรุ่น G.P. API พยายามบุกตลาดรถลาก(rickshaw) โดยผลิตรุ่นต่างๆออกมามากมาย ในปี 1986 API สามารถผลิตสินค้าที่ได้รับการออกแบบใหม่ๆเป็นของตัวเ อง โดยจ้างบริษัทออกแบบของญี่ปุ่นคือ Miyazu อันที่จริงใบอนุญาตการใช้ชื่อ Lambretta ตกเป็นของ SIK ดังนั้น API จึงเรียกสินค้าของตัวเองว่า Lamby Polos แม้ว่า API จะทำการผลิตเฉพาะรถขนาด 150 cc. เท่านั้นโดยใช้โครงสร้างของรุ่น L.i. แต่บริษัทผู้นำเข้าของอังกฤษคือ Bedlam Scooter ได้ทำการสั่งการ Lamby Polo ขนาด 125 cc.และ 175 cc.ที่มีหลังคาขนาดใหญ่ Lamby Polo ทำในตลาดอังกฤษไม่ได้เลย โดยนำเข้าทั้งหมดเพียง 12 คัน และต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะขายได้หมด และราคาที่ขายถูกมาก Bedlam Scooter1 ได้บริจาครถรุ่นสุดท้ายให้แก่ LCGB เพื่อเป็นที่ระลึก บริษัทผู้ผลิต Lambretta ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งได้แก่ SIL (Scooter India Ltd.) ตั้งอยู่ที่เมือง Lucknaw SIL ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลอินเดียในช่วงปลายปี 1971 หลังจากที่ Innocenti ยุติการผลิตแล้ว ส่วนหนึ่งของข้อตกลงในการซื้อเครื่องมือเครื่องจักรค ือ อินเดียต้องจ้างช่างและบุคลากรของของอิตาลีเพื่อช่วย เหลือในการขนย้ายและทำการติดตั้งในอินเดีย พวกอิตาลีมีหน้าที่ในการอบรมบุคลากรอินเดียในการผลิต การผลิตในอินเดียเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นหลังจากใช้ เวลาไป 2 ปี ทั้งนี้เพราะบุคลากรของอินเดียยังประสิทธิภาพไม่ดีพอ จนกระทั่งปี 1976 จึงเริ่มมีการจัดตั้งสาขาเพื่อการส่งออกไปขายทั่วโลก มีการเปิดสำนักงานเข้าทั่วโลกเพื่อดูแลการขายและจัดก ารเรื่องอะไหล่ แต่เนื่องจากตลาดเหล่านั้นมีผู้ได้รับอนุญาตในการขาย Lambretta อยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้ยอดขายของ SIL ลดปริมาณลงดังนั้นตลาดภายในอินเดียจึงเป็นเป้าหมายสำ คัญของ SIL แต่ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่แตกต่างไปจากตลาดอื่นๆไม่ว ่าจะเป็นราคาสินค้า ราคาน้ำมัน และจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่ใช้รถ สิ่งต่างๆเหล่านี้มีความสำคัญกว่ารถไฟ ความเร็ว เป็นต้น ดังนั้นอินเดียจึงไม่มีการผลิตโมเดลใหม่ๆเลย กล่าวกันว่าRay Kemp ของบริษัท A.F.Rayspeed ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าของอังกฤษก็มีความสนใจที่จะสั่ง ซื้อรถรุ่น TS1 จากอินเดีย ส่วนผู้นำเข้าของสวิสเซอร์แลนด์มีความต้องการให้ทางอ ินเดียทำการปรับปรุงรถรุ่น TS1 ให้มี5 เกียร์ตามแบบมาตรฐาน ทางอินเดียก็พยายามที่จะผลิตตามผู้ซื้อ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงนี้ SIL ผลิตแต่เพียงรถลากเท่านั้นโดยใช้เครื่องของรุ่น G.P.และยกเลิกการผลิต scooter ทั้งหมดประมาณ 2 ปี ต่อมาได้มีความพยายามที่จะดึงอินเดียเข้าร่วมในการผล ิตรุ่น G.P.อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการกรุยทางการผลิตในยุโรป ข้อตกลงนี้เกือบจะประสบผลสำเร็จ แต่มีคนท้วงว่าเครื่องเครื่องจักรของอินเดียใช้ผลิตไ ด้เฉพาะรถลากเท่านั้น [/SIZE]

[Lam Station]

Argentina
Lambretta ทำตลาดได้ดีในอเมริกาได้ เพราะมีการผลิตถึง 4 ประเทศในช่วงทศวรรษ 1950 ถึง 1970ตลาดในอเมริกาได้เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดนอกยุโรป เรื่องราวเกี่ยวกับตลาดในอเมริกาได้เป็นเรื่องราวที่ น่าสนใจทั้งในแง่ของชื่อเรียกและลักษณะของ scooterLambretta ที่ผลิตขึ้นในอเมริกาได้คือ โมเดล 'D' ทำการผลิตโดยบริษัทของอเจนติน่าในช่วงทศวรรษ 1950 scooter ที่ผลิตออกมามีชื่อเรียกว่า Siambrettaจากประวัติศาสตร์ของอาร์เจนตินาจะเห็นได้ถ ึงการอพยพเข้ามาของชาวอิตาเลียนเป็นจำนวนมาก จึงมีผลทำให้ทั้งสองประเทศมีความผูกพันทางเศรษฐกิจอย ่างใกล้ชิด Innocenti เคยตั้งโรงงานลูกในอาร์เจนตินาเพื่อผลิตท่อเหล็กกล้า เป็นเวลาหลายปี แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ขาดแคลนอย่างหนักในช่วงทศวรรษ 1950 ในปี 1947 อาร์เจนตินาได้นำเข้า Lambretta โมเดล A เป็นจำนวน 2,000คัน ข้อตกลงที่นำไปสู่การผลิต Siambretta เกิดจากการติดต่อ (ติดสินบน) กับจอมเผด็จการ Juan peron SIAM ได้บริจาค Siambretta โมเดล D จำนวน 75 คันให้แก่กลุ่มยุวชน Peron เพื่อใช้ในพิธีสวนสนาม ในช่วงแรกของทศรรษ 1960 SIAMได้เริ่มทำการผลิตรุ่น L.i. และ T.V. Series 2 ซึ่งบังโคลนหน้าสามารถถอดประกอบได้ คล้ายๆกับรุ่น Locomociones ของสเปน ซึ่ง English Rally Master Lambrtta ในหนังสือScootering อ้างว่าคือรุ่น T.V. 175 แต่เพราะข้อจำกัดบางอย่างในอาร์เจนตินา รถรุ่นนี้จึงดูคล้ายกับรุ่น L.i. 150 มีการผลิตSiambretta ออกมาทั้งหมด 200,000 คัน และยุติการผลิตลงในปี 1970 อย่างก็ตาม Siambretta เริ่มยุติการผลิตจริงๆในช่วงกลางทศรรษ 1960 รถรุ่นนี้มีการส่งไปจำหน่ายในอุรุกวัยและชิลีเพียงเล ็กน้อย

Chile
ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 มีการนำชิ้นส่วนของ Siambretta ไปประกอบในชิลีเพื่อป้อนตลาดท้องถิ่น ภาพถ่ายจากหนังสือ Scootering ได้แสดงให้เห็นถึงรถรุ่น Super Standard ซึ่งเป็นรถรุ่นที่มีการดัดแปลงบางอย่าง เช่น ใช้กระบังหน้าครึ่งเดียว ครอบแตรเล็กลง และใช้ตะเกียบคู่ของรุ่น 'D' ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารถรุ่นนี้ทำการผลิตเพื่อจำหน่ายห รือไม่ มันอาจจะเป็นเพียงรถต้นแบบหรือผลิตออกจำหน่ายเพียงเล ็กน้อย

Brazil
ในช่วงท้ายของปี 1971 เครื่องมือในการผลิต Siambretta ได้ขายต่อให้แก่ Franco Brothers ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถสามล้อ โดยใช้ชื่อว่า Frambretta ซึ่งมีกำลังการผลิตสัปดาห์ละ 3 วัน อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Innocenti คืดบราซิล ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ SA Lambretta ซึ่งต่อมาได้ทำการผลิตรุ่น D และ LD เมื่อช่วงต้นปี 1956 SaA Lambretta ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Pasco ตามชื่อเจ้าของกิจการคือ Pascowitch ภายหลังปี 1960 Pasco เริ่มผลิต Lambretta Series 2 มาถึงช่วงกลางถึงทศวรรษ 1960 Pasco ก็ได้หันมาผลิต T.V.Series 3 รถรุ่นนี้ใช้สี pastel และมีให้เลือกหลายสี ต่อมาจึงเปลี่ยนมาใช้สีเมทัลลิค ในปี 1971 Pasco สามารถผลิตรถได้ 7,000 คัน ซึ่งเป็นปริมาณเพัยงเล็กน้อยเพื่อพิจารณาถึงจำนวนประ ชากรและศักยภาพทางการตลาดของบราซิล สาเหตุของความล้มเหลวส่วนหนึ่งอาจเกิดจากวิธีการขาย กล่าวแทนที่และจะจำหน่ายให้กับร้านขาย scooter โดยตรง Pasco กลับไปขายผ่านตามร้านค้าย่อยต่างๆ ส่วนอะไหล่ก็ต้องสั่งซื้อจากพ่อค้าขายส่ง การซ่อมบำรุงก็ต้องใช้บริการของร้านซ่อมรถทั่วๆไป สินค้าของ Pasco มีการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศในอเมริกาใต้เพียงเล็ก น้อย รวมทั้งส่งออกไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และฮอลแลนด์ด้วย ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า Pasco ปิดตัวลงเมื่อใด แต่คาดว่าคงเป็นช่วงทศวรรษ 1980

[Lam Station]

Columbia
ประเทศที่สี่ในอเมริกาใต้ที่ทำการผลิต Lambretta คือโคลัมเบีย โดยบริษัท Auteca (Auto Technica Columbia) ซึ่งได้ทำการผลิตในช่วงทศวรรษ 1960-1970 Auteco ขาดแคลนเครื่องมือในการผลิต จึงมีลักษณะเป็นบริษัทประกอบมากกว่า Auteco ทำการประกอบรุ่น L.i.Series 3 G.P. และ Serveta รถทุกรุ่นมีป้ายชื่อ Auteco Lambretta รถส่วนใหญ่จะเป็นรถลูกผสม เช่น รุ่น Serveta อาจใช้ชิ้นส่วนของรุ่น L.i. และ G.P.Auteco เป็นผู้ประกอบ Lambretta และ Kawasaki เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งในทศวรรษ 1970 จึงเลิกประกอบ Lambretta แต่การผลิต scooter ในโคลอมเบียยังคงเดินหน้าต่อไปโดยบริษัท Bajaj ได้สร้างโรงงานขนาดใหญ่เพื่อทำการผลิตป้อนตลาดอเมริก าใต้ Innocenti ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในอเมริกาใต้ ในเปรู Lambretta สามารถตีตลาด Vespa ได้ และนอกจากนั้นยังขายได้ดีใน เอลซัลวาดอร์ ปานามา และอุรุกวัย แต่ในประเทศอื่นๆซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ Vespa เช่น เวเนซุเอลา แลุคอสตาริกา แทบจะไม่มี Lambretta จำหน่ายเลย หลังจากปี 1964 เป็นต้นมา เราสามารถเห็นช่องว่างระหว่าง Lambretta และ Vespa ในอเมริกาใต้ได้อย่างชัดเจนช่องว่างนี้ส่วนหนึ่งจากก ารที่ Innocenti ไม่ยอมแก้ไขจุดบกพร่องหลายๆอย่างของ Lambretta ซึ่งนับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Lambretta เกิดความล้มเหลวไปทั่วโลกCentral America

U.S.A.
Lambretta รุ่นแรกที่นำเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาเกิดจากพวก GI ที่เดินทางกลับบ้าน Lambretta รุ่นแรกที่วางขายในสหรัฐอเมริกาเป็นสินค้าของเยอรมัน ซึ่งนำเข้าโดย Butler& Smith ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่าย BMW ในนิวยอร์ค ต่อจากนั้นจึงมีจำหน่ายสองรายเริ่มนำเข้า Lambretta ของอิตาลี ได้แก่ Baker& Shalit ที่นิวยอร์คและดูแลการขายแถบชายฝั่งตะวันออก และ Anderson Motorcycle Supply ที่ลอสแองเจิลลีส จะดูแลการขายทางชายฝั่งตะวันตก การบุกตลาดสหรัฐอเมริกาของ Lambretta เริ่มขึ้นอย่างจริงจังในปี 1955 เมื่อ Innocenti ได้ก่อตั้งตัวแทนการค้าในการค้าในสหรัฐอเมริกา Lambretta รุ่น 125 D ขายในราคา $350 รุ่น 150D ราคา $450 ต่อมาจึงเพิ่มรุ่น 125LD และ150LD ซึ่งใช้ระบบสตาร์ทด้วยไฟฟ้าเข้ามาการเข้าสู่ตลาดสหรั ฐอเมริกาของ Innocenti เกิดขึ้นพร้อมๆกับการบูมของ scooter ทั้ง Lambretta และ Vespa ได้ทำการส่งเสริมการขายโดยใช้บริษัทโฆษณาที่ Madison Avenue มีการโฆษณาในนิตยสาร โทรทัศน์ เกมโชว์ แฟชันโชว์ จัดแสดงในห้างสรรพสินค้า และรวมถึงการลงโฆษณาบนปกหน้าของ Playboy (มิถุนายน 1959) ในปี 1957 จึงมีการสร้างเครือข่ายที่ชัดเจนโดยมีดีลเลอร์ถึง 350เจ้า Montgomery Ward เป็นผู้แทนจำหน่ายรุ่น 125 LD โดยใช้ชื่อว่า Riverside ซึ่งนำความสำเร็จมาสู่ Lambretta เป็นอย่างมาก Lambretta รุ่น L.i.125 ขายในราคา $ 389 รุ่น L.i.150 ราคา $449 รุ่น T.V.ราคา$599 แต่ต่อมาลดเหลือ $549 ทั้งหมดนี้ทำให้อนาคตของ Innocenti ได้เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของ Lambretta สหรัฐอเมริกา โดยนำชาวอิตาเลียนชื่อ Andreas Roceo เข้ามาแทน Sinclair Grey จากนั้นมาไม่นานยอดขายของ Lambretta ก็ตกลงอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการตลาดที่เกิดจากรายได้ข องประชาชนยอดขายของ Lambretta ลดลงถึง 1/3 ของ Vespa สถานการณ์เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปลายปี 1962 ต่อต้นปี 1963 เมื่อ Honda เข้ามาบุกตลาด โดยการโหมโฆษณาขนานใหญ่ ซึ่งมีผลให้ธุรกิจยานยนต์สองล้อพลอยมียอดขายเพิ่มขึ้ น ในเดือนเมษายน 1962 ยอดขายของ Lambretta ขยับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆอันเป็นผลมาจากการนำมาเข้า Series 3 เพราะเป็นรถที่มีราคาถูก ดีลเลอร์ได้กำไรเพิ่มขึ้น และรับประกันคุณภาพถึง 6 เดือนแม้ยอดขายจะขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 1963 แต่ปัญหาหลายๆอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น ดีลเลอร์ต่างๆบ้างก็ขอถอนตัวบ้างก็ขอเข้าร่วม ดีลเลอร์ใหม่ๆก็มีคุณภาพต่ำลง ดีลเลอร์ประเภทฉาบฉวยก็ขาดความแน่นอนและหันไปรับมอเต อร์ไซค์จากญี่ปุ่น ทำให้สินค้าขาดอะไหล่ซึ่งเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่สำ คัญที่สุด Innocenti เริ่มขาดการโฆษนา ยอดขาย Lambretta จึงเริ่มตกต่ำลงอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะขายรุ่น 500และ T.V.200 ให้กรมตำรวจที่นิวยอร์คได้ ความล่าช้าของอะไหล่ทำให้ลูกค้าเริ่มขาดความเชื่อมั่ น และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดีลเลอร์ต่างๆเริ่มถ อนตัวออกในปี 1965 Innocenti เริ่มพยายามฟื้นฟูการขายอีกครั้งหนึ่ง เขาพยายามที่จะขายสิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายในภูมิภ าคเป็นจำนวนเงิน $ 50,000 แต่ก็ยังไม่ได้ผล หลายๆแห่งบอกปฎิเสธ ในส่วนที่ยอมรับเงื่อนไขต่อมาก็ได้ตระหนักถึงการขาดค วามช่วยเหลือและคำมั่นสัญญาในปี 1968 มีการเทขาย Lambretta ถึง 2,000 คันด้วยราคาที่ต่ำมากโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่มีการคาดการณ์กันว่าคงเกิดจากปัญหาการล้มละลายและ เป็นวิธีการขายรถ 2,000 คันที่ง่ายที่สุดในปี 1969 ที่ State Island ซึ่งเป็นฐานการขายของนิวยอร์คได้มีการนำเข้าโมเดล G.P. เป็นจำนวนหลายร้อยคัน(ส่วนใหญ่เป็นรถขนาด 150cc.) ส่วนในแคนาดาก็มีการสั่งซื้อรุ่นเดียวกันนี้เป็นจำนว น 20 คันร้านมอเตอร์ไซค์ในนิวเจอร์ซีเริ่มสั่งนำเข้ารุ่น Serveta แต่หลังจากวิกฤตการณ์น้ำมันสิ้นสุดลง สินค้าเหล่านี้ก็ถูกขายเลหลังเพื่อเคลียร์สต็อค แต่ยังมีหลายๆบริษัทที่ยังทดลองนำเข้ารุ่น Serveta เรื่อยมาจนถึงปี 1981 แต่บริษัทเหล่านี้ก็ต้องยอมแพ้เมื่อรับรู้ว่าตลาดของ Lambretta ได้สิ้นสุดลงแล้ว

[ต้าชิงเสียว]

ขอบคุณ พี่ไก่ สำหรับความรู้ครับ

[รัตน์ พิมาย โคราช]

em90 em90 ได้ความรู้ทั้งนั้น...ขอบคุณมากครับem90 em90

[Java_K.U.]

ขอบคุณครับ....

[at64lam2]

ได้ความรู้มากๆๆครับพี่ไก่นี่ยอดจริงๆๆเลย เรียกอาจาร์ยดีกว่ามั้งครับพี่ นับถือๆem90 em90

[Java_K.U.]

ได้ความรู้มากๆๆครับพี่ไก่นี่ยอดจริงๆๆเลย เรียกอาจาร์ยดีกว่ามั้งครับพี่ นับถือๆem90 em90

อาจารย์พี่ไก่...em94 em94

[TUM_GROUP]

เดี๋ยวนี้" ลูกศิษย์เพียบเลย ท่านประธานเรา " ..

[Lam Station]

เดี๋ยวนี้" ลูกศิษย์เพียบเลย ท่านประธานเรา " ..

ขอบคุณครับ..แต่ขอไม่รับตำแหน่งตามที่เรียมได้หรือเป ล่า..เอาเป็นว่า หากว่าเรารู้ เราจะหาข้อมูล ความรู้ สาระต่างมานำเสนอกันดีกว่าครับ...ดีน๊ะครับ..น้ำหนัก ตัวร่วมร้อยแล้ว เลยตัวไม่ลอย..ใช่มั้ยครับท่านตั้ม....em97

[Java_K.U.]

ขอบคุณครับ..แต่ขอไม่รับตำแหน่งตามที่เรียมได้หรือเป ล่า..เอาเป็นว่า หากว่าเรารู้ เราจะหาข้อมูล ความรู้ สาระต่างมานำเสนอกันดีกว่าครับ...ดีน๊ะครับ..น้ำหนัก ตัวร่วมร้อยแล้ว เลยตัวไม่ลอย..ใช่มั้ยครับท่านตั้ม....em97

งั้นขอเรียก ซ้อ แล้วกันนะ ฮ้า........

[Lam Station]

งั้นขอเรียก ซ้อ แล้วกันนะ ฮ้า........

อ๋อ..ดัย....เลยจร้า...ซ้อช้อบชอบ..