@ วันที่ฉันออกเดินทาง ทุกหนทางอบอุ่น ท่ามกลางสายลมแห่งความรัก @
..........................MONKEY TERRITORY
นายเตชินท์ คุ้มเกษ 180/2 ซอย จรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600
มือถือ : 087-5888-699 e-mail : [email protected]
(1).... ปลายสมัยราชวงศ์ชิง ในเขตเจียงหนานมีครอบครัวตระกูลเสิ้น ซึ่งร่ำรวยมั่งคั่งจากการค้าขายมาหลายชั่วอายุคน เวลานั้นตระกูลเสิ้นมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทองอัน มากมาย ทว่าหลังจากลูกหลานผลาญเงินทองราวกับเบี้ยไปหลายรุ่น สมบัติพัสถานก็เริ่มหร่อยหรอจากที่เคยรุ่งโรจน์ก็ตกต ่ำสิ้นเนื้อประดาตัว
เสิ้นเย่าจู่ ทายาทรุ่นหลังเพีียงคนเดียวของตระกูลเสิ้นก็ได้แ่ต่ข ายสมบัติเก่ากินไปวันๆ สุดท้ายเขาก็ขายสมบัติที่มีอยู่ไปจนหมดสิ้น ไม่เหลืออะำำำไรติดตัว มีแต่เพียงรูปภาพโบราณธรรมดาๆ ที่แขวนอยู่บนกำแพง ซ้ำยังมีฝุ่นเกาะหนาทั่วภาพ ลูกหลานตระกูลเสิ้นยุคหลังเอาแต่เที่ยวเตร่สุขสำราญ ไม่มีใครตั้งใจเรียนหนังสือเลยสักคน อักษรก็รู้จักเพียงไม่กี่ตัว สำหรับภาพวาดแล้วยิ่งไม่มีความรู้แม้แต่น้อย...
เสิ้นเย่าจู่มองภาพวาดโบราณ ในใจก็คิดนี่คือบรรพบุรุษทิ้งไว้น่าจะมีค่าบ้างกระมั ง? หากนำไปจำนำได้ซักแปดตำลึง สิบตำลึง อย่างน้อยก็น่าจะประทังชีวิตไปได้ซักสิบวันหรือไม่ก็ ครึ่งเดือน ใคร่ครวญแล้วชายหนุ่มก็นำภาพนั้นไปที่โรงรับจำนำทันท ี
เมื่อหลงจู๊คลี่ภาพออกมาดูในใจก็คิดว่าภาพนี้ช่างวิเ ศษนัก เป็นภาพวาดของเจิ้นป่านเฉียว แถมยังเป็นของแท้เสียด้วย!
ภาพของเจิ้นป่านเฉียวในสมัยนั้นหากตีราคาอย่างต่ำๆก็ น่าจะมีค่าราวสองร้อยตำลึง ยิ่งถ้าเป็นภาพวาดของจริงก็ยิ่งหายากยิ่งนักเงินห้าห กร้อยตำลึกก็ไม่อาจจำจองได้ หลงจู๊ผู้นี้เป็นนักสะสมของเก่าที่รู้จักสินค้าเป็นอ ย่างดี เขาแกล้งทำเป็นเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจนักว่า " ภาพนี้...เจ้าต้องการซักเท่าไหร่กัน" คุณชายไม่เอาถ่านแห่งตระกูลเสิ่นว่าไปแล้วก็หลักแหลม อยู่เหมือนกัน เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของหลงจู๊ขณะที่คลี่ภาพวาดนั้ นออก เขาก็พินิจแล้วว่า ภาพวาดที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ต้องเป็นสมบัติที่ทรงคุ ณค่าอย่างแน่นอน มูลค่าของมันย่อมไม่น้อย......
.......เราสร้างดวง อย่าให้ดวงสร้างเรา......
(2)....ทว่าเสิ้นเย่าจู่กลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการค ้าขายภาพวาดเลยแม้แต่น้อย เขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก สุดท้ายก็ไ้ด้แต่ตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยคำถามเช่นกัน" ท่านดูภาพนี้แล้วท่านสามารถให้ข้าได้มากที่สุดเท่าไห ร่ล่ะ!
หลงจู๊ลังเลซักครู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้น " ภาพเขียนเก่านี้ว่าจะดีก็ดีอยู่ เสียแต่มีตำหนิเล็กน้อย แต่...ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นก็...สี่สิบตำลึง! มากกว่านี้ข้าก็จนปัญญาที่จะรับไว้ได้" พอเสิ้นเย่าจู่ได้ยินเงินสี่สิบตำลึงก็ดีใจลิงโลดจนแ ทบจะเป็นลมเพราะมากกว่าเดิมที่เขาเคยคาดไว้ในใจสี่ถึ งห้าเท่า จึงคิดว่าภาพนี้ต้องมีชื่อเสียงแน่นอน ราคาจริงของมันจะต้องมากกว่านี้! เขาไม่เชื่อว่ามันจะตีค่าได้เพียงสี่สิบตำลึงเท่านั้ น แต่หลงจู๊บอกว่าภาพนี้มันมีตำหนิเล็กน้อย ที่แท้ก็มีจุดบกพร่องที่ไหนกันแน่? เขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะเกรงจะถูกมองว่าไร้ความรู้ ในใจคิดว่าขอแค่ขายให้ได้ราคาสูงก็พอแล้ว ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนความคิด พยายามข่มความดีใจเอาไว้ แสร้งพูดว่า " เฮ้อ! ราคาต่ำเกินไป ข้าไม่คิดจะขายด้วยราคานี้หรอก"
เมื่อหลงจู๊ไ้ด้ยินดังนั้นก็คิดว่าหนุ่มผู้นี้เชี่ยว ชาญด้านภาพวาดจึงรีบเสริมขึ้นทันที "ถ้าเช่นนั้นข้าเพิ่มให้อีกสองตำลึงก็แล้วกัน" ในใจของคุณชายเสิ้นนั้นเชื่อว่าถ้าเพิ่มราคาได้อีก ภาพนี้ต้องเป็นสินค้าชั้นยอดแน่ เขาจึงรีบฉวยโอกาสทองนี้กล่าวว่า" เฮ้อ! คงไม่ได้หรอกท่าน ท่านคิดว่าข้าเป็นคนขายสินค้า่ที่ไม่รู้จักสินค้าหรื ออย่างไร ภาพมีชื่อจะมีค่าเพียงน้อยนิดเช่นนี้ได้อย่าำไร"
ฝ่ายหลงจู๊ยากที่จะได้เห็นภาพวาดแท้ฝีมือเจิ้นป่าวเฉ ียวสักครั้งในใจก็ร้อนรนขึ้นมา " เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าเพิ่มให้เจ้าอีกยี่สิบตำลึง ไม่ต้องต่อรองอีกแล้ว" เสิ้นเย่าจู่ได้ฟังก็คิดอยากจะขายภาพนี้ยิ่งนัก ทั่งยังสงสัยว่าภาพวาดธรรมดาๆ ถึงได้มีราคาค่างวดมากมายเพียงนี้ ในใจจึงไตร่ตรองว่าน่าจะนำภาพวาดกลับไปศึกษาดูซักหน่ อย! บางทีอาจจะขายได้ราคาที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้ " ราคาเช่นนี้จะขายไปก็น่าเสียดายนัก ข้าขอกลับไปคิดดูก่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับมาคุยราคากับท่านใหม่" พูดจบ เสิ้นเย่าจู่ก็รีบหอบภาพวาดกลับไป พอถึงบ้าน เขาก็วางภาพนั้นไว้บนโต๊ะ ก่อนจะมองดูอย่างพินิจพิจารณา ที่แท้มันเป็นภาพอะไรกันแน่? ทำไมราคามันถึงสูงนัก ........
.......เราสร้างดวง อย่าให้ดวงสร้างเรา......
(3) ....ภาพวาดนี้เป็นภาพวาดทิวทัศน์ ท่ามกลางเทือกเขาอันตั้งตระหง่าน เมฆขาวปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้า คนหาฟืนกำลังลากเจ้าล่อตัวหนึ่ง บนหลังของมันแบกฟืนมัดใหญ่เอาไว้ ในจังหวะที่กำลังจะข้ามสะพานแขวนบนเหวสูงอันลึกสุดหย ั่ง ล่อตัวนั้นกลับขลาดกลัวเหลือเกินกว่าจะก้าวย่าง คนหาฟืนได้แต่ดึงเชือกเพื่อลากให้มันเข้ามา แต่เจ้าล่อก็เอาแต่ถอยหนีกลับไปเบื้องหลัง อาจเป็นเพราะคนหาฟืนออกแรงดึงมากไปจึงทำให้เชือกเส้น นั้นขาดลง
ตลอดทั้งภาพวาดได้งดงามราวกับอยู่บนดินแดนแห่งสรวงสว รรค์ จุดที่ทำให้คนชื่นชมมากที่สุดก็คือ .......ก็คือ...... ก็คือ.....(ต้องติดตามอ่านต่อพรุ่งนี้ครับ)......
.......เราสร้างดวง อย่าให้ดวงสร้างเรา......
55555 ขอบคุณทุกท่านครับ ดีใจครับที่เข้ามาอ่าน ก็หวังว่ากระทู้นี้คงไม่ไปทำให้เสียบรรยากาศของการพู ดคุยกันนะครับ...ถ้าเพื่อนๆพี่น้องคนไหนรู้สึกอึดอัด หรือขัดใจ ก็ขอประทานโทษด้วยนะครับ อยากจะเรียนว่า...ผมมีเป้าหมาย และผมก็มีฝันของผมครับ...
ขอต่อให้จบเลยนะครับ....
ถูกต้องครับน้องต้น จุดที่ทำให้ผู้คนชื่นชมมากที่สุดก็คือเส้นเชือกที่ขา ดออกจากกันนั้นเอง ดูมีชีวิตชีวาราวกับถอดวิญญาณออกมา "กำลัง" และ"ความงาม"สะท้อนออกมาในช่องว่างที่หายไป ยามเมื่อมองดูก็ราวกับจะได้ยินเสียงขาดของเชือกเส้นน ั้น!
ทว่าเสิ่นเย่าจู่กลับตีความภาพวาดนี้ไม่ออกเลยแม้แต่ น้อยเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเจิ้งป่านเฉียวเป็นใคร! และเขาก็ไม่รู้ว่าภาพวาดชิ้นนี้มีดีที่ตรงไหนกัน? และเมื่อชายหนุ่มเหลือบมองไปที่เส้นเชือกที่ขาด ก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นยิ่งนัก ใจคิดว่า"หรือว่ารอยตำหนิที่หลงจู๊บอกจะอยู่ตรงนี้นี ่เอง ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะใช้หมึกวาดเส้นเชือกให้เชื่อมกั น ภาพวาดชิ้นนี้ก็จะสมบูรณ์ที่สุด พรุ่งนี้จะนำไปขายก็คงจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีก"
วันรุ่งขึ้น เสิ้นเย่าจู่หอบภาพที่แก้ไขแล้วไปโรงจำนำด้วยความลิง โลด เขากล่าวออกมาอย่างดีใจว่า " ท่านดูภาพนี้สิ บัดนี้ไม่มีตำหนิใดๆอีกแล้ว คงจะขายได้ราคาสูงอีกซักนิดใช่ไหมเล่า"
หลงจู๊เปิดภาพนี้ออกดูแล้วก็โยนทิ้งทันที " สวรรค์! ตอนนี้เจ้าขายแค่หนึ่งตำลึงข้ายังไม่เอาเลย " เสิ้นเย่าจู่เอ่ยว่า"เดิมทีภาพนี้มีตำหนิ ท่านกลับยินดีให้ถึงหกสิบห้าตำลึง ตอนนี้ข้าแก้ไขตำหนิเหล่านี้จนดีแล้วก็ควรจะได้ราคาส ูงขึ้นมิใช่หรือ"
หลงจู๊จึงตอบว่า"ตำหนิที่ข้าพูดถึงคือขี้แมลงสาบ ขี้จิ้งจกที่เป็นรอยสกปรกอยู่ด้านบนภาพวาดต่างหาก แค่นำไปติดกระดาษแข็ง เช็ดให้สะอาดสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว ใครใช้ให้เจ้าวาดเส้นเชือกนั้้นลงไป! เท่ากับวาดงูเติมขาชัดๆ! ข้าจะบอกเจ้า! ความสุดยอดของภาพนี้อยู่ตรงเส้นเชือกที่ขาดนั้นอย่าง ไรเล่า! ตอนนี้ถูกเจ้าของทำพังหมดแล้ว ไม่เหลือค่าแม้ตำลึงเดียว"
จบแล้วครับ....
.......เราสร้างดวง อย่าให้ดวงสร้างเรา......
พ่อครับ..ผมขอยืมเงินสองร้อย
เสร็จจากงาน ถึงบ้าน
เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว เขาเดินเข้าบ้าน
ที่ดูเงียบเหงา เนื่องจาก ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย
ทิ้งลูกชายคนเดียวไว้ กับเขาให้หา เลี้ยงลูกตามลำพัง
ดีว่าเจ้าหนูน้อยพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง
อาหารก็กิน อาหารปิ่นโต ที่ผูกประจำ หากินเองได้
ทำให้ ไม่เป็นภาระมากมาย นัก
เข้ามาในบ้าน เหงื่ออาบแก้มยังไม่ทันได้พัก ผู้เป็นพ่อ
เห็นหน้าลูกชายวัยซน ที่รอรับเอ่ยปาก ทัก
" พ่อครับวันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยครับ "
" เหนื่อยสิ ลูกแล้ววันนี้ทำการบ้านเสร็จ แล้วเหรอ "
ผู้เป็นพ่อตอบเนือยๆ พร้อมกับ ถาม ต่อ ด้วยความเคยชิน
" เสร็จหมดแล้วครับ คือ ผม มีเรื่องบางอย่างอยากจะถามพ่อน่ะ พ่อว่างหรือยังครับ "
ลูกชายตัวน้อย ถาม ต่อ
''เดี๋ยวพ่อจะไปอาบน้ำ หาข้าวกินข้าวซัก หน่อย
แล้วคงจะเข้านอนวันนี้เหนื่อยเหลือเกิน ว่าแต่แก จะถามอะไรพ่อเหรอ "
ผู้เป็นพ่อ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
" คือผมอยากรู้ ว่า พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันละเท่าไรครับ "
ลูกชาย ถามด้วยน้ำ เสียงใสซื่อ
เค้าหันมามองหน้าลูกชาย พร้อมกับ ขมวดคิ้วด้วย ความสงสัย
แล้วผู้เป็นพ่อ แต่ก็ตอบไปว่า
" วัน ล่ะ สี่ร้อย "
" งั้นผม ขอยืม ตังค์ พ่อ ซักสองร้อยได้ มั้ยครับ "
ลูกชายตัวน้อยเอ่ยปากด้วยสายตาวิงวอน
" หา แกว่าไง นะ "
ผู้เป็น พ่อ ขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
ก่อนที่จะ หันมา พูดกับ ลูกชายด้วยเสียงเข้มขึ้น กว่าเดิม
" นี่ฟังนะ แกคิดว่า เงินทอง หาได้ง่ายๆ เหรอ กว่าพ่อจะได้เงิน สี่ร้อย บาท
ต้องทำงานเหนื่อยตั้งแต่เช้ายันค่ำแต่พอกลับมาถึงบ้า น เจอแก รอขอยืมเงิน
พ่อง่ายๆแบบนี้นี่นะแกลองไปคิดดูให้ดี สิว่าแกทำประโยชน์อะไรให้พ่อบ้าง
พ่อถึงจะต้องให้ เงินสองร้อยนี่ให้แก ยืม "
เด็กชายยืนนิ่ง มองหน้าพ่อ ไม่มีเสียงหลุดออก จาก ปาก
แต่น้ำตาไหลซึม ลงอาบร่องแก้มทั้ง สองข้าง
ก่อนที่จะหัน หลังเดินกลับห้อง ตัวเอง อย่างซึมเซา
หลังจากอาบน้ำเสร็จ แวะเข้าครัว หาข้าวปลากินเรียบร้อย
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เดินไป ที่ ระเบียง ความรู้สึกเคร่งเครียดที่ได้รับ
มาจากงานนอกบ้าน เริ่มผ่อนคลาย คิดไป ถึงอดีตที่ผ่านและงานที่ทำมาทั้งวัน
แล้วก็ ย้อน กลับคิดไปถึงลูกชายตัวน้อย ลูกเป็นเด็กดี
ไม่เคยเกเร ไม่เคยเอ่ยปากขอเงินเพิ่ม นอกจากเงินค่าขนมที่เขาให้
ประจำวันเท่านั้น แต่วันนี้ทำไม ถึงเอ่ยปากยืมเงินเมื่อสักครู่
เขา เหนื่อยเกินไป หรือเครียดเกินไปหรือป่าว
ถึงได้ใช้อารมณ์กับ ลูกไปอย่างนั้น เมื่อได้คิด เขาดับ บุหรี่
แล้วเดินไปที่ห้องลูกชายไฟในห้องนอนดับแล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเอื้อม มือเปิดไฟในห้อง หนูน้อยนอนตะแคง
หน้าตายังคงลืมจ้องมองมาที่ประตูแก้มที่แนบกับหมอน ชุ่มด้วย น้ำตา
พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆอยู่คน เดียว
เขาเดิน ไปนั่งที่ขอบเตียงมือลูบผม ลูกชายเบาๆ พร้อมกับ
เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเครือ จุกคอ
" พ่อขอโทษนะลูก เมื่อกี้ พ่อเหนื่อยมามากเลยใช้อารมณ์ กับลูกมากไปหน่อย
จริงๆตะกี้พ่อไม่ได้ถามลูกด้วยซ้ำว่า ลูกอยากยืม เงินพ่อไปทำไม ลูกอาจจะมี
เหตุจำเป็นที่จะ ต้องใช้เงินก็ได้ เงินแม้ว่าจะหาได้ลำบาก
ไม่ได้ได้มา ง่ายๆ แต่ถ้าลูกมีเหตุผลเพียงพอ พ่ออาจจะให้ยืม ก้อได้ เพราะว่า ลูก
น่ะสำคัญสำหรับพ่อเหนือ สิ่งอื่นใด และพ่อรักลูกจ้ะ "
" ว่าแต่ ไหน ลูกลองบอกพ่อสิว่า ลูกอยากยืม เงินสองร้อยไปทำ อะไร "
ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่มอง
หน้าพ่อนิ่ง ด้วยน้ำเสียงปราณี เต็มเปี่ยมด้วยความรัก
ลูกชายตัวน้อย ส่งเสียงสะอื้นจากลำคอ
" พ่อครับ ตั้งแต่แม่ ตาย ผมเห็นพ่อต้องทำงาน
หนักเพื่อหาเงินทุกวัน จนไม่ได้พัก ไม่ได้อยู่กับผมเลย เราแทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน
ผมเลย ค่อยๆเก็บค่าขนมของผมไว้ ตลอดมาจนถึงตอนนี้
ผมเก็บได้สองร้อยบาทแล้ว แต่พอผมรู้จากพ่อ ว่า
พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันล่ะสี่ร้อยผม จึงอยากยืมพ่อเพิ่มอีกสองร้อย
ให้เป็นสี่ร้อยเพื่อจะได้ใช้เป็นค่าจ้างให้พ่อได้พัก
ได้อยู่กับผม ซักวันนึง ครับ "
เงินทอง อาจจะจำ เป็น ต่อการดำรงชีวิต
แต่ ครอบครัว ยังคงต้องการ ความรัก ความอบอุ่น และ
เวลาที่มีให้ แก่กัน
" อย่าห่วงงานจนลืม ครอบครัว และ คนที่คุณรัก "
เล่นไปตามงบ...เเล้วจะจบสวย
ราคาไม่เท่าไหร่ แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
[email protected]
โอนเงิน
หมายเลขบัญชี6450092397 ณรงค์ศักดิ์ ทับทิมเงิน
ธ.กรุงเทพสาขาบิ๊กซีพิษณุโลก
ส่งของ
ณรงค์ศักดิ์ ทับทิมเงิน 1090/9ถ.บรมไตรโลกนารถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก65000
DTAC0845911478
เฟสบุค https://www.facebook.com/boy115
Bookmarks