เครดิต หลานเซ็น บางบัวทองคลาสสิค ครับ
เทพตะเคียน เจ้าพ่อแห่งเมืองนนท์
หากย้อนกลับไปเมื่อสัก ประมาณ 20-25 ปีที่แล้ว "รถคลาสสิก" เป็นอะไรที่ใหม่มากในสังคมไทย แทบจะเรียกได้ว่า หาคนที่ลึกซึ้งกับคำๆนี้ได้ด้วยจำนวนคนไม่เกินนิ้วมื อบนฝามือทั้งสองข้างของพวกเราๆ จากสังคมของคนเพียงหยิบมือ ที่รัก ที่เคารพ และที่แบ่งปัน ทั้งความรู้และโอกาส สู่ผู้คนที่สนใจอีกมากมายนับพัน นับหมื่นคน ตามปรัชญาที่ว่า "คนหนึ่งคนสามารถมอบสิ่งดีๆให้กับคนได้หลายคน " ถ้าเป็นเช่นนี้ สังคมของคนคลาสสิกคงจะมีเรื่องราวหรือตำนานให้กล่าวข านและเชิดหน้าชูตาไปอีกแสนนาน
หากแต่ความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เรื่องราวของวิถีแห่งความคลาสสิกไม่ได้ราบเรียบดังแผ ่นกระจกที่เราใช้ส่องดูหน้า เพียงแต่มันเป็นเสมือนทุ่งหญ้าที่มีจุดสูงต่ำแตกต่าง กันไป บางครั้งเราก็อยู่บนที่สูงแล้วมองเห็นท้องทุ่งที่กว้ างไกลสุดขอบฟ้า ละลานตาไปด้วยดอกหญ้าแสนสวยงามที่ผลัดกันโยกตัวตามสา ยลม ดังเช่นวงการรถคลาสสิกอยู่ช่วงหนึ่ง ที่สวยงามและส่องประกายเจิดจรัสในแวดวงสังคมทั้วไปที ่ให้ความยอมรับและนับถือ การยอมรับเหล่านั้น..ไม่ใช่เพราะรถที่พวกเขาขับหรือค รอบครอง ไม่ใช่ท่วงทำนองของเพลงที่พวกเขาฟัง ไม่ใช่ความโด่งดังที่พวกเขาได้รับ เพียงแต่มันเป็นสิ่งของบริจากอยู่บนรถที่พวกเขาขับไป ยังที่ต่างๆ เพื่อมอบให้กับผู้คนในที่ห่างไกลและด้อยโอกาสกว่าพวก เขา นี่ต่างหากล่ะที่นำมาซึ่งจิตใจแห่งความเป็นคลาสสิกที ่สวยงาม
เพียงแต่การเดินบนเส้นทางที่ทอดยาวบางครั้งเราก็เดิน พลาดตกหลุมกันบ้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการรถคลาสสิก แล้วการเดินตกหลุมแต่ละครั้งก็ไม่ค่อยจะสวยงามสักเท่ าไร บางคนว่ามันเป็นเพราะการแบ่งแยก แตกก๊ก แตกเหล่า บางคนว่าเป็นเพราะสังคมเปลี่ยนไป หรืออาจจะมีเหตุผลต่างๆนาๆกันไป โดยส่วนตัวผมว่าบางที่มันอาจจะอันเนื่องมาจากเหตุผลเ ดียวนั่นก็คือ เราไม่เข้าใจถึงวิถีความเป็นคนที่รักในรถคลาสสิกมากพ อ มีการแปลเจตนารมณ์ที่เปลี่ยนไป มีวิธีทางเดินที่ผิดแผกแตกต่างออกไป เมื่อครั้งนั้น รถคลาสสิกเป็นเพียงบัตรผ่านประตู ที่คนบางคนใช้เพื่อเดินเข้าสู่สังคมที่เป็นที่กล่าวข วัญและให้ความยอมรับ หากมองในบางมุมนั่นไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกแต่อย่างใ ด หากเข้ามาและเรียนรู้วิถีของการเป็น ชาวคลาสสิก และส่งมอบแนวความคิดนั้นต่อไป แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น
ย้อนกลับมาในปัจจุบันก็หาได้มีความแตกต่างกันไม่ ดังคำกล่าวที่ว่า "ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยอยู่เสมอ " ทั้งวงการรถยนต์ และ รถมอเตอร์ไซด์ (อเมริกัน ยุโรป ญี่ปุ่น ) ที่เป็นรถคลาสสิก ล้วนประสบปัญหาเดียวกันทั้งสิ้นโดยไม่มีข้อยกเว้น บางคนอาจมองว่า วงการนี้ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายเต็มที นั่นเพราะมีเสียงสะท้อนดังๆในแง่ลบจากสังคมและผู้คนร อบข้างออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสองตาของเราเองที่พบบนถนน และจากทั้งสองหูที่เราได้ยินกันมา หลายครั้งหลายครา และในตอนนี้ผมไม่ปฏิเสธที่ว่าหลุมครั้งนี้มันใหญ่กว่ าครั้งก่อนๆมากมายนัก คล้ายๆกับก้อนเนื้อที่เป็นมะเร็งมันมักลามกินเนื้อเย ื้อบริเวณรอบไปด้วย และลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังส่วนต่างอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ถือว่าสาหัสกันเลยที่เดียว
เมื่อรู้ปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่เราจะแก้ไขหรือเราจะปล่อยผ่านให้เหมือนที่แล ้วๆมา คำตอบไม่ได้อยู่ที่บันทึกนี้ ....หากแต่มันอยู่ในตัวคุณ ในความคิดคุณว่าคุณ " รักรถคลาสสิกมากแค่ไหน?? " จะปล่อยให้บางคนใช้รถคลาสสิกเป็นข้ออ้างเพื่อทำลายตั วตนของเราหรือเลือกที่จะทำอะไรสักอย่าง
สำหรับผม การตกหลุมครั้งนี้ คงจะไม่ใช้การตกหลุมครั้งสุดท้าย ตราบใดที่เรายังเลือกจะเดินทาง ถนนก็ยังคงมีหลุ่มให้เราตกและสะดุดอยู่ร่ำไป บางที่ความสุขของการตกหลุมก็คือการได้ขึ้นมาจากหลุมอ ีกครั้งและออกเดินทางไปข้างหน้าเพื่อมองหายอดเนินอยู ่ไกลๆ และหวังว่าจะไปยืนบนเนินลูกนั้นเพื่อนั่งมองดอกหญ้า. .........ถึงแม้ผมจะไม่เคยถึงยอดเนินนั้นสักทีก็ตาม
Bookmarks