ไม่เซ็งได้ไงคับคุณพี่ ก็รถอะ ชิ้นส่วนหลุดทีละชิ้น เหอๆ ไฟท้ายจะไปแล้ว น๊อตตัวบนก็หมุนไม่ได้ ได้แต่ตัวล่าง รถจะกลายเป็นชิ้นส่วนแล้ว ขนาดไม่ค่อยได้ขี่นะเนี่ย ถ้าขี่ทุกวันคงเหลือแต่ล้อ :(
ไม่เซ็งได้ไงคับคุณพี่ ก็รถอะ ชิ้นส่วนหลุดทีละชิ้น เหอๆ ไฟท้ายจะไปแล้ว น๊อตตัวบนก็หมุนไม่ได้ ได้แต่ตัวล่าง รถจะกลายเป็นชิ้นส่วนแล้ว ขนาดไม่ค่อยได้ขี่นะเนี่ย ถ้าขี่ทุกวันคงเหลือแต่ล้อ :(
" ในทางที่มืดมน . . . ย่อมมีหนทางสว่าง . . . ในวันที่เลวร้าย . . . ย่อมมีวันที่งดงาม "____________________
ความผิดนี้แหละเป็นครูอย่างดี ควรจะรู้สึกบุญคุณของตัวเอง ที่ทำอะไรผิดพลาด และควรสบายใจที่ได้พบกับอาจารย์ผู้วิเศษ คือ ความผิด จะได้ตรงกับคำว่า เจ็บแล้วต้องจำ ตัวทำเอง ผิดเอง นี้แหละ เป็นอาจารย์ผู้วิเศษ เป็น good example ตัวอย่างที่ดี เพื่อจะได้จดจำไว้สังวรระวังไม่ให้ทำผิดต่อไป แล้วตั้งต้นใหม่ด้วยความไม่เลินเล่อ เผลอประมาท อดีตที่ผิดไปแล้วก็ผ่านล่วงเลยไปแล้ว แต่อาจารย์ผู้วิเศษยังอยู่ คอยกระซิบเตือนใจอยู่เสมอทุกขณะว่า ระวัง อย่าประมาทนะ อย่าให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีกนะ
" ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน "
_/|\_ สาธุ _/|\_
" ในทางที่มืดมน . . . ย่อมมีหนทางสว่าง . . . ในวันที่เลวร้าย . . . ย่อมมีวันที่งดงาม "____________________
สิ่งที่อยู่เหนือคำพูด
อุบาสกผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่ง สนทนากับหลวงปู่ว่า "กระผมเชื่อว่า แม้ในปัจจุบันพระผู้ปฏิบัติถึงขั้นได้บรรลุมรรคผลนิพ พานก็คงมีอยู่ไม่น้อย เหตุใดท่านเหล่านั้นจึงไม่แสดงตนให้ปรากฎ เพื่อให้ผู้สนใจปฏิบัติทราบว่าท่านได้บรรลุถึงคุณธรร มนั้นแล้ว เขาจะได้มีกำลังใจและความหวัง เพื่อเป็นพลังเร่งความเพียรในทางปฏิบัติให้เต็มที่" ฯ
หลวงปู่กล่าวว่า
"ผู้ที่เขาตรัสรู้แล้ว เขาไม่พูดว่าเขารู้แล้วซึ่งอะไร เพราะสิ่งนั้นมันอยู่เหนือคำพูดทั้งหมด"
[แสดงปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน]
" ในทางที่มืดมน . . . ย่อมมีหนทางสว่าง . . . ในวันที่เลวร้าย . . . ย่อมมีวันที่งดงาม "____________________
ยังอยู่คับ ตามมาติดๆ สอบยังไม่เสร็จเลย เลยแอบแว็บมาแปบนึง อีกไม่นานคงได้พบกันใหม่ อีกไม่นาน ;)
คนเราเมื่อมีลาภก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดายั งมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกะธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได ้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและคนอื่นเราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไร ก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวน กลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่า ๆ
" ในทางที่มืดมน . . . ย่อมมีหนทางสว่าง . . . ในวันที่เลวร้าย . . . ย่อมมีวันที่งดงาม "____________________
ในอดีต มีหญิงหม้ายคนหนึ่งซึ่งสามีได้จากไปก่อนเวลาอันควร นางมีลูกชายคนหนึ่งชื่อ เฉินต้าเหนียน ซึ่งนางรักดั่งแก้วตาดวงใจ เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดู ตรากตรำทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้ลูกชายได้รับการศึกษ าที่ดีที่สุด จนเมื่อลูกชายสำเร็จการศึกษา ก็ได้เข้ารับราชการมีตำแหน่งใหญ่โต ทำให้ฐานะของครอบครัวดีขึ้น มีหน้ามีตาและเป็นที่รู้จักของสังคม
แต่ทุกครั้งเมื่อมีแขกมาที่บ้าน ทุกคนก็จะได้เห็นหญิงชราที่มีหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง คอยดูแลคุณเฉินเป็นอย่างดี เมื่อมีคนถามว่าหญิงชราคนนี้เป็นใคร คุณเฉินก็จะบอกกับทุกคนว่า หญิงชราผู้นี้คือคนรับใช้เก่าแก่ที่ดูแลคุณเฉินมาตั ้งแต่เล็ก ส่วนคุณแม่นั้นได้เสียชีวิตจากไปนานแล้ว
คุณเฉินจะบอกกับคนรู้จักทุกคนเช่นนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้สังคมรับรู้ว่าเขามีแม่ที่มีหน ้าตาอัปลักษณ์เป็นที่น่ารังเกียจ เพื่อเป็นการรักษาภาพพจน์และชื่อเสียงของตนเอาไว้ โดยที่คุณเฉินไม่เคยรู้เลยว่าคำพูดนั้นได้ไปทำร้ายจิ ตใจของผู้เป็นแม่ให้ปวดร้าวยิ่งนัก
ด้วยความเสียใจกับการกระทำของลูกมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับล้มป่วยลงด้วยความตรอมใจ วันหนึ่งขณะที่คุณเฉินได้เข้าไปเยี่ยมดูอาการของแม่ท ี่ห้องพัก คุณแม่จึงได้โอกาสเล่าเรื่องราวในอดีตให้คุณเฉินฟัง
ลูกเอ๋ย แม่ของเจ้าน่ารังเกียจมากนักใช่มั้ย แม่คงทำให้เจ้าอับอายขายหน้า ลูกเอ๋ย เจ้าเคยรู้ไม๊ว่าทำไมหน้าแม่จึงได้อัปลักษณ์เช่นนี้ ความจริงแล้วหน้าของแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็นมา ตั้งแต่เกิดหรอก
แต่เป็นเพราะตอนที่เจ้าอายุได้ 4 เดือน บ้านของเราเกิดไฟไหม้ ทุกคนต่างหนีเอาตัวรอดออกมาได้ เหลือแต่เจ้าคนเดียวที่ติดอยู่ในบ้าน สิ่งเดียวที่แม่คิดตอนนั้นคือหาทางเข้าไปช่วยเจ้าออก มาให้ได้ แต่เพราะวันนั้นมีลมพัดแรงทำให้ไฟลุกโหม ทุกคนต่างฉุดรั้งแม่ไว้ไม่ให้เข้าไปเพราะกลัวจะได้รั บอันตราย แม่เองก็รู้ว่าโอกาสที่จะรอดออกมานั้นมีน้อย แต่เป็นห่วงว่าเจ้าจะได้รับอันตราย แม่จึงตัดสินใจฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยเจ้าโดยไม่คิดถึ งชีวิตของตัวเอง ในที่สุดแม่ก็ได้ช่วยเจ้าออกมาได้อย่างปลอดภัย เพื่อนบ้านในบริเวณนั้นจึงช่วยกันพาแม่ไปส่งโรงพยาบา ล เมื่อฟื้นขึ้นมาได้รู้ว่าเจ้าปลอดภัยแม่ก็ดีใจแล้ว แม้ร่างกายของแม่จะได้รับบาดเจ็บใบหน้าแม่จะเสียโฉมไ ปแม่ก็ไม่เสียดาย
ลูกเอ๋ย แม่ต้องขอโทษเจ้าด้วย แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เจ้าอับอายที่มีแม่หน้าตาอ ัปลักษณ์ไม่สวยเหมือนกับแม่ของคนอื่น วันนี้เจ้าเติบโตขึ้นมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ได้เป็นเจ้าคนนายคนแม่ก็ยินดีกับเจ้าด้วย แม่ไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้า หวังเพียงให้ลูกของแม่เป็นคนดีมีคุณธรรม แม่ก็พอใจแล้ว
เมื่อคุณเฉินได้ฟังเรื่องราวจากปากของผู้เป็นแม่ ก็รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้เคยกระทำต่อแม่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณเฉินได้เปลี่ยนแปลงตนเองเป็น คนใหม่ คอยดูแลปรนนิบัติแม่เป็นอย่างดี เมื่อมีแขกมาที่บ้านคุณเฉินจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก กับคุณแม่ และกล่าวยกย่องด้วยความภูมิใจว่าตนนั้นเป็นผู้ที่โชค ดีที่มีคุณแม่ที่ประเสริฐที่สุด
-------------------------------------
ขอให้จงมีความกตัญญูกับแม่ให้มากๆ และรักแม่ในทุกๆวัน ไม่ใช่แค่เฉพาะในวันแม่เท่านั้น เพื่อให้แม่ของเรามีแต่ความสุขตลอดไป
-------------------------------------
ใครทำอะไรไว้กับ พ่อ แม่ ก็สำนึกซะ
" ในทางที่มืดมน . . . ย่อมมีหนทางสว่าง . . . ในวันที่เลวร้าย . . . ย่อมมีวันที่งดงาม "____________________
Bookmarks