หลังจากที่ Samsung Gear S ออกมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนตัวพอเห็นในคลิปที่เปิดตัวแล้วก็อยากได้ จริงรีบไปซื้อมาลอง วันนี้ก็เลยจะขอลองมารีวิวให้ดูครับ โดยจะเน้นที่การใช้งานจริง ส่วน พวก Unboxing หรือ Feature ต่างๆ คนที่ติดตาม น่าจะได้เห็นกันไปแล้วครับ
Gear S เทียบกับ Gear Fit
ส่วนตัวเนื่องจากผมใช้ Gear Fit อยู่แล้ว จึงจะรีวิว Gear S เปรียบเทียบกับ Gear Fit ไปควบคู่กันนะครับ เริ่มจากตัวเรือนก่อนรูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างจะเหมือ นกันเลยครับ ต่างกันที่ตัว Gear S จะใหญ่กว่าเหมือนเอา Gear Fit มาต่อกันสองเรือน

เทียบขนาดระหว่าง Gear S กับ Gear Fit
ถามว่าตัวหน้าปัดที่ใหญ่ขึ้นดีจริงไหม ขอบอกเลยว่ามาก เพราะว่าเท่าที่ใช้ Gear Fit มา แม้จะให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลดี แต่ไม่ได้เรื่องการแสดงผลครับ แน่ละเพราะหน้าปัดพื้นที่มันน้อยกว่าด้วย ตัว Gear S จึงให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า
ด้านข้อเสีย ผมรู้สึกว่า Gear S ไม่ค่อยเข้ากับข้อมือสักเท่าไหร่ ไม่เหมือน Gear Fit ที่จะติดกับข้อมือมากกว่า อาจจะที่ตัว Gear Fit ส่วนโค้งน้อยกว่า Gear S ก็เป็นได้ แต่ด้านสายรัดข้อมือ Gear S จะดีกว่าครับ เพราะ Gear Fit หลุดง่ายมาก


เทียบด้านหลัง และ แบบสายรัดข้อมือ
ส่วนแบตเตอร์รี่นั้น Gear S หากไม่ใช้อะไรมาก แค่ดูนาฬิกา กับใช้ App ทั่วไป (ปฎิทิน, ดูภาพ, ดู Notification) ส่วนตัวผมใช้งานได้ประมาณ 1.5 วันครับ แต่ถ้าหากฟังเพลง 1 ชม. จะลดไปประมาณ 10% ส่วน Gear Fit นั้น สามารถใช้งานได้ประมาณ 2 - 3 วัน จึงจะชาร์ตทีนึงครับ แต่ข้อดีของ Gear S คือ ตัว Dock ที่ใช้สำหรับชาร์ตนั้นเป็นแบตเตอร์รี่สำรองในตัว ทำให้สามารถพกไปเผื่อ ในกรณีใช้ฟังเพลงไปด้วยครับ
ติดตามสุขภาพได้ทุกที่กับ Gear S
ผมขอชื่นชมซัมซุงเรื่อง S Health อันใหม่มากครับ เพราะว่าปรับปรุงให้ประสบการณ์การออกกำลังกายดีขึ้นม าก ตัว Gear S นั้นสามารถเก็บข้อมูลได้ดีกว่า Gear Fit เท่าที่ใช้ Gear Fit ไม่สามารถเก็บข้อมูลการเต้นของหัวใจระหว่างวิ่งได้ (หมายถึงเก็บข้อมูลตลอดช่วงการวิ่งนะครับ) แต่ Gear S ทำได้ ซึ่งมีประโยชน์มาก

เทียบ Chart ข้อมูลของ Gear Fit (ซ้าย) กับ Gear S (ขวา)
ด้านประสบการณ์ตอนออกไปวิ่งนั้น ดีกว่าเดิมมากครับ เพราะแต่ก่อนออกไปวิ่ง จะต้องมี โทรศัพท์ กับ Gear Fit ติดตัวกันไปด้วยครับ แม้ว่าจริงๆ จะเอาไปแต่ Gear Fit ก็ได้ แต่ว่าเราจะฟังเพลงไม่ได้ รับโทรศัพท์ไม่ได้ และ Track GPS ไม่ได้ครับ พอมี Gear S ก็พกแค่นั้นกับ หูฟัง Bluetooth ไปก็พอ ด้านแบตเตอร์รี่ พบว่าวิ่งประมาณ 1 ชม. พร้อมเปิดในโหมดโทรศัพท์ และ เปิดเพลงผ่าน Bluetooth ไปด้วย จะกินแบตไปประมาณ 15 - 20% ซึ่งพออยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ
ข้อดีอีกอย่างนึงคือ เราสามารถใช้ Gear Fit ร่วมกับ Gear S ได้ครับ โดยจะบันทึกข้อมูลไปยัง S Health แล้วรวมข้อมูลกัน เข้าไปดูจะบอกได้เลยครับว่า นับก้าวจาก Gear S ได้เท่าไหร่ Gear Fit ได้เท่าไหร่ อ่อ แล้วก็เวลานับก้าว ผมไม่ได้ใจว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า แต่ Gear Fit จับการนับก้าวได้ดีกว่า Gear S ครับ
อีกอย่างนึงคือ นอกจากจะจับระยะการวิ่ง และ จังหวะการเต้นของหัวใจ เหมือน Activity Tracker ตัวอื่นๆ แล้ว Gear S ยังมีเมนูแนะนำในการออกกำลังกายด้วย เช่น พรุ่งนี้วิ่งกี่กิโลดี หรือ หากวิ่งติดต่อกันหลายวัน ก็จะแนะนำให้พักด้วยครับ

(ซ้าย) ข้อมูลสถิติหลังจากการวิ่ง (กลาง) มีการแนะนำการวิ่งและ (ขวา) รายละเอียดเพื่อการออกกำลังกายด้วย ไม่ใช่แค่จับการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียว
ปล. หากครบสัปดาห์แล้วจะมีสรุปข้อมูลการออกกำลังกายของเร าให้ด้วยครับ
ฟังก์ชั่นอื่นๆ บน Gear S
ข้อดีของตัว Gear S อีกอย่างนึงคือ เป็นเสมือนโทรศัพท์อีกเครื่องนึงเลยครับ แค่เอามาแปะไว้บนข้อมือ (แม้ว่าถ้าเทียบด้านราคาแล้ว เอาไปซื้อมือถือจริงๆ เลยดีกว่า) แต่ก็ดีมากเราอยากจะมีวันๆ นึงที่ไม่ต้องพกโทรศัพท์ไปเที่ยว หรือ เข้าไปเล่นฟิตเนส มีแค่ Gear กับ Bluetooth ก็พอโทรศัพท์ทิ้งไว้บนรถก็ได้
ตัว SIM ขอผมเปิดเบอร์ใหม่เป็นโปรเล็กๆ ครับ เพราะจะใช้แค่ GPS และอินเตอร์เน็ตเล็กน้อย ด้านการ Call Fowarding ตัว Gear Manager จะสามารถตั้งได้เลยครับว่า หากตัว Gear ห่างจากมือถือให้เปลี่ยนเบอร์โทรเข้าไปที่ Gear S ได้เลย
ข้อเสียของการ Call Forwarding ของ Gear S คือ ทั้ง Gear และมือถือของเรา จะต้องออนไลน์ครับ ไม่ว่าจะผ่าน Mobile Data หรือ Wifi จะต้องเปิดสักพักนึงก่อนเพื่อให้ Gear และมือถือติดต่อกัน จากนั้นจึงจะเริ่มโอนสายครับ และเท่าที่เจอบางครั้งจากตัวโทรศัพท์ของผม (Galaxy S5) ก็ไม่ยอมโอนครับ ต้องมาเข้าไปเปิด Setting อีกทีถึงจะโอนครับ หากจะให้ดีน่าจะเพิ่มเมนูลัดให้ Call Foward จาก Gear S ไปเลยก็ดีครับ
ข้อเสียอีกอย่างนึงคือ ถ้าไม่ได้เป็น Multi Sim หรือ ซิมคู่เบอร์เดิม เปิดเบอร์ใหม่แบบผมคือ หากติดต่อกันด้วย Bluetooth เบอร์ของ Gear S จะรับโทรศัพท์ไม่ได้ครับ
ด้าน App ต่างๆ ก็มีเยอะพอสมควรครับ App พื้นฐาน ตั้งแต่ Phone, Gallery, Calendar (Sync กับ Account ที่เราโยงไว้ใน S Calender), Alarm, Music Player, SMS, E-Mail, Contacts, Timer, Voice Memo, Compass, Find My Phone, Find My Car เป็นต้น
ส่วน App เสริมนั้นก็มีให้เลือกโหลดจาก Galaxy Apps ซึ่งจะมีแยกเฉพาะของ Gear S เลยครับ ทีเด็ด Here for Gear S ผมได้ลองเอาไปใช้ โดยโหลดแผนที่ไว้ในโทรศัพท์ แล้วใช้แต่ Gear S (ไม่พกโทรศัพท์) เดินดูถือว่าโอเคเลยครับ แม้จะอยู่ในต่างประเทศ ก็เปิดแต่ GPS อย่างเดียวก็ได้
การเขียนโปรแกรมเพื่อใช้ บน Gear S
อีกหนึ่งอย่างที่ได้ลองคือการเขียน โปรแกรมบน Gear S ครับ จริงๆ ตระกูล Gear (ยกเว้น Gear Fit) เขียนโปรแกรมง่ายครับ เพราะ ระบบปฎิบัติการ Tizen for Wearable จะใช้ HTML5 ในการเขียนเป็นหลักครับ หากเขียน jQuery เป็น ก็ทำ App ได้เลย
โปรแกรมที่ต้องใช้ คือ Tizen Wearable SDK (เป็น eclipse ที่พัฒนาโดย Tizen อีกที ลิงค์โหลด) นอกจากนั้นก็เขียน HTML5 คู่กับ jQuery ครับ นอกจากนี้ยังมี API ต่างๆ ที่สามารถเรียกใช้ได้ด้วย
ส่วนใครที่ต้องการเขียน App เพื่อติดต่อกับมือถือซัมซุงไปด้วย สามารถเขียน App เหมือนเขียน App Android ปกติ แต่ให้เพิ่มไลบราลี่ SAP (Samsung Accessory Protocol) ของซัมซุงติดต่อกับ Gear เพื่อนำข้อมูลเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น UV Sensor, Barometer มาใช้งานได้ด้วยครับ นอกจากนี้ยังมี Rich Notification ซึ่งเป็นระบบการแจ้งเตือนพิเศษของ Gear S ด้วยครับ (ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ หน้าเว็บของซัมซุง)
สรุปข้อดี/ข้อเสีย Gear S
ข้อดี

  • ใช้งานง่าย มีประสบการณ์ใช้งานที่ดีมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Gear Fit
  • ไม่ต้องพกโทรศัพท์เครื่องใหญ่ตลอดเวลา
  • เล่นอินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้
  • เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอะไรที่มากกว่า Activity Tracker
  • ฟังเพลง และ รับโทรศัพท์ ได้โดยไม่ต้องใช้ Bluetooth
  • เขียนโปรแกมง่ายเพราะใช้ HTML5 คู่กับ API ของ Tizen
  • แบตเตอร์รี่ค่อนข้างทน สำหรับการใช้งาน วันต่อวัน

ข้อเสีย

  • หน้าจอแบบ Curved Super AMOLED อาจไม่เหมาะกับข้อมือทุกคน (ของผมคิดว่าส่วนโค้งมันมากไป จนจับ Heart Rate ไม่ได้ในบางครั้ง)
  • ไม่มีกล้อง (และคาดว่าจะเพิ่มมาในรุ่นถัดไป)
  • App ที่รองรับ ค่อนข้างจำกัด ตอบ Line ไม่ได้ ตอบ Facebook ไม่ได้ ดูได้ แต่ Notification
  • Call Forward ยังใช้งานไม่สะดวกจริง
  • จริงๆ มันก็หนักพอสมควร ถ้าใส่นานๆ ก็บวดข้อมือเหมือนกัน

สำหรับรีวิวแรกอาจจะเยอะบ้าง น้อยบ้าง ต้องขออภัย หากอยากรู้ หรือ อยากลองอะไรเพิ่มเติม ลองคอมเม้นต์ถามได้ครับ ^^
Gear Fit, Gear S, Review, Samsung, Smart Watch, Samsung Gear




อ่านต่อ...