LambrettA มันอยู่ใน สายเลือด และ ใต้หนังกำพร้า .....
เพื่อนแท้ เพื่อนตาย ดูไม่ยากหรอกครับ ดูตอนที่คุณเดือดร้อนสิครับ....I still remember the moment we met..
ใจมันส่งถึงกันครับ เจตน์
Lambretta Pianissimo... Lambretta Prestissimo...Lambretta Da Capo an no al fine..
We're team service.
We're Lambretta Service Station.
ติดต่อ Lam Station โทร. 081-867-6974
LambrettA มันอยู่ใน สายเลือด และ ใต้หนังกำพร้า .....
เพื่อนแท้ เพื่อนตาย ดูไม่ยากหรอกครับ ดูตอนที่คุณเดือดร้อนสิครับ....I still remember the moment we met..
LambrettA มันอยู่ใน สายเลือด และ ใต้หนังกำพร้า .....
เพื่อนแท้ เพื่อนตาย ดูไม่ยากหรอกครับ ดูตอนที่คุณเดือดร้อนสิครับ....I still remember the moment we met..
ศูนย์สังคีตศิลป์
สร้างเมื่อ : พ.ศ.2514
ที่เชิงสะพานผ่านฟ้า ฝั่งตรงข้ามลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์นั้น มีอาคารสูงทาสีขาว มีป้ายบอกให้ทราบว่าเป็นธนาคารกรุงเทพนั้น คุณเชื่อไหมว่า เมื่อ 30 ปีก่อน อาคารนี้เกือบจะได้กลายเป็นโรงถ่ายหนังไปแล้ว
อาคารของธนาคารกรุงเทพที่ว่านี้ ปัจจุบันคือศูนย์สังคีตศิลป์ ซึ่งเป็นศูนย์วัฒนธรรมที่มีธนาคารกรุงเทพเป็นผู้อุปถ ัมภ์ แต่ก่อนที่อาคารนี้จะเป็นศูนย์วัฒนธรรมสำหรับประชาชน นั้น เดิมทีที่ดินนี้เคยเป็นที่ดินของพระเอกตลอดกาลของไทย อย่าง มิตร ชัยบัญชามาก่อน
พื้นที่ของศูนย์สังคีตที่เราเห็นนั้น ก่อนที่จะมาเป็นตุกอย่างทุกวันนี้ พื้นที่นี้เป็นที่ดินว่างเปล่าทรงสามเหลี่ยม หรือที่คนสมัยก่อนเรียกกันว่าพื้นที่ชายธงนั้น มิตร ชัยบัญชาซื้อที่เอาไว้เพื่อเตรียมทำเป็นโรงถ่ายภาพยน ตร์ เหตุผลส่วนหนึ่งที่มิตร ชัยบัญชา เลือกที่ดินแปลงนี้ เพราะต้องการให้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับภาพยนตร์ชั้น 1 ในสมัยนั้นอย่างโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย (ปัจจุบันรื้อทำเป็นลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์)
ที่ดินชายธงนี้มิตร ชัยบัญชาได้จ้างร่างภาพวาดของอาคารไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2 513 โดยอาคารโรงถ่ายนี้ก็ออกมาคล้ายกับที่เราเห็นในปัจจุ บัน แต่ความฝันของมิตรก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะในช่วงปลายปีพ.ศ.2513 นี้เอง ที่มิตรเกิดอุบัติเหตุขณะถ่ายทำภาพยนตร์บู๊เรื่อง อินทรีแดง ทำให้โรงถ่ายในฝันต้องสลายไปในบัดดล
หลังจากที่มิตร ชัยบัญชาเสียชีวิตไปแล้ว ที่ดินสามเหลี่ยมแปลงนี้ก็ตกเป็นของธนาคารกรุงเทพ โดยที่ธนาคารกรุงเทพเองก็มีความประสงค์ที่จะธำรงค์ ส่งเสริมกิจกรรมศิลปะ-วัฒนธรรมไทยไว้ จึงได้ใช้ที่ดินติดจำนองผืนนี้ทำเป็นศูนย์สังคีตศิลป ์ โดยเปิดโอกาสให้บุคคลผู้มีความรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรร มเข้ามาบริหารจัดการ ดังนั้น ทุกวันนี้เราจึงมีโอกาสได้ชมนิทรรศการศิลปะ การเสวนาทางวัฒนธรรม รวมทั้งการแสดงการละเล่นพื้นบ้านไทยทุกๆ วันศุกร์อีกด้วย
We're team service.
We're Lambretta Service Station.
ติดต่อ Lam Station โทร. 081-867-6974
สวน รมณีนาถ
สร้างในสมัย : รัชกาลที่ 5
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้พระสมัญญาว่าเป็นพระมหากษัตริย์ผู้สร้างนั้น เห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงโปรดฯ ให้ริเริ่มโครงการสร้าง และขยายประเทศออกไปเป็นอันมาก อาทิ สร้างทางคมนาคมด้วยถนน รถไฟ รถยนต์ หรือแม้แต่การสร้างสถานศึกษา สถานอนามัยและกระทรวง กรมกองทางราชการต่างๆ รวมทั้งเรือนจำขังคนนอกกฎหมายด้วย
กล่าวถึงเรือนจำในข้างต้นนั้น แท้จริงแล้วไทยเรามีการสร้างคุกขังนักโทษมาตั้งแต่ก่ อนยุคสุโขทัยเสียอีก หากแต่เรือนจำที่ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษในยุคกลางรัตนโ กสินทร์ก็เห็นจะได้แก่เรือนจำกลางคลองเปรมประชากร ซึ่งเป็นเรือนจำขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวบนเกาะรัตนโกส ินทร์
เรือนจำคลองเปรมฯ นั้นสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสร้างให้ออกมาตามอาคารสมัยนิยมแบบฝรั่ง คุกแห่งนี้ถูกใช้งานมานานเกือบร้อยปี จนกระทั้งถึงคราวรโกาสสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย ู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ทางกรมราชทัณฑ์จึงร่วมกับกรุงเทพมหานครเคลื่อนย้ายนั กโทษทั้งหมดออกไป แล้วปรับเรือนจำนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางทัณฑวิทยา โดยจัดให้มีการแสดงนิทรรศการทางศิลปะ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ ส่วนสนามที่ว่างกว้างขวางนั้นก็ปรับใหม่เป็นสวนสาธาร ณะที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาใช้พื้นที่ออกกำลังกา ย และพักผ่อนหย่อนใจได้ โดยที่สวนสาธารณะแห่งใหม่นี้ได้ชื่อตามนามที่สมเด็จพ ระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงประทานไว้ให้ว่า สวนรมณีนาถ
We're team service.
We're Lambretta Service Station.
ติดต่อ Lam Station โทร. 081-867-6974
ก้าวไปในบุญเสริมมงคลไหว้พระ ๙ วัด
ปัจจุบันการไปไหว้พระขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน ๙ วัดที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพมหานครกำลังเป็นที่นิยมก ันอย่างกว้างขวาง เพราะนอกจากความเชื่อที่ว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น และมีสิริมงคลตามชื่อของสถานที่แล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมกำลังใจที่ดีด้วย อย่างไรก็ตาม การที่คนเราจะประสบความสำเร็จ พบความก้าวหน้าในชีวิตได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เรา คาดหวังหรือปรารถนาด้วย ดังนั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอเสนอแนวทางปฏิบัติ ก้าวไปในบุญเสริมกุศลที่ท่านทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต ามคติความเชื่อของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่ง ดังนี้
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
เป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่พระประธานเป็นพระพุทธรูปป างปาลิไลยก์ ผู้ไปไหว้มีคติความเชื่อว่าเดินทางปลอดภัยดี มีมิตรไมตรี ซึ่งหลักธรรมที่จะทำให้ปลอดภัยทั้งการเดินทางและการด ำรงชีวิตได้ คือ การไม่ประมาท มีสติ คือ ให้รู้ตัวอยู่เสมอ เช่น ขณะที่ดื่มของมึนเมา ง่วงนอน หรือพูดโทรศัพท์มือถือก็ไม่ควรขับรถ เป็นต้น ส่วนการสร้างไมตรีให้เกิดขึ้น สามารถทำได้หลายอย่าง เช่น การให้ทาน ให้อภัย ให้สิ่งของ ให้ความเอาใจใส่ต่อผู้อื่น เป็นต้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย และผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้"
วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ เพื่อให้เกียรติแก่ทหารมอญในกองทัพของสมเด็จกรมพระรา ชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ซึ่งมีชัยชนะต่อข้าศึกถึง ๓ ครั้ง ผู้ที่ไปวัดนี้ เพราะเชื่อในคติที่ว่า มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง ซึ่งธรรมที่จะช่วยให้คนชนะอุปสรรคได้ทุกอย่างคือ ความเพียรพยายาม และความอดทน ที่จะทำให้เรามีความมุ่งมั่น เจอปัญหาก็ไม่ย่อท้อ หรือยอมแพ้ แต่จะต่อสู้ แก้ไข อดทนต่อความยากลำบากจนประสบความสำเร็จในที่สุด พระพุทธองค์กล่าวว่า คนจะพ้นทุกข์ได้เพราะความเพียร
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
หรือ วัดโพธิ์ เป็นวัดที่มีเจดีย์ถึง ๙๙ องค์ ถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย มีคติตามความเชื่อว่า ร่มเย็นเป็นสุข คนจะอยู่เย็นเป็นสุขได้ ต้องเป็นคนมีศีลมีธรรม อย่างน้อยที่สุดก็ควรมี เบญจศีล หรือ ศีลห้า กำกับการดำเนินชีวิต เพราะจะทำให้เราไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา และใจ อันจะมีผลให้เราไม่มีศัตรูที่จะมาทำร้ายหรือทำให้เรา เดือดร้อนภายหลังพระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้ว่า ธรรม ย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
หรือวัดพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย มีคติสำหรับผู้มาไหว้ว่าแก้วแหวน เงินทอง ไหลมา เทมา อันหมายถึงให้มีความร่ำรวยนั่นเอง ซึ่งผู้ที่จะมีเงินทองได้จะต้องเป็นผู้รู้จักหาเงิน และใช้เงินเป็น เป็นคนทำมาหากินในทางที่ชอบหรือสัมมาอาชีวะที่จะไม่ก ่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ตนในอนาคต และต้องเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียร ฝึกฝนให้มีความชำนิชำนาญและรู้จริงในวิชาชีพ อีกทั้งต้องรู้จักเก็บรักษาทรัพย์ที่ได้มาด้วย พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โตพรหมรังสี)ซึ่งเป็นพระเถระผู้ทรงเกียรติคุณและวิท ยาคุณที่โด่งดังมาก มีคติในการไหว้พระที่นี่ว่า มีคนนิยมชมชื่น ซึ่งบุคคลที่จะทำให้ผู้อื่นนิยมชมชื่นได้ ควรจะมีหลักที่เรียกว่า สังคหวัตถุ ๔ ได้ คือ
ทาน ได้แก่ การให้ปัน เอื้อเฟื้อด้วยปัจจัยสี่
ปิยวาจา คือการพูดจาดี สุภาพ ไพเราะน่าฟังต่อกัน
อัตถจริยา คือ ทำประโยชน์แก่เขา บำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น
สมานัตตตา คือ ทำตนเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอาเปรียบผู้อื่น เช่นนี้ไปที่ใดย่อมทำให้คนรักใคร่ และประทับใจอยู่เสมอ ดังที่พระพุทธองค์กล่าวว่า กลิ่นของคนดีย่อมหอมทวนลมไปได้
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๘และมีพระศรีศากยมุนีเป็นพระประธานที่พระวิหาร มีคติว่า ไหว้พระวัดสุทัศน์ฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป การที่คนเราจะมีวิสัยทัศน์กว้างไกลได้ จะต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก เรียนรู้มาก และรู้จักนำมาใช้ ซึ่งเราสามารถนำหลักในการศึกษาเล่าเรียนมาใช้ได้นั่น คือ สุ จิ ปุ ลิ หรือ หัวใจนักปราชญ์ อันมาจาก สุต คือ ฟังมาก ในที่นี้เรารวมถึงการอ่านด้วย จิตนะ คือ การคิด รู้จักคิดใคร่ครวญหาเหตุผลในเรื่องต่างๆ ปุจฉา การถามไถ่ให้เข้าใจให้ถ่องแท้ และ ลิขิต คือสามารถเขียน สื่อสารสิ่งที่เราศึกษาหรือเรียนรู้ออกมาได้ หัวใจนักปราชญ์นี้จะทำให้เราเป็นผู้ที่ไม่ล้าหลัง เพราะคนที่ฟังมาก อ่านมาก ย่อมจะได้เปรียบผู้อื่น ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ยิ่งศึกษาหาความรู้มากเท่ใด ก็ย่อมจะเป็นพื้นฐานแห่งความฉลาดรอบรู้มากขึ้นเท่านั ้น อีกทั้งยังเป็นเสน่ห์แก่ตัวเราเองในการพูดคุยกับผู้อ ื่นอีกด้วย ดังพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่ใฝ่ในการศึกษา ย่อมจะเป็นผู้เลิศ
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดที่มีพระปรางค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูง ๓๓ วาเศษ มีคติว่า ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน กล่าวกันว่าบุคคลที่ต้องการความเจริญก้าวหน้าหรือชีว ิตที่รุ่งโรจน์ ควรจะต้องเลือกอยู่ในถิ่นที่เหมาะและสิ่งแวดล้อมที่อ ำนวยต่อการพัฒนาชีวิต ต้องรู้จักคบหาคนดี ผู้ทรงคุณและผู้ที่เกื้อกูลแก่การแสวงหาธรรมและความร ู้ ข้อสำคัญคือ ต้องตั้งตนมั่นในธรรมและการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง มีเป้าหมายที่ดีในชีวิต และควรเสริมด้วยหลัก อิทธิบาท ๔ นั่นคือ
มีฉันทะ ความพอใจและรักงานที่ทำ
วิริยะ ความเพียรที่จะทำงานให้สำเร็จเสร็จสิ้น
จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในงานที่ต้องทำ และ
วิมังสา ใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญ เพื่อพัฒนาปรับปรุงสิ่งที่ทำ เหล่านี้จะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตยิ่งขึ้น ดังพระพุทธองค์ว่าถ้ารู้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์แก่ตน ควรรีบลงมือทำสิ่งนั้นทีเดียว
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
รัชกาลที่ ๑ ได้มีพระราชพิธีฝังเสาพระหลักเมืองเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ มีคติแก่ผู้มาไหว้ว่า ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนา บารมี ซึ่งนอกจากจะไหว้ศาลแล้ว เรายังสามารถสร้าง บุญกิริยาวัตถุ อันประกอบด้วย
ทานมัย คือ ทำบุญด้วยทรัพย์สิ่งของ
สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือประพฤติดีต่างๆ
ภาวนามัย คือ ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา คือฝึกจิตให้เจริญด้วยสมาธิและปัญญา
นอกจากนี้ การประพฤติตนอ่อนน้อม การช่วยบำเพ็ญประโยชน์ การให้ผู้อื่นร่วมกระทำดี การยินดีในความดีของผู้อื่น การฟังธรรม หรือให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็ถือเป็นการทำบุญเช่นเดียวกัน ดังที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่าไม่พึงดูหมิ่นว่าบุญเล็กน ้อยจะไม่มีผล
ศาลเจ้าพ่อเสือ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ ซึ่งเป็นเคารพนับถือของชาวจีนและไทยเป็นอย่างมาก มีคติความเชื่อว่า เสริมอำนาจบารมี คนที่จะมีวาสนาบารมีส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้นำ หรือแม้มิใช่ แต่อยากจะให้ตนมีอำนาจบารมี ก็ควรจะปฏิบัติตามหลักทศพิธราชธรรม อันเป็นคุณธรรมของผู้ปกครองหรือผู้บริหาร ซึ่งจะช่วยให้ผู้อื่นเกิดความเคารพนับถือ และนำมาซึ่งการเป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง มีอยู่ ๑๐ ประการ คือ
ทาน-การให้ปัน
ศีล-รักษาความสุจริต
ปริจาคคะ-ความเสียสละ
อาชชวะ-ความซื่อตรง
มัททวะ-ความไม่เย่อหยิ่ง
ตปะ-การมิให้กิเลสมาครอบงำ
อักโกธะ- ความมีเหตุผลไม่เกรี้ยวกราด
อวิหิงสา-ความไม่หลงระเริงในอำนาจ
ขันติ-ความอดทน และ
อวิโรธนะ-การประพฤติมิให้ผิดจากธรรม ถือประโยชน์สุขของส่วนรวม
นอกจากนี้ ยังต้องมีพรหมวิหาร ๔ คือ
มีเมตตา ความปรารถนาให้คนอื่นเป็นสุข
กรุณา ความสงสารอยากช่วยให้เขาพ้นทุกข์
มุทิตา ยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข และ
อุเบกขา คือ มีใจเป็นกลาง เมื่อเห็นคนอื่นได้รับผลดีหรือชั่วตามเหตุที่เขาประก อบ ซึ่งหลักการทั้งสองอย่างนี้ แม้จะปฏิบัติได้เพียงบางส่วนก็ช่วยให้เกิดความนิยมนั บถือได้แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนพาลเป็นผู้นำไม่ได้
เราจะเห็นได้ว่าหลักปฏิบัติเหล่านี้ มิใช่เรื่องที่ยากหรือเหลือบ่ากว่าแรง แต่หากสามารถปฏิบัติไปพร้อมกับการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ ิ์ได้จะช่วยหนุนนำให้ความปรารถนาของเราสัมฤทธิ์ผลเร็ วยิ่งขึ้น
We're team service.
We're Lambretta Service Station.
ติดต่อ Lam Station โทร. 081-867-6974
LambrettA มันอยู่ใน สายเลือด และ ใต้หนังกำพร้า .....
เพื่อนแท้ เพื่อนตาย ดูไม่ยากหรอกครับ ดูตอนที่คุณเดือดร้อนสิครับ....I still remember the moment we met..
LambrettA มันอยู่ใน สายเลือด และ ใต้หนังกำพร้า .....
เพื่อนแท้ เพื่อนตาย ดูไม่ยากหรอกครับ ดูตอนที่คุณเดือดร้อนสิครับ....I still remember the moment we met..
ประตูวังหน้า มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์
สร้างในสมัย : รัชกาลที่ 1
มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยหนึ่ง ที่เป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่ท้องสนามหลวง มาหลายทศวรรษ ประการที่สำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลให้ ธรรมศาสตร์มีชื่อเสียงมากขึ้นนั้นย่อมมิใช่ มีแต่ปัจจัยทางด้านวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่กิจกรรมที่เหล่าอาจารย์ และ นักศึกษาได้ร่วมกันทำกิจกรรมทางสังคม และ การเมืองนั้นก็เป็นปัจจัยที่โดดเด่น และ สร้างชื่อให้กับ มหาวิทยาลัยลูกแม่โดมไม่แพ้กัน
แต่ก่อนที่จะมามีมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ มีตึกโดม และ ลานปรีดีนั้น พื้นที่ดินเดิมของ ธรรมศาสตร์เป็นเขตพระราชฐานของ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พื้นที่ในบริเวณวังหน้านี้ ได้มีการบูรณะขึ้นอีกครั้งในสมัย รัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่ อ พ.ศ. 2440
หลังจากที่ไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก สมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็น ระบอบประชาธิปไตย ดร.ปรีดี พนมยงค์ ก็ได้เริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และ การเมืองขึ้น โดยหวังที่จะให้มหาวิทยาลัยนี้เป็น ตลาดวิชาแก่มวลชน และ จะด้วยเหตุที่ธรรมศาสตร์ และ การเมืองนั้นมีทำเลที่ตั้งอยู่หน้าสนามหลวง หรือเป็นเพราะกิจกรรมทางสังคมอันเข้มข้น ของเหล่าลูกแม่โดมเองก็ตาม เหตุการณ์หนึ่งอันสำคัญที่ทำให้มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และ การเมืองถูกตัดทอนชื่อลงเหลือเพียง มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งในครานั้น จอมพล ป.ได้ตั้งตนเป็น อธิการบดีของมหาวิทยาลัยด้วยตนเอง และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนักบริการของมหาวิทยาลัยนั้น จอมพล ป. สั่งให้มีการสร้างหอประชุมใหญ่ของ มหาวิทยาลัยขึ้น เพื่อขยายมหาวิทยาลัย และ ด้วยเหตุที่หอประชุมที่คิดจัดสร้างขึ้นนั้น ใช้เนื้อที่ค่อนข้างมาก ท่านอธิการบดีในยุคนั้น จึงได้อนุญาติให้ช่างก่อสร้างทุบกำแพงวังด้านหน้าฝั่ งสนามหลวงทิ้ง รวมทั้งป้อมปราการด้านหน้าอีก 2 ป้อมด้วย
เมื่อธรรมศาสตร์มีอายุครบครึ่งศตวรรษ พ.ศ.2527 ทางมหาวิทยาลัยจึงได้จัดทำประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยขึ ้นใหม่ โดยจำลองเอาแบบเดิมของประตูป้อมวังหน้าขึ้นมา และ ในระหว่างที่ขุดดินเพื่อทำประตูใหม่ ก็ได้มีการค้นพบปืนใหญ่โบราณเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันปืนโบราณเหล่านี้ถูกจัดแสดงไว้อย่างเป็นระเบ ียบอยู่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวง
We're team service.
We're Lambretta Service Station.
ติดต่อ Lam Station โทร. 081-867-6974
Bookmarks