หลายคนคงพอทราบแล้ว และบางคนคงไม่ทราบ
พอดีไปเจอใน นักเลงมอเตอร์ไซด์ เมื่อ 8 ปีมาแล้ว เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
MZ อยู่มาได้ทุกวันนี้มีประวัติโชกโชน โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และเป็นอีกค่ายที่มีความพัวพันกับหลายยี่ห้อ โดยเฉพาะในสังกัดเยอรมัน สำหรับตำนานรถแรงจากแดนคอมมิวนิสต์ เยอรมันตะวันออก (ขณะนั้น) เริ่มขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงไม่กี่ปี ตอนนั้นวงการมอเตอร์ไซด์ยุโรปเชื่อกันว่า เครื่องยนต์ 2 จังหวะแบบเดิมๆ คงใกล้กาลอวสาน เพราะไม่สามารถพัฒนาต่อไปอีกได้แล้ว นอกจากนั้นโรงงานผลิตหลายแห่งยังเชื่อมั่นเครื่องยนต ์ 4 จังหวะมากกว่า และในที่สุด DKW ก็แหกกฎด้วยการสร้างระบบซูเปอร์ชาร์จให้กับเครื่องยน ต์ 2 จังหวะเมื่อปี 1920 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า ดีคส์ (Deeks) หลายต่อหลายคนวิจารณ์ว่าสมรรถนะของมันเยี่ยมมาก แต่เสียงดังพิกล
อย่างไรก็ตามแม้จะมีเสียงค่อนแคะเกี่ยวกับอุปกรณ์เคร ื่องยนต์รุ่นที่ว่า ค่อนข้างใหญ่และดูเทอะทะ ไม่เหมาะสำหรับสนามประลองความเร็ว แต่โรงงาน DKW ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาผลิต 3 ปีต่อมาเครื่องหมายการค้าถูกเปลี่ยนเป็น MZ ขณะที่โรงงานยังคงใช้ย่านซาชูปาอู ในเมืองแซกโซนี่ของเยอรมันตะวันออกเหมือนเดิม (เยอรมนีช่วงหลังสงครามถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ตะวันตก กับ ตะวันออก ซึ่งอย่างหลังปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์โดยมีรัสเซีย หนุนหลัง) ไม่มีใครรู้เลยว่าหลังสงครามสิ้นสุดแล้วโรงงาน DKW ต้องพบกับความวิบัติอย่างไร เนื่องจากในขณะนั้นเมืองแซกโซนี่กลายเป็นส่วนหนึ่งขอ งที่ตั้งกองทหารของรัสเซีย จวบจนปี 1946 จึงมีผู้รายงานว่าเมืองซาชูปาอูบางส่วนรอดพ้นจากการท ำลาย สามารถกลับไปผลิตมอเตอร์ไซด์ 2 จังหวะได้ใหม่อีกครั้ง ลักษณะคล้ายคลึงกลับ DKW มาก พวกหลังม่านเหล็กเรียกว่า IFA
ในช่วงทศวรรษที่ 40 วงการแข่งขันมอเตอร์ไซด์ทางเรียบกระทบกระเทือนอย่างห นักเพราะผลพวงของสงคราม กระทั่งปี 1949 ก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะในเยอรมันตะวันออกมีการสร้าง RT125 ขึ้นมา เป็นรถสูบเดียว 2 จังหวะ ที่ให้แรงม้า 6.5 bhp ที่ 6,500 รอบต่อนาที รูปร่างเหมือนกับ DKW รุ่นก่อนสงครามไม่มีผิด ใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิค และระบบกันสะเทือนหลังชนิดพลั้งเกอร์ นับเป็นผลงานอันปราณีตของโรงงานซาชูปาอู ที่ออกสู่สายตาสาธารณชนอีกครั้ง
ต่อมาปี 1951 ระบบซูเปอร์ชาร์จในมอเตอร์ไซด์ถูกกำหนดเป็นข้อห้ามโด ยสมาพันธ์แข่งรถจักรยานยนต์นานาชาติ หรือ FIM แต่ข้อห้ามนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลต่อโรงงานซาชูปาอู ในเยอรมันตะวันออก เพราะวิศวกรเลิกคิดที่จะผลิตมานานแล้ว พวกเขาหันไปทำเจ้า RT125 ให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาด 9 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที พร้อมกันนั้นวิศวกรมือดีอย่าง วอลเตอร์ คาเดน ก็เข้ามาร่วมเสริมทีม โดยประวัติของเดน เคยเป็นผู้ออกแบบให้กับ เคนไนทซ์ ซึ่งมีความสามารถทางด้านเครื่องยนต์โดยเฉพาะ สิ่งแรกที่เดนทำเมื่อมาอยู่ที่นี่ก็คือ ติดตั้งระบบ โรตารี่ ดิสค์ วาล์ว (Rotary Disc Valve เป็นระบบไอดีชนิดแผ่นหมุนทางด้านข้างของแคร้งค์เครื่ อง) ให้กับ RT125 ผลปรากฎว่ากำลังม้าเพิ่มเป็น 11 bph ที่ 8,000 รอบต่อนาที ข่าวนี้สร้างความยินดีต่อชาวหลังม่านเหล็กเป็นอย่างย ิ่ง รัฐบาลกลางได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน โดยขึ้นกับคณะกรรมการวัฒนธรรมทางกายภาพและการกีฬา แล้วในปี 1953 โรงงานซาชูปาอูก็ได้รับอิสระไม่ต้องถูกควบคุมจากรัฐบ าลคอมมิวนิสต์ มีการตั้งชื่อบริษัทเป็น วีอีบี มอเตอร์ราดเวิร์ค ซาชูปาอู (VEB Motorradwork ZSCHOPAU) พร้อมเครื่องหมายการค้า MZ ที่ย่อมาจาก มอเตอร์ราดเวิร์ค ซาชูปาอู นั่นเอง
MZ ยุคคอมมิวนิสต์รุ่งโรจน์ ดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าที่คิด ปี 1954 มีการเพิ่มกำลังรุ่น 125 เป็น 4 สปีด 13 แรงม้า ที่ 8,000 รอบต่อนาที ระบบกันสะเทือนหลังใช้สวิงอาร์มร่วมกับช็อค แต่ระบบกันสะเทือนหน้ายังคงเป็นเออร์เลียร์พลั้งเกอร ์ แพทเทิร์น หรือระบบผลักขึ้น-ลง แบบง่ายๆ เท่านั้น ส่วนรุ่น 250 กรังด์ปรีซ์ก็คือ เครื่องยนต์ 125 สองเครื่องมาประกบกันนั่นเอง
มีต่อตอน 2
Bookmarks