..
ต้องขอบคุณนงค์ที่ช่วยตั้งประเด็นขึ้นมาคุย เพราะช่วงนี้จักรยานโบราณเหมือนจะเงียบๆ ซึ่งอาจจะเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไร หรืออาจจะคุยกันแล้ววงแตก...! ทำให้เงียบกันไปพักนึง ก็คงปล่อยไปตามธรรมชาติเพราะการสนทนา ความคิดเห็นแตกต่างย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เหมือนเป็นการแตกยอดความคิด หลากหลายข้อมูล แต่ก็อย่าไปซีเรียสกับมันมากนัก ชีวิตนี้ไม่ได้่มีแต่จักรยานอย่างเดียว
สำหรับตัวเองแล้ว เก็บจักรยานโบราณมานานหลายปี แต่ก็ไม่ได้ขลุกกับจักรยานมากนักโดยเฉพาะเรื่องซ่อม เรื่องดูรุ่น เก้บเพราะเป็นของเก่ามากกว่า เป็นของเก่าที่พิเศษหน่อย เพราะปั่นไปไหนได้ ไม่เหมือนของเก่าพวกตะเกียงหรือนาฬิกา ที่แขวนอยู่กับบ้าน ได้แต่นั่งมองอย่างเดียว การเก็บจักรยานในยุคแรกๆของตัวเอง เน้นเยอะเอาไว้ก่อนและเน้นให้มีหลายๆยี่ห้อ นึกเทียบรุ่นอยากจะมีมากเหมือนบ้านจักรยาน แต่ก็เหมือนเห้นช้างขี้แล้วอยากขี้ตามช้าง สุดท้ายก็เลยต้องหยุด จนตอนนี้เหลือสิบกว่าคันพอ จักรยานโบราณสมัยก่อนใช้วิธีขับรถหาเป็นส่วนใหญ่ มีบ้างที่เพื่อนชี้เป้าให้โดยเฉพาะรถที่หายากๆ แต่ก็เฝ้าจีบอยู่นานหลายปีกว่าจะได้ ราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ บางคันตามไปเจอและจีบอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้เกินห้าปีมาแ ล้ว เจ้าของก็ยังไม่ใจอ่อน แต่ก็ยังคุยๆอยู่ เดี๋ยวนี้จักรยานโบราณแปลกๆรุ่นเก่าๆอาจจะมีโอกาสได้ ครอบครองมากแต่ก่อน ขอเพียงแต่ใจถึงและเงินพอ ซึ่งก็ต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงนี้
สอบถามได้ที่ 08-1234-6980 วสันต์
ธนาคารกรุงเทพฯ สะสมทรัพย์ สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล ชื่อบัญชี วสันต์ เกิดศิลป์ หมายเลขบัญชี 879-000-5162
คนบ้ารถถีบ วสันต์ เกิดศิลป์ http://www.facebook.com/#!/profile.p...00001558849888
สอบถามได้ที่ 08-1234-6980 วสันต์
ธนาคารกรุงเทพฯ สะสมทรัพย์ สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล ชื่อบัญชี วสันต์ เกิดศิลป์ หมายเลขบัญชี 879-000-5162
คนบ้ารถถีบ วสันต์ เกิดศิลป์ http://www.facebook.com/#!/profile.p...00001558849888
ความสนุก...ของการเล่นจักรยานสมัยก่อนเหมือนแทงหวยบา งครั้งถูกบ่อยครั้งผิด...เคยนะออกจากบ้านตอนตีสี่ขับ รถไปพิจิตรเพราะได้ข่าวมาว่ามีล้อโตอยู่ข้างวัดหลวงพ ่อเงิน...กว่าจะถึงก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงเพราะไปผิดที ่(ในพิจิตรมีวัดที่หลวงพ่อเคยสร้างและจำวัดอยู่สามวั ด คือวัดวังตะโก วัดท้ายน้ำ จริง ๆ ต้องไปวัดบางคลาน)ก็ขับไปถามทางไปแวะดูของเก่าตามข้า งทางสมัยก่อนร่วมสิบปีที่ผ่านมาตามโรงเหล็กและร้านรั บซื้อเก่ามีซากและจักรยานเต็มคันให้ลื้อค้นพอให้ได้เ สียตังค์...กว่าจะถึงวัดบางคลานก็ปาเข้าไปบ่ายโมงพอถ ึงก็ขึ้นไปกราบรูปจำลองของท่านพร้อมทั้งอธิฐานว่าให้ ได้เจอล้อโตตามที่หวัง...จอดรถไว้ในวัดแล้วเดินข้ามส ะพานข้างวัดมาตามที่สายข่าวรายงานเจอร้านขายก๊วยเตี๋ ยวใจเริ่มสั่นมันตามสายข่าวรายงานเป๊ะ..สั่งผัดไทมาก ิน...กินไปก็ชวนป้าคุยไปแล้วยิงตรงเข้าเรื่องรถล้อโต ทันที...ป้าบอกว่ามีเมื่อวานเจ้าของยังพิงไว้ข้างร้า นอยู่เลย(ตามสายรายงานเป็นร้านขายส่งน้ำแข็ง)เฮ้ย... สงสัยวันนี้จะโชคดีซะแล้วจ่ายตังค์คว้ากล้องเดินไปร้ านส่งน้ำแข็ง...ถามเรื่องจักรยานทันที...พี่เจ้าของร ้านบอกอ้อรถพี่เอง..ยังอยู่..เก็บไว้ใต้ถุนบ้านเข้าม าดูสิ....พี่มีอยู่หลายคัน(ตอนนี้ใจเต้นไม่เป็นจังหว ะคันเดียวก็ว่าหายากแล้วแต่พี่แกบอกมีหลายคันพยายามค ิดหาทางขอซื้อทัีนที พร้อมกับเตรียมกล้องให้พร้อมไม่ขายก็ไม่เป็นไรขอให้ไ ด้ถ่ายรูปจากตัวเป็น ๆ ก็ยังดี)พอเข้าไปใต้ถุนร้าน...ฮาครับ...ฮาสุด ๆ แสตนดาดเจ็ดคันจอดเรียงกันอยู่...โครงฮัมเบอร์อีกสอง สามโครง....พี่เขาบอกว่าเนี่ยล้อมันโต ๆ ไม่รู้ว่าใช้ที่น้องอยากดูหรือเปล่า...ครับ คำว่า ล้อโตของบางถิ่นมันหมายถึงจักรยานล้อ 28 นั่นเองครับ...สรุปว่าวันนั้นไม่ได้อะไรติดมือกลับมา เลย...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BOYYUDYA : 29-01-2013 เมื่อ 09:21
เพิ่งกลับจากไปเยี่ยมชมโรงงานสีกันไฟที่ระยอง... เห็นบอยเขียนถึงล้อโต ทำให้นึกถึงจักรยานยี่ห้อเบ๊นซ์..ที่ตัวเองยอมโดดงาน ขับรถไปพร้อมๆกับพ่อค้าขายพระแบกะดินที่คลองถมทั้งที ่รู้จักกันเพียงวันแรก เพียงเพราะว่าตอนที่ไปหาพระแถวกำแพงแสน มีคนบอกว่ามีจักรยานยี่ห้อเบ๊นซ์..ก็เลยตาลุก เพราะเคยได้ยินมานานแล้ว หาไปหามาปรากฏว่าคือสแตนดาร์ดนั่นแหล่ะ เป้นรุ่นที่เพลทมีวงๆคล้ายตราเบ๊นซ์ คนแถวนั้นเรียกตามลักษณะเพลท.. ตั้งแต่นั้น เวลาคนที่ไม่เล่นจักรยานว่ายังไง ก็ต้องเชื่อหูไว้หู..แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้..
สอบถามได้ที่ 08-1234-6980 วสันต์
ธนาคารกรุงเทพฯ สะสมทรัพย์ สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล ชื่อบัญชี วสันต์ เกิดศิลป์ หมายเลขบัญชี 879-000-5162
คนบ้ารถถีบ วสันต์ เกิดศิลป์ http://www.facebook.com/#!/profile.p...00001558849888
เคยสนใจจักรยานสมัยเด็กๆๆตอนอยู่วัด ของคนข้างวัดแต่เห็นว่าสูงมากเพราะเราเด็กมาก จนเลยมาจนเข้ามาเรียนใน กทม.ก็สรรหาเริ่มแรกเจอคุณต๋อง แม่กลอง และอีกคนหนึ่งลืมชื่อ(เป็นเพื่อนน้องชายสมัยนั้น ) เริ่มสนใจมาก(แต่เสียดายมากผมไปฮอแลนด์ก่อนหน้านี้ ทั้งเมืองมีแต่จักรยาน เลยซื้อคันแรกที่ ยี่ห้อ เปอโยร์ แต่ก็กลับมา แต่ก็ขนมาหลายอย่าง เอามาแจกแถวบ้านราชบุรีและขายบ้างเช่นเบาะ BROOK แต่กลับมาบ้านเรากำลังเล่นกันแรงมากยังเห็น บ้านจักรยานออกรายการบ่อยมาก ผมก็เลยไปเที่ยวมัคขะวาน ตลาดขายของเขา แ่ไม่สามารถซื้อไดเพราะราคาแรง แต่ก็ได้รถที่ราชบุรี(แถวบ้านผมเอง) (บ้านเสี่ยตง หน้าวัดประดู่ไดแบ่ง ยี่ห้อ THE mitter สีเดิมในราคา 2000 บาท แต่ก็เอาไปทำสีแดงสดใส ก็เริ่มชักชวนเพื่อนแถวบ้าน ประมาณ20 คันทั้งซ่อมให้หาอะไหล่ แค่ปีเดียวก็เลิกเล่นกันหมด แต่ผมยังเล่นต่อ พอเริ่มรู้ คันใหนรถรถอังกฤษเราก็ขอซื้อ เอาเสื้อ ฮาเล่ 3 D แลกบ้าง กางเกงรีวายแลกบ้าง (สมัยก่อน ผมใส่กางเกง LEVI BIG E เสื้อ ฮาเล่ 3 d สมัยนั้นเป็นที่นิยมกันมาก แต่ผมกลับชอบจักรยานเสื้อผ้าไม่สนใจแล้ว) ก็เลยได้ดีๆๆมาหลายคัน แล้ววันหนึ่ง่เขาย้ายตลาดมา ที่รัชดา ก็ได้เจอ คุณพัด ลำพูน(คนนี้มีนำ้ใจมาก ซื้อรถเขาไม่เคยจ่ายเงินแล้วผ่อนอีก คันละประมาณ 2000 แต่ตามสภาพ บ้างทีซื้อ10 คันเอาไปร่วมได้3 คันบ้าง ก็เริ่มสนิทกันจนผมไปหาเขาทุกเสาร์ หลังจากนั้นก็เจอเฮี่ยตี๋ บางกะปิ ผู้นำเข้าจักรยานจากลาว มาหลายคันบางคนอาจจะลืมเขาไปแล้วแต่ผมไม่ลืมยังคุยกั นอยู่ ก็ได้รถคันหนึ่ง ยี่ห้อ(DUNEIT) จากแก่ ในราคา15000 บาทรถทั้งคันรื้อรถเหลือแต่ตะเกียบกับโคลง จ่ายเงินสด 5000 บาทและเสียฮอนด้า ลิสเติล ไปอีกคัน เพราะความแปลก(คันนี้ทำให้คนรู้จัก และเอาออกงานแรก ที่อยุธยา) ตอนนี้ไปไปแล้ว และคันอื่นมาเรื่อยย แต่จะเน้นยี่ห้อ ฟิลลิบ เก็บทุกอย่างของฟิลลิบ สุดท้ายขายเกือบหมด ให้เขาบาง บริจาคบ้าง
แตผมไปงานเห็นรถแต่ละคันเทพๆๆทั้งนั้น แต่ยังไม่ค่อยรู้ใครเท่าไร(6ปีประมาณนั้น) แต่ครั้งหนึ่งไปรถคันหนึ่งกับเพื่อน เพื่อนผมไปจับรถเขาสีเดิม เจ้าของรถเขาพูดไม่ดี(จำได้...เดียวรถเขาเป็นลอย คุณไม่ปัญญาซื้อหลอก...ผมงงกับเพื่อน ก็เลยเดินหนี(ตอนนั้นเราไม่มีพักพวก รู้จักแต่ พัด ลำพูน คนเดียว)
แต่ก็จำได้ทุกวันนี้ แตไม่เคยโกรจ แต่ก็เป็นข้อคิดที่ดี ทำให้เรามีวันนี้ และแล้วก็มีวันนั้นรถดีหรือลึกขนาดใหน เอาไปขี่ตามสบาย จะถูกจะแพงเชิญขี่ตามสบาย ท่านจะมีหน้าการดีขนาดใหน มีเงินมีทองขนาดใหน ผมถือทุกคนเท่าเทียมกัน เพราะการเล่น จักรยานโบราณเป็นงานอดิเรก
เอาเขียนต่อครับอีกยาว
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nong&saab : 30-01-2013 เมื่อ 21:35
0837773139 นง
สมัยก่อนตอนบ้าจักรยานโบรารแรกๆๆ ขับมอไชค์ไปไหน ตาจะกวาดอยุ่รอบๆๆข้างทางเสมอ รถจะคว่ำก็หลายที 555+ จนมาเจออยุ่คันคือยี่ห้อ rammber ที่สมัยก่อนเคยเขียนกระทู้ตั้งขึ้น เจอเข้าก็นั่งเฝ้ารอเช้า สาย บ่าย เย๊น กลางคืน เที่ยงคืนจนถึงตี3กว่า ไปนั่งรอเจ้าของเกือบเดือน เพราะไม่เคยกลับมาถูกเวลาชะวัน มารุ้ที่หลัง แกเก๊บของเก่าพวกขวดน้ำ และอื่นๆๆขาย ไปจนเด๊กวัยรุ่นแถวนั้นนึกว่าผมเป็นสายจับยาบ้า นั่งตอนตี1ตี2ก็กลัวโดนตีหัว ขี่มอไชค์ไปจนโดนตำรวจจับ5555+ พวกผ่านไปผ่านมามองตาเป็นเกลียว จนได้เจอเจ้าของ ก็เจรจากันชะพัก ตอนได้ความรุ้สึกแรกยังจำได้จนถึงตอนนี้ ดีใจเหมื่อนถูกหวยจริงๆๆ นึกที่ไรยังยิ้มหัวเราะตลอดเลยครับ 5555+ไม่รุ้ตอนนั้นทำได้ยังไง ปล.พักหลังๆๆที่ไปเฝ้า กลัววัยรุ่นแถวนั้นตีหัว เพราะแถวนั้นเป็นดงที่น่ากลัวที่เด๊๋ยว เลยชวนเพื่อนไปนั่งเฝ้าด้วยกัน หลอกมันไปว่า ไปดูหญิงน่ารักกัน 55555+แมร่งก็เชื่อ ตลกมากมายครับๆๆๆๆๆ
ถ้าไม่ใช่ของเรามันก็ไม่ใช่.....จักรยานบางคันมันไม่ใช่คู่ของเราพยายามอย่างไงม ันก็ไม่ใช่...คานไขว้มันไม่ใช่ของผม..ผมมีโอกาสผ่านต าและผ่านมือถึงสองคัน....คันแรกมันอยู่ห่างบ้านผมแค่ กิโลกว่า ๆ ตอนเล่นใหม่ ๆ เจอมันจอดอยู่ข้างถนนทุกวันแล้วก็แวะดูทุกครั้งตอนนั ้นรู้จักแต่ราเลย์ฮัมเบอร์...หนังสือก็ไม่มียิ่งเน็ต ไม่ต้องนึกถึงในใจก็นึกว่ารถอะไรวะมันแปลก ๆ สงสัยทำขึ้นมาใหม่เชื่อมั๊ยเคยถามซื้อเจ้าของบอกสี่พ ันเอาไปเลย..แต่ไม่เอาจนหลัง ๆ รถยางแบนเจ้าของไม่ค่อยได้ใช้เอาไปจอดไว้บนบ้านมีเพื ่อน ๆ เข้าไปขอซื้อราคาขยับมาที่หกพันก็ยังไม่เอากัน...นึก กันว่ามันแพงไปรถอะไรไม่รู้...หลังจากนั้นก็เฉย ๆ มาเจอคันนี้อีกทีที่มัฆวาฬ...พี่วสันต์ไปซื้อมาแล้ว( ราคาต้องสอบถามกันเอาเองครับแต่ไม่ใช่หกพันแน่นอน)หน ึ่งคันผ่านไปเป็นประสบการณ์เริ่มรู้แล้วว่าคานไขว้เป ็นรถที่หายากมาก...หลังจากนั้นก็ซื้อโน่นซื้อนี่หลาย คันหลายแบบไปเรื่อย ๆ ตามเรื่องตามราว....แต่เชื่อมั๊ยครับคานไขว้คันที่สอ งมันเข้ามาหาผมให้ผมได้มีโอกาสครอบครองและเชยชมอยู่พ ักนึง....เรื่องมีอยู่ว่าช่วงปี42ผมได้ไปทำงานที่อ.เ สนาและก็ได้ขอยืมหนังสือจักรยานฯของอ.ทวีเล่มสองที่ม ีเรื่องคานไขว้อยู่ไปถ่ายเอกสารที่ร้านในตลาดเสนาตอน ไปถ่ายเอกสารก็ได้เจอน้องที่รู้จักกันพอดีพอมันเห็นร ูปคานไขว้มันบอกว่าพี่ีที่บ้านผมมีแบบนี้อยู่ีคันนึง พี่เอาหรือเปล่าเดี่ยวผมเอามาให้...น้องคนนั้นเล่นบอ ลอยู่(ปัจจุบันเล่นอยู่สโมสรการไฟฟ้าในพรีเมียร์)ผมก ็ถามกลับไปว่าน้องเอาเท่าไหร่น้องมันบอกว่าพี่ซื้อสต ั๊ดให้ผมคู่นึงก็พอ(ผมพาน้องไปซื้อสตั๊ดยี้ห้อแพนราค าพันแปดร้อยบาทให้น้องไปหนึ่งคู่..น้องเขาเลือกเองบอ กว่าอยากได้มานานแล้ว)หลังจากได้มาก็ประกอบเป็นคันอะ ไหล่มั่ว ๆ ไปปั่นโชว์ไปทั่วยุดยา...แต่เชื่อมั๊ยครับมันไม่ใช่ข องผม...ผมครอบครองเจ้าคานไขว้อยู่สักพักพ่อของน้องเข าก็มาขอซื้อคืนครับบอกว่าเป็นรถของบรรพบุรุษได้มาจาก ผู้มีบุญคุญอีกทีนึงอยากเก็บไว้...รถคันนี้เจ้าของเด ิมนำเข้ามาจากประเทศจีนเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว...เ อามาใช้หากินอยู่ในจังหวัดนครปฐมบ้านของเจ้าของเดิมอ ยู่ติดกับบ้านของบรรพบุรุษของน้องเขาตอนหลังบรรพบุรุ ษของน้องได้ย้ายบ้านมาอยู่สุพรรณเจ้าของรถเลยให้มาใช ้พร้อมกับเวสป้าอีกหนึ่งคัน...สำหรับเวสป้าโดนขโมยไป ที่ตลาดสุพรรณหลายสิบปีแล้ว...จักรยานคันนี้พ่อของน้ องอยากจะเอากลับไปให้ลูกหลานของเจ้าของเดิมซึ่งเสียช ีวิตแล้วเพราะจักรยานคันนี้ทำให้ครอบครัวของน้องเขาล ืมตาอ้าปากได้(หรือรวยขึ้นนั่นเอง)....ผมไม่รู้จะทำไ งคิดว่าเขาโกหกจะเอาไปขายเพราะว่าตอนที่เขามาขอคืนเป ็นช่วงที่จักรยานกำลังบูมสุดขีด(โทรปรึกษาพี่วสันต์ห ลายครั้ง)...แต่ไม่ใช่ครับพ่อน้องเขาพาผมไปเที่ยวบ้า นที่สุพรรณ...บ้านน้องเขามีฐานะมากเป็นบ้านทรงไทยหลั งใหญ่เคยเป็นโลเกชั่นถ่ายหนังถ่ายละครมาหลายสิบเรื่อ งแล้ว....ปัจจุบันนี้คานไขว้คันนี้ก็ยังอยู่ที่สุพรร ณเพราะลูกหลานเจ้าของเดิมให้พ่อของน้องเขาเก็บไว้... ...สรุปว่าอะไรที่มันไม่ใช่ของเราให้ทำอย่างไงมันก็ไ ม่ใช่.....
ู
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BOYYUDYA : 30-01-2013 เมื่อ 10:45
กระทู้นี้ดีมากๆครับเป็นการระบายความในใจที่น่าลุ้นอ ย่างสนุก
ผมได้มาคันแลกเป็นคานคู่ คานเดี่ยวไม่เท่เลยไม่ตั้งใจตามหา โลโก้มีตัวสิงห์โตยืนผงาดอย่างสง่างาม ตัวรถดูยาว ตระแกรงหลังใหญ่ ขี่ไปไหนใครๆก็ทักว่าผมไปเอามาจากไหน แถวบ้านผมถูกรถเร่รับซื้อของเก่าล่าไปจนหมดเมื่อหลาย สิบปีก่อน จึงทำให้ขี่แล้วมีความทรงจำหลายๆเรื่องเข้ามาให้ผมฟั งทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ เป็นคำตอบจากผู้มีประสบการณ์จากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เห็น ผมขี่ ด้วบความไม่พอจึงศึกษาตราต่างๆจากผู้เฒ่าผู้แก่และหน ังสือต่างๆที่เกี่ยวกับจักรยาน แหล่งที่ผมค้นพบมากที่สุดก็คือวงค์พานิช เลิกงาน4โมงครึ่งต้องแวะทุกวันจนเจ้าของร้านกับลูกน้ องจำผมได้ ลูกน้องเขายังเก็บรถ26หญิงเอาไว้ให้ผม เขาบอกว่าตะเกียบกับโลโก้มันแปลกดี ถ้าเย็นวันนั้นผมไม่ไปเขาจะเอาแก๊สชำแหละ ผมได้โครง ตะเกียบ แฮนด์ เพรท ขาปั่น1ข้าง อีกข้างอยู่ใต้กองเหล็กมหึมามันเป็นจานปั่นมีตัวหนัง สือภาษาอังกฤษว่า bsa เย็นวันนั้นผมใช้เวลาลื้อกองเหล็กเอาจานปั่นสองชั่งโ มงกว่า มืดพอดี พอขึ้นกิโล ผมจ่ายตังค์ให้เจ้าของร้าน84บาท ดีใจสุดๆเหมือนถูกหวย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เต้...วัดโบสถ์ : 31-01-2013 เมื่อ 10:13
กู้ชีพรถถีบนายกิจติ ม่วงเฟื่อง089-1909612259หมู่4 ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก65160ธ.กรุงไทย767-0-06159-6 สาขาย่อยท๊อปแลนด์ พิษณุโลก
Bookmarks