ตำนานรองเท้า vintage ( VANS & CONVERSE )
by
, 14-05-2010 at 21:21 (8123 เปิดอ่าน)
ของฝากจาก...คนบ้ารองเท้า
ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวมากมายนะครับเพราะสมาชิกส่วนใหญ่
ใน thaiscooterในส่วนของ"บอร์ดของสะสมอื่นๆ"...................
รู้จักผมเป็นอย่างดีในฐานะ"พ่อค้า...ค้าของแพง"วันนี้ผมไม่ได้มาในแบบที่ใครหลายๆคนรู้จัก...
แต่วันนี้ผมมาในฐานะคนเล่าเรื่อง เป็นเพียงผู้ถ่ายทอดเรื่องเล่าที่เราอยากรู้กัน
ในเรื่องของ "รองเท้า vintage"แต่ก่อนที่เราจะได้รับรู้ถึงเรื่องราวอันน่าทึ่งของ"ตำนาน"
ผมขอกล่าวถึงเรื่องราวที่ค่อนข้างจะส่วนตัวแต่เกี่ยว ข้องกับส่วนรวมซะหน่อย...
ฟังดูแล้วอาจจะงงๆแต่พออ่านจบคงจะไม่งง
แต่อาจมีผลข้างเคียงอย่างใดอย่างหนึ่งกับทุกผู้ทุกคน ที่เล่นของ"vintage"ทุกแนว ผลข้างเคียงก็คือ
"อาจเกิดการต่อต้านในทางความคิด"
"อาจมีความเห็นตรงกันกับผู้เล่าเรื่อง"หรือ"อาจตายด้านทางความรู้สึกนึกคิดไปเลยคือรู้สึกเฉ ยๆ"
ในเรื่องที่จะได้กล่าวต่อไปก็ได้...ไม่ว่ากัน...ใครจ ะรู้สึกยังไงก็แล้วแต่...
ผมจะต้องทำหน้าที่"ผู้ถ่ายทอดเรื่องราว"ต่อไปอยู่ดีและจะนำสิ่งที่หลายๆคน"ฝากมาบอก"ให้เราทุกคนรู้กัน
มีพี่ๆหลายคนสงสัยและรู้สึกแปลกใจไม่ต่างอะไรกับตัวผ มเองที่รู้สึกเหมือนกันเป๊ะๆเด๊ะๆเลยว่า
"ทำไมเดี๋ยวนี้มันเล่นของ vintageกันแปลกๆวะ" "มันไปเอาแนวคิดประหลาดๆนี้มาจากไหนวะ"
และคำถามอย่างอื่นอีกเป็นกระบุงที่ได้ยินมา อะไรที่ทำให้คำถามพวกนี้ลอยเข้าหูแล้วไปอยู่ในหัวผมไ ด้?
คำตอบก็คือ"แนวการเล่นของ vintageเปลี่ยนไป"จากแต่ก่อนกันอย่างลิบลับ การใส่ของอวดกันมีให้เห็นอยู่ทุกยุคทุกสมัย
ตั้งแต่ผมเด็กๆเห็นมาพอสมควร "การใส่อวด"เมื่อก่อนเป็นเพียงแค่การกระตุ้นต่อมให้เพื่อนในกลุ่ มไปหามาใส่อย่างเรามั่งก็แค่นั้น
ไม่ได้ใส่โอ้อวดถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย...
แต่เหมือนเป็นการแหย่กันหนุกๆขำๆก็แค่นั้น.......... .........
เดี๋ยวนี้การใสของอวดกันก็ยังคงมีอยู่และคงจะมีไปตลอ ดกาล...
แต่มันต่างกันในเรื่องของวัตถุประสงค์ของการอวด..... .
จากเมื่อก่อน"อวดเอามันส์"แต่วันนี้"ใส่อวดกันแล้วเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลน คนที่มีของไม่ถึง"...มันคือเรื่องจริงที่ได้รู้ได้เห็น
และเจอกับตัวเอง...ความรู้สึกผิดหวังเลยเกิดขึ้น แต่ก็พยายามคิดว่าเค้าไม่ได้โตมาในยุคเรา...
ยุคต่างแต่แนวทางในการเล่นคงไว้อย่างเก่าไม่ได้เหรอ. ..ทำไมต้องเอาแนวคิดวิตถารนี้มารวมอยู่กับของที่มีคุ ณค่าทางจิตใจด้วยวะ...
จากความผิดหวัง...กลายเป็นความเซ็งและเบื่อหน่ายไปใน ที่สุด...บทนำเรื่องนี้เลยเกิดขึ้นมาด้วยความหวังเล็ กๆว่าใครหลายๆคนที่มีความคิด
นอกตะเข็บจะกลับมาเดินอยู่บนทางสายเดียวกันในเรื่องข องแนวคิดในการเล่นของเก่า...อย่างการเล่นของคนเดียวเหมือนกันตัวผมเองก็เคยเป็นเก ็บไว้ดูคนเดียว...ไม่แบ่งใครจนวันนึงรู้สึกว่ามันเหงา ความรู้สึกเหมือนกับเราไปนั่งกินสุกี้ MKคนเดียว(เคยทำไงเลยเล่าได้)โดดเดี่ยวอย่างหาที่สุด มิได้
แต่พอได้ไปสวาปามกับเหล่าอภิชาตfriend(เพื่อนผู้แสนป ระเสริฐ)
เอร็ดอร่อยอย่างเห็นได้ชัด...........
...มันเหงาจริงๆกับการเล่นของvintageคนเดียวไม่รู้จะ ไปคุยกะใครแล้วก็ตันๆๆๆ...
ตันในเรื่องแหล่งที่ซื้อ,ตันในเรื่องของแท้ของเทียม, ตันเพราะของบางอย่างมีซ้ำไม่รู้จะเอาไปขายหรือแลกกับ ใครและตันในเรื่องข้อมูลดีๆที่ควรรู้...
พอไปคุยกับคนที่ไม่รู้เรื่องเค้าก็หาว่าบ้า...
แต่ถ้าใครคิดว่าชอบหรือไม่อยากวุ่นวายและมีความสุขอย ู่แล้วกับการเล่นคนเดียวก็แล้วแต่นะครับ ผมแค่อยากบอกว่าผมก็เคยแต่มันไม่สนุก
เลยแนะนำให้เล่นกันหลายๆคน เพราะว่าโลกของเราจะกว้างขึ้น
ได้ของใหม่ๆมาดู ได้ของถูก ของแลกของ...มันส์ดี...
ความเชี่ยวในของแบบนั้นๆจะมีเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หวังว่าจะให้ไปเป็น"เทพหรือเซียน"กันนะครับ...เพราะสำหรับผมในเรื่องอะไรเหอะ
ไม่เคยมีเทพหรือเซียนองค์ใดปรากฎขึ้นเลยในหัวกบาลนอก จากเป็นการพูดกันขำๆเท่านั้น.........
......อย่างเรื่องรองเท้ามีคนเคยถามผมว่าใครเป็นเซีย นรองเท้าวะ......
ผมตอบเลยว่า"ไม่มี"แม้กระทั่ง
Joshua Mueller(โจชัวร์ มัวเลอร์ ชาวอเมริกันผู้เก็บ chuck taylor มากที่สุดในโลก)
หรือแม้แต่ DIMITRI COSTE(ดิมิตี้ โคสต์ ชาวฝรั่งเศษผู้มี VANSครอบครองมากที่สุดในโลก)ก็ไม่ได้เป็น"เทพหรือเซียน"สำหรับผม...
ผมอาจจะเป็นคนที่มาตรฐานสูงไปหน่อย"เทพหรือเซียน"รองเท้าของผมนั้นคือ......
"คนที่เก็บรองเท้ายี่ห้อนั้นๆ ทุกสี ทุกรุ่น ทุกเบอร์ สภาพไม่เคยใช้งานและพร้อมกล่องเดิมๆเท่านั้น"...ซึ่งไม่มีในโลก
แม้แต่โรงงานผู้ผลิตเองยังไม่สามารถเก็บอย่างที่ผมบอ กได้...แต่ถ้าถามว่าแล้วสองคนข้างบนคืออะไร?
คำตอบคือเค้าคือคนที่มีรองเท้าดีๆมากที่สุดในโลกที่ผ มให้การยอมรับแล้วพูดกับตัวเองบ่อยๆทุกครั้งที่ดูรูป เค้าว่า"เอ็งเจ๋งว่ะ"
.....คนที่เราเรียกว่าเซียนเค้าอาจไม่มีรองเท้าซึ่งค นธรรมดาอย่างเรามีก็ได้ในบางรุ่น...จริงม๊ะ
แล้วการปีนขึ้นไปสูงๆเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อขึ้นไปให้ถ ึงคำว่า"เซียน"ย่อมไม่ใช่แนวทางของคนเล่นของvintageตัวจริง....
มีพี่คนนึงบอกผมว่า"เซียนไม่เคยสวด...คนชอบสวดไม่ใช่เซียน"มันคือเรื่องจริงที่เราเคยเห็นกันจนเอียน
เราควรเล่นกันแบบพี่ๆน้องๆดีกว่า คบกันง่ายกว่า และนานกว่า ไม่เหนื่อย ไม่ต้องมานั่งปั้นหน้า ทำท่าทำทาง วางตัวเหนือคนอื่น...
ซึ่งผมเห็นมาพอสมควร ทุกวันนี้เป็นฝุ่นบ้างลอยไปลอยมา เป็นปุ๋ยมะม่วงบ้าง...แล้วแต่ความหนักหน่วงแห่งการกร ะทำ
อีกอย่างนึงที่ผมจะคอยบอกแทบจะทุกคนเลยว่า"ลองดูยี่ห้อนี้มั่งดิ่เจ๋งนะ,ลองดูรุ่นนี้ดิ่แนวมาก ".........
และอีกหลายๆคำแนะนำที่พูดจนปากจะฉีกถึงใบหู แต่ก็มีเพียงส่วนหนึ่งในส่วนน้อย(คิดดูดิน้อยขนาดไหน)ที่ฟังและลองเล่นยี่ห้ออื่น ,รุ่นอื่นดู
จนตอนนี้บ้ารองเท้า vintage no name ไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนอเมริกาแล้ว ที่ย้ำนักย้ำหนาว่าให้ลองไปเล่นอย่างอื่นดูบ้าง
สิ่งสำคัญเลยคือ"อยากให้รู้จักรองเท้า vintageอย่างอื่นเยอะๆ"เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้จั กมันเยอะๆแล้ว"โอกาส"จะเป็นของเรา
"โอกาส"ที่ว่านี้คือเราสามารถทำมันเป็นรายได้เสริมมาเป็นค่า สุรา เลี้ยงนารี หรือ อาจเป็นรายได้หลักเลยก็ได้
เมื่อเรารู้จักรองเท้าเยอะขึ้นดูเป็น เราอาจซื้อมาขายไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ บางคนหามาขายเพื่อเอากำไรไปเล่นรุ่นอื่น....
หรือ"จับ"มา"ปล่อย"(เหมือนทำบุญเลยเนอะ)เพื่อที่จะไปเล่นอย่างอื่น "ความสนุกมันอยู่ตรงนี้"
พี่บางคนที่ผมรู้จักจับเสื้อฮาวายมาตัวละ 50บาท(ห้าสิบบาทถ้วน)แต่ขายไป 7,000บาท(ไม่ผิดหรอกเจ็ดพันบาทถ้วน)นี่คือ"โอกาส"
.....บางคนคิดว่าเราบอกเพราะจะได้มาซื้อของเราหรือเพ ื่อของเราได้ขายดีขึ้น...
.....แต่เปล่าเลยผมหาซื้อของมาขายเท่าที่ผมหาได้ เท่าที่เงินทุนผมมี........
ผมไม่มีทางที่จะหามาประเคนตามความประสงค์ของใครได้ทุ กคน จงทำความเข้าใจซะใหม่...เพราะความต้องการมากเหลือคณา นับ
บางคนอยาากได้"ของอเมริการาคาของจีน" , สวย ดี ถูก แท้ เทพ เท่ห์ ทน มีม๊ะ...รายได้ต่ำแต่ความทะเยอทะยานสูง
มีให้เห็นเพียบ...แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐา นที่ทุกคนอยากให้เป็นอย่างงั้น...ผมยังอยากเลย...
แต่ในโลกแห่งความจริงมันเป็นการยากที่จะหาได้อยางงั้ นนอกจากฟลุ๊คถึงโคตรฟลุ๊ค......
เราเลยได้ยินจากพี่ๆพ่อค้าแม่ขายหลายๆคนพูดว่า"ไอ้ที่บอกมาน่ะไปหามาขายดิ่...รับซื้อหมด"...แล้วก็เคืองเค้า โกรธเค้าอีก...
...........เถียงดิ่ว่าที่พูดมาเนี่ยไม่จริง...........ไม่ได้พูดเอาใจใครแต่พูดตามเรื่องจริงที่ เจอมา...จริงๆ
.....พี่ตูน(บอดี้สแลม)เคยพูดบนคอนเสิร์ตว่า"อยากเห็นคนไทยบินได้"(เอาน่า...แกเพ้อเพื่อเข้าเพลงแก).....
.....แต่สำหรับผมอยากเห็น ความเป็น International Vintage เอาแค่ในเรื่องรองเท้าที่ผมถนัดก็พอ....
อยากให้เข้าใจว่าทำไมของ original vintage ถึงได้แพงระยับหูดับตับไหม้...(สำหรับคนที่มองว่าเป็นของสกปรก)
สำหรับคนรุ่นใหม่ๆไม่ซื้อไม่เป็นไรแต่ช่วยทำความเข้า ใจกันหน่อยได้ป่ะล่ะ......
ว่ามันเป็นของมีเหตุที่ต้องผลิต,ผลิตมาเพื่อบางวัตถุ ประสงค์ก่อนที่มันจะมาเป็นเหตุผลทางการค้า ฯลฯ
เคยแอบได้ยินอยู่บ่อยๆว่า"ญี่ปุ่นกว้านซื้อไปหมดแล้ว...ไม่ค่อยเหลือแล้วจะเหล ือก็แต่หางๆ...หัวๆมันเด็ดไปหมดแล้ว"....
นั่นเป็นเพราะเค้าเป็นผู้นำแฟชั่น...เค้ารู้ว่า"การตามแฟชั่นน่ะมันเหนื่อย"ญี่ปุ่นเลยเริ่มอะไรๆก่อนใครในซีกโลกตะวันออก
ในเรื่องของแฟชั่น บางครั้งนำหน้าชาติตะวันตกซะด้วยซ้ำ...และก็ญี่ปุ่นอ ีกนั่นแหละที่ทำให้กลุ่ม "vintage clothing"
มีราคาแพงและดังกระฉ่อนโลก เสื้อช่างบางตัวราคาเป็นแสน? กางเกงช่างบางตัวราคาหลายแสน? เสื้อฮาวายหลายๆรุ่นก็ราคาเป็นแสน?
รองเท้า vintage เช่นกันบางคู่ราคาหลายหมื่นบาท? กางเกงยีนส์มูลค่านับล้านบาทก็ยังมี?
เสื้อยืดบางตัว บางรุ่นราคาเป็นหมื่น?...แม่เจ้า...และของ vintage อีกหลายอย่างที่เราไม่รู้
.........ขอบคุณนะครับที่ทำให้มันแพงได้อย่างไม่น่าเ ชื่อ.........
นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์...สำหรับผมเรียนไว้ รู้ไว้ แต่ไม่เก่งกล้าสามารถถึงขั้นสอนใครดูได้และไม่คิดซื้ อใส่
เพราะไม่มีกำลังทรัพย์มากขนาดนั้น แต่ถ้าหลงฟลุ๊คไปเจอเราก็โชคดีไป...
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเป็นบางส่วนบางเสี้ยวของ"ของฝาก"จากใครหลายๆคน...(แค่นี้คนเกลียดผมเพิ่มอีกทวีคูณรู้กันมั่งมั๊ยเนี่ย พี่)
ทั้งหมดคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับสังคมเล็กๆที่ลุ่ มหลง"ของvintage"...ที่เราคุ้นเคยในวันนี้ท้ายนี้ขอให้การอ่านเรื่อง"ตำนานรองเท้า vintage"เป็นตัวจุดประกายความเข้าใจใหม่ๆ
...สำหรับผู้ที่รักใคร่ชอบพอกับของสิ่งนี้...
ซึ่งสำหรับคนทั่วไปมันเป็นแค่ของใช้ใส่กันเปรอะกันเป ื้อน แต่สำหรับผมมันคือสิ่งประดิษฐ์ที่เจ๋งที่สุด ไม่น้อยหน้าไปกว่าคอมพิวเตอร์ หรือยานอวกาศ
และขอบคุณมากๆเลยที่ทนอ่านจนจบ ในขณะที่บางเนื้อความอาจทำให้บางคน"เคือง"หรือ"รับไม่ได้"...ขอโทษนะๆ
ลองให้ผู้สันทัดกรณีด้านภาษาตรวจทานถึงการใช้ถ้อยคำเ รื่องที่ได้กล่าวมาทั้งหมด
เค้าบอกว่า"ดีนะ...เหน็บแนมได้แนบเนียน"ตกลงมันดีมั๊ยเนี่ย
สำหรับตัวผมเองคิดว่าการเผาหัวได้ดุเด็ดเผ็ดมันส์ตาม สันดานของตัวเอง อาจเป็นที่ถูกอกถูกใจของเด็กแนวรุ่นใหม่อยู่ไม่น้อย. ..
แต่ก็อีกเช่นกันอาจมีพี่ๆบางท่านอาจเคืองๆบ้างก็ไม่เ ป็นไร...นั่นเป็นเพราะข้าพเจ้าเพิ่งหัดเล่นรองเท้าเม ื่อหน้าทุเรียนนี่เอง...
แต่ริอาจอหังกามาเล่าเรื่องระดับ"ตำนาน"ให้เราได้ฟังกัน...ผมเลยอดคิดแบบขำๆไม่ได้ว่า...
ถ้าผมจัดงานบุญงานมงคลแล้วจัดแบบ"10โต๊ะคนรัก100โต๊ะ คนเกลียด"
10โต๊ะคนรักคงไม่เต็ม...แต่100โต๊ะคนเกลียดคงต้องจัด โต๊ะเสริมอีกเพียบแน่นอน...เหตุเพราะบทความนี้ก็เป็นได้...
ความไม่พอใจอันใดข้าพเจ้าขอมอบให้ "รองเท้า vintage"รับเคราะห์แทนเพราะมันทำให้ข้าพเจ้าเป็นเยี่ยงนี้และที่สำคัญมันโกรธใครไม่ เป็น
............................FORZA AZZURI........................
ขอความร่วมมือห้ามโพสข้อความใดๆลงในกระทู้นี้
เพราะมันอาจเกิดความมั่วซั่วตั้วเหลียงระหว่างคำชมที ่จริงใจกับเนื้อหาของบทความนะจ๊ะ
Joshua Mueller(โจชัวร์ มัวเลอร์ ชาวอเมริกันผู้เก็บ chuck taylor มากที่สุดในโลก)
DIMITRI COSTE(ดิมิตี้ โคสต์ ชาวฝรั่งเศษผู้มี VANSครอบครองมากที่สุดในโลก)
ขอความร่วมมือห้ามโพสข้อความใดๆลงในกระทู้นี้
เพราะมันอาจเกิดความมั่วซั่วตั้วเหลียงระหว่างคำชมที ่จริงใจกับเนื้อหาของบทความนะจ๊ะ