ฮอนด้า "ก้านกระทุ้ง" มาจากไหน
                                

ดูผลการโหวต: ช่วยตอบคำถามว่า

ผู้โหวต
10. ไม่อนุญาติให้โหวตกระทู้นี้
  • อยากอ่านต่อจนจบ

    9 90.00%
  • แค่นี้พอเดี๋ยวจะยาวเกินไป

    1 10.00%
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 1 2 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 15 จากทั้งหมด 25

ชื่อกระทู้: ฮอนด้า "ก้านกระทุ้ง" มาจากไหน

  1. #1
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน ฮอนด้า "ก้านกระทุ้ง" มาจากไหน



    หาข้อมูล HONDA CG110 อ่านเล่นๆ ยากเต็มที่ อยู่ว่างๆ รอเครื่องคอมทำงาน ก็ลองหาดูตาม www พอกล้อมแกล้มอ่านภาษาอังกฤษแก้ขัดไปก่อนได้บ้าง แปลไม่ชัดอย่าว่ากันนะ อันไหนเดาไม่ออกก็ข้ามๆ ไป ใครที่ภาษาแข็งแรงก็ขัดเกลาให้ได้ไม่ว่ากัน
    Exports of motorcycles to developing countries increased dramatically during the 1970s, consistent with the growth of Southeast Asia's economies. Consumers in that region wanted practical motorcycles that could handle multiple passengers and overloading.
    โปรย...
    ในระหว่างทศวรรษ 1970 หรือประมาณว่าปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา จำนวนการส่งออกมอเตอร์ไซค์จากญี่ปุ่นไปวางจำหน่ายในป ระเทศที่กำลังพัฒนา มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างกะนิยาย ก็เพราะว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในแถว ๆ บ้านเรานี่เอง รวมพวกประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยนะ เดี๋ยวจะมีรายหยาบรายละเอียดในย่อหน้าล่างๆ ว่ามีประเทศไหนบ้างที่มีเอี่ยวในการเป็นพื้นที่เก็บข ้อมูลเพื่อการค้าอันยิ่งใหญ่ของนักลงทุนผู้ชาญฉลาด ที่เป็นตำนานระดับโลกในครั้งนี้ เป็นที่รู้กันว่าลูกค้าที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์ไปใช้งาน ในประเทศแถบนี้ อยากได้รถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่คร่อมกันได้ทีละหลาย ๆ คน แล้วก็บรรทุกของได้เยอะ ๆ รับน้ำหนักได้มาก ๆ ตอนแรกเค้ารู้กันแค่นี้ก็ขายได้แล้ว แต่ว่าฮอนด้าขายไม่ดีเท่ายี่ห้ออื่น เดี๋ยวมาดูกันว่าฮอนด้าบุกตลาดอย่างไร แล้วใครเป็นคนออกแบบ “พุชรอด” หรือ “ก้านกระทุ้ง” ท้ายเรื่องมีข้อสอบด้วยนะ













    รูป รูป  

  2. #2
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Cool

    In order to meet the growing needs of this region, Honda exported the CS90 model with four-cycle OHC in January 1968, and then the CB100 in September 1969. In contrast, the company's competitors were exporting two-stroke, 100-cc models. Due to a lack of proper maintenance-a condition unique to that part of the world-Honda was losing ground to other manufacturers. In response, Honda developed a model featuring its new OHV engine, exporting it as the S110 in March 1973. The real problem, however, was not so easily solved.
    พอเห็นตลาดในหลาย ๆ ประเทศแถวบ้านเราพอจะมีคนซื้อไปใช้บ้าง เพราะว่าเป็นของใหม่ เป็นของจำเป็น ฮอนด้าก็จัดการวางตลาดประเดิมด้วยรุ่น CS90 ใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ โอเวอร์เฮดแคม ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2511 ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2512 (เกิดกันยังเนี่ย) ก็วางตลาดอีกรุ่นด้วย CB100 สังเกตมั้ยว่าสินค้าของฮอนด้านั้นแตกต่างจากคู่แข่งย ี่ห้ออื่น ๆ ในตลาดเดียวกันที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ 100 ซีซี จากสินค้าหลุดโลกของฮอนด้าที่หาคนซ่อมได้ดียาก อีกอย่างก็ไม่ค่อยดูแลหลังการขาย เข้าทำนองตีหัวเข้าบ้าน จึงทำให้ฮอนด้าไม่สามารถครองความเป็นเจ้าตลาดได้ วิธีเดียวที่นึกออกตอนนั้นก็คือ ซ้ำเติมลูกค้าด้วยมอเตอร์ไซค์รุ่น S110 ใช้เครื่องยนต์แบบโอเวอร์เฮดวาวล์ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2516 ก็พอขายได้ แต่ว่าปัญหาที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะว่ามันไม่ได้แก้ง่าย ๆ นะ


  3. #3
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Cool

    In May 1974, in order to conduct thorough research in actual markets under real-world conditions, Takeshi Inagaki, who was in charge of creating motorcycles for developing countries, and Einosuke Miyachi, the man in charge of design, left Japan from Haneda International Airport. They spent a month watching motorcycle users in major cities throughout Thailand, Malaysia, Indonesia, the Philippines, Iran, and Pakistan. What they saw, though, was beyond anything they could have imagined.


    โพสท์ไปแล้วถึงรู้ว่าต้องอ่านถอยหลังจากกระทู้ล่างไป หาบน
    ไม่เป็นไร เขียนจบแล้วค่อยเอามารวมกันทีหลังก็ได้ ต่อครับ
    ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2517 ฮอนด้าได้ส่งบุคคลสำคัญ 2 คน คือ ทาเคชิ อินากากิ ครีเอทีฟ และ อิโนซูเกะ มิยาชิ ดีไซเนอร์ ให้มาเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ต่อ การพัฒนาตลาดแถบนี้เพื่อแปลงเป็นสินค้าและกำไร ทั้งสองบินมาจากสนามบินนานาชาติฮาเนดะ ดิ่งมาแลนดิ้งที่ประเทศไทยเลยทีเดียว ใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ตระเวนไปตามจังหวัดใหญ่ ๆ ไม่เฉพาะบ้านเรา ยังไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่มาเลเซีย อินโดเนเซีย ฟิลิปปินส์ อิหร่าน ปากีสถาน เก็บข้อมูลไว้ทุกอย่างเพื่อนำไปใช้ในวันหน้า...

  4. #4
    Senior Member ฮัมเบอร์'s Avatar
    วันที่สมัคร
    Nov 2006
    สถานที่
    ชมรม ก้านกระทุ้งคราสิค คลับ
    ข้อความ
    640
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    20

    มาตรฐาน

    ขอขอบพระคุณมาก ๆ ครับกับความรู้ดี ๆ ถ้าทางจะยังไม่จบใช่ไหมครับถ้ามีต่อ เอามาลงอีกเรื่อย ๆ นะครับหรือีความรู้อะไร ใหม่ ๆ ดี ๆ ก็เอามาลงได้เลยนะครับ เอาความรู้มาให้อย่างนี้ต้องเรียกว่า อาจาร์ย งั้นผมเรียกว่า อ.โคราช แล้วกันนะ

  5. #5
    ไบค์ หลายเด้อ arjit's Avatar
    วันที่สมัคร
    Apr 2007
    สถานที่
    KKTCC X Rude 'N Roll
    ข้อความ
    1,531
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 1 ครั้ง ใน 1 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    20

    มาตรฐาน ชอขครับ

    ชอบครับสนับสนุน

  6. #6
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Arrow

    วันนี้ 15 พ.ค. 51 โหย เลขดีเลยนี่นา ควบ CG110 สีแดงที่คุณ giant ส่งมาให้จากกำแพงเพชร(ผมดูแล้วน่าจะเป็นสีส้มนะ) ไปทำการถือกรรมสิทธิ์โดยชอบที่ขนส่ง ออกไปแต่เช้าเลย อ่อ ขอตั้งชื่อให้ใหม่ว่า นัง “แสนแพง” อ่ะ อะ เพราะมาจากกำแพงเพชร เดี๋ยวจะตัดสติกเกอร์ติดไว้ที่คาบิว ใช้เวลาแป๊บเดียว 2 จุด จุดละ 10 นาที เป็นคำรับรองของเจ้าหน้าที่ว่าต้องทำให้ได้ ถ้าจุดไหนเกิน 10 นาที อนุญาตให้ลูกค้าโวยวายได้ เวลาที่ใช้มากสุดเป็นการกรอกเอกสารเติมคำในช่องว่างใ ห้เต็ม ตรวจสภาพ ขูดเลขเครื่องเลขคอ เจ้าหน้าที่หนุ่มใหญ่ส่องไฟไปยิ้มไป แหมพี่สวยนะ เหมือนพวกทำรถพ่วงเลย สีแดงเหรอ เอ้าแดงก็แดง ผมนึกในใจตรูว่ามานสีส้มนะ

    เรียบร้อยแล้วนัดหมายอีก 7 วันไปรับป้ายใหม่ได้เลย แกะเฉพาะป้ายมานะ แลกป้ายใหม่ รถไม่ต้องเอามา เออหนอ หน่วยงานเดียวกันกับที่ผมไปทำขับขี่สมาร์ทการ์ดแหละ อันนั้นเริ่ม 9 โมง เสร็จบ่ายสาม

    นังแสนแพงคันนี้มาในสภาพเดิมๆ ระดับประกวดได้รางวัลชมเชย(ที่โหล่มั้ง อิ อิ) เสียงท่อดังกริ๊ง ๆ ตลอด สงสัยผุใน แต่ดูโดยทั่ว ๆ แล้วสวยงามสำหรับอายุยี่สิบกว่าปี ผมบิดไป 60-70 เกินนั้นหูดับ เสียงพอๆ กับท่อตรงใส่ปลายเอ็นดูร้านซ์แหละ แต่เสียงติดแหลมกว่านะ เครื่องแน่นมาก เวลาสตาร์ทต้องตั้งหลักยันให้ดี

    จัดการเรื่องเอกสารเสร็จควบไปทำงานต่อเลย เย็นเลิกงานมาแวะซื้อกับข้าวตลาดสามแยกเก่า ตรงนั้นมีเชียงกงมอไซค์ร้านใหญ่เลย พอผมเลี้ยวเข้าไป น้อง ๆ พนักงานขายอะไหล่มองตามแล้วยิ้ม ๆ คงชอบเสียงเพราะผมวิ่งรอบต่ำให้เสียงดังปุ ปุ ปุ แบบ HD ผมก็ขำตัวเองเหมือนกัน พอผมจอดน้องสองคนก็พากันวิ่งออกมาดู หยิบเก้าอี้มาด้วยคนละตัว มานั่งดูกันเลย ชี้โน่นชี้นี่ ชี้ให้เพื่อดูที่ล็อคหมวก ผมก็เลยโชว์การล็อคคอและล็อคหมวกด้วยกุญแจดอกเดียวกั น น้องเค้าแนะนำผมว่า เนี่ยพี่ถ้าเอาไฟเลี้ยวไปชุบโครมนะระวังหาย เสร็จแล้วเค้าก็คุยกันสองคน แหล่มโน่นแหล่มนี่ผมฟังไม่ค่อยออก

    นังแสนแพงตะโพกมานไม่ค่อยดี(ใต้เบาะผุ) ค้นเร่งฝืด กลับถึงบ้านก็เลยจัดการซะ ถอดลูกเร่งดูสปริง เช็คสาย เช็คร่องสาย ดีขึ้นมาก คงใช้ได้จนกว่าสายจะขาดแหละ สมัยหนุ่ม ๆ สิบกว่าปีที่แล้ว ผมเคยเล่นกับ YAMAHA YL2 80 ซีซี ก็พอนึกออกว่าอันไหนอยู่ตรงไหน ตอนนี้รอบูรณะอยู่ มอบหมายให้น้องชายเอาไปให้เพื่อนเค้าจัดการให้ อยากเห็นมันกลับมาวิ่งอีกครั้ง มีความรัก ความแค้น ความหลง กับค้นนั้นมากเลย ส่วนเบาะนังแสนแพงก็ถอดออกมาดัด ๆ ช่วงล่าง แค่นี้ก็กระชับแล้ว เอ้าแค่นี้ก่อน ไปแปลเอกสารกันต่อครับ

  7. #7
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    "It was normal to see a child on the tank and the wife at the back, with two to four people riding together," Inagaki recalled. "And some people loaded vegetables, chickens, and pigs onto their motorcycles. I even saw motorcycles towing loaded carts."
    อินากากิ ทบทวนความจำให้ฟังว่า
    “เป็นเรื่องปกติเอามาก ๆ ที่จะเห็นบักหำน้อย หรือว่าอี่นางน้อย คร่อมอยู่บนถังน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้าน ด้านหลังคนขับก็จะมีแม่บ้าน ส่วนมากแล้วผมจะเห็นคน 2-4 คนบนอานมอไซค์” “บางคนก็บรรทุกผักมาเต็มเบาะ บางคนก็โหลดไก่มาเพียบเลย หมูตัวเป็น ๆ ผมเห็นแม้กระทั่งรถมอไซค์ลากรถเข็นด้วย”
    จริง ๆ นะครับ ผมเกิดทันได้นั่งซ้อนมอไซค์ลิตเติ้ลฮอนด้าของพ่อ รุ่นสตาร์ทมือนะ พ่อแม่ลูกอีกสองคน แต่ดูเหมือนพ่อผมไม่ปลื้มรถสี่จังหวะเท่าใด เพราะรถมอไซค์คันต่อ ๆ มาอีก 5 ค้น เป็นยามา5 ล้วน ๆ ผมยังทันได้ซ้อนท้ายรถฮอนด้าสแกรมเบิ้ลท่อยก 90 ซีซี ที่ถังมันแหลมๆ อะนะ ของน้าเขย ยังจำเสียงมันได้อยู่เลย ขนาดใหม่ๆ ยังเสียงดังราวกับจะหลุดเป็นชิ้น ๆ ถึงว่าพ่อผมไม่ค่อยชอบ ส่วนเรื่องการลากจูงรถพ่วงแบบตามหลังนี่เป็นเรื่องปก ติของบ้านเรานะ บ้านผมเรียกว่ารถไสน้ำ คือเราจะบรรทุกโอ่งไว้ในรถเข็น แล้วเข็นน้ำจากบ่อหรือคลองไปใช้ที่บ้าน เพราะสมัยนั้นน้ำประปามีเฉพาะในเมืองใหญ่ครับ รถพ่วงข้างที่เราเห็นเข็นแก๊สแบบทุกวันนี้ใช้เวลาอีก ร่วมยี่สิบปีถึงได้เกิดนะครับ
    เมื่อก่อนและตอนนี้ ที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา น่าจะเป็นเมืองที่มีมอไซค์ก้านกระทุ้งมากที่สุดในประ เทศนะครับ ตอนผมไปทำงานที่นั่นตอนปี พ.ศ. 2529 รถพ่วงข้างทุกคัน ทั้งที่เป็นรถรับจ้างและรถใช้งานส่วนตัว จะเป็น JX110/125 นะครับ CG ก็มี แต่น้อยกว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมควบเวฟ 125 ตัวดรัมเบรกทั้งสองล้อไป จ.ชัยภูมิ แกล้งผ่านไปทางนั้น ก็ยังเห็นเค้านิยมใช้กันอยู่ ได้มีโอกาสจอดรถถามคนขับมอไซค์พ่วงรับจ้างว่ารถพวกเร าเหล่านี้เวลาจะซ่อมบำรุงซืออะไหล่กันที่ไหน เค้าก็บอกให้ทราบ ผมก็จำไว้เผื่อจะได้ไปหาอะไหล่บางรายการบ้าง
    อีกที่นึงที่เยอะก็น่าจะเป็นระยอง ชลบุรี แถวนั้นก็เป็นแหล่งที่คนจากด่านขุนทดไปสู่ขอรถมอไซค์ JX มาทำรถพ่วง เพื่อนผมที่ด่านขุนทดเล่าให้ฟังว่า ถ้าเห็นคนหน้าดำ ๆ ไปด้อม ๆ มอง ๆ รถพวกนี้แถวระยอง ชลบุรี ละก้อ จะโดนคนขายรถมือสอง หรือเจ้าของรถทักเลยว่า “มาจากด่านขุนทดไช่ไหม” อ่ะ อะ

  8. #8
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Exclamation

    The dealer situation, too, was completely different from that found in Japan. At the time, the dealer's primary responsibility was to disassemble and repair motorcycles that were not in working condition. Customers typically brought their motorcycles in only when they had stopped running. Therefore, the concept of routine maintenance was completely foreign to the dealers and customers.
    กล่าวถึงสถานะภาพและการบริหารจัดการของดีลเลอร์ขายรถ มอไซค์ในสมัยโน้น ก็เป็นเช่นเดียวกัน ช่างแตกต่างอย่างขาวกับดำเลย เมื่อเปรียบเทียบกับที่ญี่ปุ่น เพราะจะทำการถอดรื้อรถมอไซค์มาเพื่อซ่อมก็ตอนที่มันพ ังไปแล้ว ไม่มีการซ่อมบำรุงตามระยะที่ควรจะเป็น คนที่ซื้อมอไซค์ไปใช้ก็เหมือนกัน จะเอารถมาที่ร้านก็ตอนที่ต้องจูงมันมาหรือใส่รถเข็นม านั้นแหละ ไอ้เรื่องการบำรุงรักษากันตามระยะทาง ระยะเวลานี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับยุคนั้นสมัยน ั้น

  9. #9
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Talking

    "They continued to use oil even after it had turned into goo," Inagaki said, "and the paper filter elements in the air cleaners would become solid as a dirt wall from all the dust. The drive chains would be stretched out to their maximum adjustable lengths, and were worn and torn from hitting the chain case. The examples of such abuse went on and on. One after another, we saw spectacles we'd never even imagined possible from our home base in Japan."

    อินากากิ เล่าย้อนความหลังต่อไปว่า “พวกเขาพากันใช้น้ำมันเครื่องกันอย่างต่อเนื่องยาวนา นไม่ยอมเปลี่ยนง่ายๆ ไม่สนใจว่ามันจะกลายพันธุ์จากน้ำมันเป็นน้ำครำ แล้วยังใส้กรองอากาศอีก ใช้กันจนแข็งเป็นสังกะตังจากฝุ่นที่เกาะเพียบ โซ่ก็ใช้กันจนยืดสุดระยะตั้ง ตัวเฟรมแถวๆ โซ่ก็เยินรุ่งรุ่ง ยางเยิงก็ปะแล้วปะอีก ยางในปะกันจนกว่าจะเปือย ยากนอกก็แตกเอาผ้ามามัดไว้ไม่ให้ยางในทะลัก ซี่ลวดก็ไม่ครับ เวลาวิ่งล้อเหวี่ยงเป็นลูกขนุน แถมขอบล้อก็เบียดไปเบียดมา เรื่องเบรกไม่ต้องพูดถึง สายเบรกหน้าไม่ต้องมี ใช้ต้นไม้ หรือกำแพงวัด คอกวัว เป็นที่เบรค เรื่องแบบนี้ตรูรับไม่ได้ฟ่ะ บ้านตรูเค้าไม่ทำกันแบบนี้ เห็นแล้วสยดสยอง”

    เรื่องจริง ยายทวดผมซ่อมจักรยานให้หลาน โดยการใช้”ตอก”มัด รู้จักตอกมะ ตอกเป็นไม้แผ่ผ่าซีกบาง ๆ ใช้มัดฟ่อนข้าว โครงหลังคาไม่ไผ่ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการมัด ย่าทวดมัดขาตั้ง ตระแกรงซ้อนท้าย ให้หลานได้ปั่นจักรยานด้วยความสนุกสนาน

  10. #10
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Unhappy

    It was thus apparent that due to their complex structure the four-cycle, OHC motorcycles could not perform to their true potential in developing countries, where people subjected their bikes in the harshest conditions and the dealers were unable to provide sufficient service.
    เรื่องต่างๆ ที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวที่เกิดต่อเนื่องกับความซับซ ้อนของเครื่องมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ ระบบโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ ส่งผลต่อการขยายตลาดได้น้อยในประเทศที่กำลังพัฒนา และประชากรผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ก็ไม่มีความรู้ความเข้าใ จกับพาหนะของตน จึงใช้งานกันแบบใช้แรงงานสัตว์ ไม่บันยะบันยัง สุดวิสัยที่ดีลเลอร์จะให้บริการได้อย่างทั่วถึง

    Following such market research it was concluded that Honda should develop a motorcycle that was above all practical and durable; and that it should have an engine with a maintenance-free, four-cycle design.

    จากการที่ฮอนด้าได้ส่งทีมสำรวจออกมาดูสภาพการใช้งานจ ริงในพื้นที่ ศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ ทำให้ฮอนด้าเกิดแนวทางที่จะสร้างรถแบบที่ไม่ต้องการก ารบำรุงรักษา ที่แน่ ๆ ต้อง 4 จังหวะเท่านั้น เป็นไปได้หรือ


  11. #11
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Smile

    Immediately on their return from abroad, Inagaki and Miyachi submitted their findings to the Board of Directors at the R&D Center. Upon hearing the report, Tadashi Kume, the center's managing director, told Inagaki to "bring me some triangles, a compass and graph paper."
    เมื่ออินากากิ และ มิยาชิ เสร็จสิ้นภารกิจภาคสนามและเดินทางกลับไปญี่ปุ่น ได้เข้าพบรายงานผลต่อคณะกรรมการศูนย์วิจัยและพัฒนาขอ งฮอนด้า โดยมี ทาดาชิ กูเมะ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กูเมะ ได้บอกกับอินากากิว่า “ช่วยหยิบวงเวียน ไม้ฉาก แล้วก้อกระดาษเขียนแบบให้ผมด้วย”

    Inagaki was puzzled by the request, but nevertheless, he fetched the items for Kume and started out for home. All the way, though, he was curiously uneasy about what Kume was planning.


    อินากากิ รู้สึกงง ๆ กับคำขอนั้น อย่างไรก็ดีเขาคิดว่าเขาได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอต่อกู เมะแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวกลับบ้าน ตลอดทางระหว่างกลับบ้านเขาพยายามที่จะตามความคิดของก ูเมะ ว่ากำลังวางแผนทำอะไร

    "Then it hit me, when I was enjoying that first meal at home after such a long time," he said. "Mr. Kume was drawing up a new engine concept." That same night, Inagaki drew up a concept for a lightweight, OHV inline single-cylinder engine with a short pushrod; an idea much like the one he had thought of on the flight home to Japan. The following morning, Kume walked into the engineering design room with an engine layout, just as Inagaki had expected. His plan beautifully and precisely depicted an OHV engine, despite the fact that it had been drawn freehand. Inagaki, too, presented his conceptual drawing.

    “สุดท้ายผมก็เข้าใจ ตอนที่ผมกินข้าวอยู่ที่บ้านเป็นมื้อแรกหลังออกทริปยา ว” อินากากิเล่าต่อ “กูเมะ กำลังออกแบบเครื่องยนต์ตามคอนเซ็ปต์ใหม่อยู่” ในคืนเดียวกันนั้นเขาก็ออกแบบเครื่องยนต์ขนาดเล็ก สูบเดี่ยว วาล์ววางคู่กันอยู่เหนือฝาสูบ มีก้านกระทุ้งวาล์วแบบสั้น เป็นลักษณะที่เขาเคยคิดอยู่ในใจระหว่างเดินทางบนเครื ่องบินกลับมาญี่ปุ่น
    เช้าวันต่อมา กูเมะเดินตรงมาที่ห้องออกแบบทางวิศวกรรมพร้อมด้วยต้น แบบเครื่องยนต์ที่เขาคิดขึ้นเมื่อคืน เหมือนกับที่อินากากิคิดไว้เป๊ะ บนกระดาษเขียนแบบนั้นมีเครื่องยนต์ก้านกระทุ้งตัวเล็ กๆ น่ารัก ถูกเขียนร่างแบบฟรีแฮนด์ เห็นดังนั้นอินากากิ ก็นำเครื่องยนต์แบบที่เขาร่างขึ้นมาโชว์มั่ง มันเหมือนกัน ว่าไม๊

  12. #12
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Smile

    Immediately on their return from abroad, Inagaki and Miyachi submitted their findings to the Board of Directors at the R&D Center. Upon hearing the report, Tadashi Kume, the center's managing director, told Inagaki to "bring me some triangles, a compass and graph paper."
    ทันทีที่อินากากิ และ มิยาชิ เสร็จสิ้นภารกิจภาคสนามและเดินทางกลับไปญี่ปุ่น ได้เข้าพบรายงานผลต่อคณะกรรมการศูนย์วิจัยและพัฒนาขอ งฮอนด้า โดยมี ทาดาชิ กูเมะ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ กูเมะ ได้บอกกับอินากากิว่า “ช่วยหยิบวงเวียน ไม้ฉาก แล้วก้อกระดาษเขียนแบบให้ผมด้วย”

    Inagaki was puzzled by the request, but nevertheless, he fetched the items for Kume and started out for home. All the way, though, he was curiously uneasy about what Kume was planning.


    อินากากิ รู้สึกงง ๆ กับคำขอนั้น อย่างไรก็ดีเขาคิดว่าเขาได้ให้ข้อมูลที่เพียงพอต่อกู เมะแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวกลับบ้าน ตลอดทางระหว่างกลับบ้านเขาพยายามที่จะตามความคิดของก ูเมะ ว่ากำลังวางแผนทำอะไร

    "Then it hit me, when I was enjoying that first meal at home after such a long time," he said. "Mr. Kume was drawing up a new engine concept." That same night, Inagaki drew up a concept for a lightweight, OHV inline single-cylinder engine with a short pushrod; an idea much like the one he had thought of on the flight home to Japan. The following morning, Kume walked into the engineering design room with an engine layout, just as Inagaki had expected. His plan beautifully and precisely depicted an OHV engine, despite the fact that it had been drawn freehand. Inagaki, too, presented his conceptual drawing.

    “สุดท้ายผมก็เข้าใจ ตอนที่ผมกินข้าวอยู่ที่บ้านเป็นมื้อแรกหลังออกทริปยา ว” อินากากิเล่าต่อ “กูเมะ กำลังออกแบบเครื่องยนต์ตามคอนเซ็ปต์ใหม่อยู่” ในคืนเดียวกันนั้นเขาก็ออกแบบเครื่องยนต์ขนาดเล็ก สูบเดี่ยว วาล์ววางคู่กันอยู่เหนือฝาสูบ มีก้านกระทุ้งวาล์วแบบสั้น เป็นลักษณะที่เขาเคยนึกในใจระว่างเดินทางบนเครื่องบิ นกลับมาญี่ปุ่น
    เช้าวันต่อมา กูเมะเดินตรงมาที่ห้องออกแบบทางวิศวกรรมพร้อมด้วยต้น แบบเครื่องยนต์ที่เขาคิดขึ้นเมื่อคืน เหมือนกับที่อินากากิคิดไว้เป๊ะ บนกระดาษเขียนแบบนั้นมีเครื่องยนต์ก้านกระทุ้งตัวเล็ กๆ น่ารัก ถูกเขียนร่างแบบฟรีแฮนด์ เห็นดังนั้นอินากากิ ก็นำเครื่องยนต์แบบที่เขาร่างขึ้นมาโชว์มั่ง มันเหมือนกัน ว่าไม๊

  13. #13
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    "We learned a lot by comparing ideas," Inagaki said. "In the end, Mr. Kume kindly said, 'your lightweight, short-pushrod design is an interesting one,' so my plan was selected."

    อินากากิ เล่าต่อว่า
    “จากการที่ได้นั่งดวลสาเกกัน พวกเราได้รู้อะไรดี ๆ เยอะเลย”
    “สุดท้ายกูเมะ ได้สรุปว่า เครื่องยนต์ก้านกระทุ้งขนาดเล็กแบบก้านสั้น ที่คุณออกแบบมาน่าสนใจไม่น้อย เอาเป็นว่าผมตัดสินใจเลือกให้ก็แล้วกันว่า เอาเครื่องที่ผมออกแบบมา ฮ่า ฮ่า”
    “มันก็แบบนั้นอยู่แล้ว เพราะมรรึงงเป็น ผอ.ศูนย์วิจัยนี่หว่า”
    อินากากิคิดในใจ

  14. #14
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน


    With the basic concept of the engine established,-in March 1974-the development team got down to the real task of making the project work. The challenge was to develop a model exclusively for developing countries in which knockdown production was also possible. The project was given a one-year period for full development. Still, several conditions had to be met, among which were the following:

    1. The motorcycle had to have a four-cycle OHV engine with excellent gas mileage and rugged durability.
    2. There must be two levels of engine displacement- 110cc and 125cc-using the inline cylinder.
    3. The exterior design must be sporty and fun.
    4. It must be designed with an emphasis on practical, daily use, with easy maintenance being a key feature.

    จากแนวคิดพื้นฐานในการออกแบบเครื่องยนต์ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2517 ทีมนักพัฒนา ต่างพากันสุมหัวกันสร้างเครื่องนต์ต้นแบบของมอเตอร์ไ ซค์ ที่จะนำไปใช้งานจริงในประเทศที่กำลังพัฒนาเหล่านั้น มีแนวทางกว้าง ๆ ว่า เป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบน็อคดาวน์ ถอดประกอบได้ง่าย โครงการนี้มีระยะเวลา 1 ปี ให้แล้วเสร็จ โดยมีเงื่อนไขหลักที่จะต้องทำให้ได้ 4 ข้อ คือ

    1. รถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ต้องใช้เครื่องยนต์ระบบ 4 จังหวะ ก้านกระทุ้งสั้น กินน้ำมันน้อย อึด ถึก ทนโคตร ๆ

    2. เครื่องยนต์เป็นแบบลูกสูบเดี่ยวอินไลน์ขนาดความจุกระ บอกสูบ 110 และ 125 ซีซี

    3. รูปลักษณ์ภายนอกสวยงาม แลดูสปอร์ต แล้วก้อดูแล้วอยากขึ้นคร่อม

    4. ออกแบบโดยเน้นการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน บำรุงรักษาง่ายประเภทใคร ๆ ก็ใช้ได้

    เริ่มเห็นแนวทางแล้วครับพี่น้อง ความสำเร็จวันนี้ไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ นะ
    พวกญี่ปุ่นนี่เค้าคิดทำมาหากินตลอดเวลา และทำงานเป็นทีมได้ดีมาก ๆ
    อุทิศตัวให้กับงาน จงรักภักดีต่อองค์กร หาที่เปรียบมิได้ เป็นพื้นฐานที่วางกันมาด้วยหลักการบูชิโด ทุกวันนี้ผู้ชายญี่ปุ่นก็ยังคิดว่าตนเองเป็นซามูไร เป็นนักรบ ที่ต้องสละชีวิตให้นาย ให้องค์กร และประเทศชาติ แต่สงครามและการต่อสู้มีรูปแบบที่เปลี่ยนไป ตามความคิดคนญี่ปุ่นการค้า และสงคราม คือเรื่องเดียวกันตามเป้าหมายคือชัยชนะ

  15. #15
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ข้อความ
    50
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน



    "I chose an inline OHV engine, because I wanted to completely change the image evoked by the S110," Inagaki recalled. "I wanted to revive Honda's image as a maker of sporty motorcycles. But at that time, the purchase of a motorcycle would have been only a dream for most people in developing countries; a real status symbol for the common citizen. A motorcycle was a treasured possession that one could finally acquire after having saved enough money. So, of course it would have to last a long time."


    อินากากิ รำลึกความหลังต่อไปว่า

    “พวกเราเลือกเครื่องยนต์ก้านกระทุ้ง สูบเดี่ยวอินไลน์ ก็เพราะยังไม่ลืมความหลังกับรุ่น S110 มันเป็นรถที่ดี แต่การตลาดแย่”

    “ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่า ฮอนด้าคือสัญลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์แบบสปอร์ต แต่ว่าในสมัยนั้น การจะเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์สักคันเป็นได้เพียงความฝ ัน มอไซค์เป็นสมบัติมีค่ามหาศาล คนธรรมดาสามัญที่อยากเป็นเจ้าของต้องเก็บเงินให้มากพ อ ดังนั้น รถมอไซค์ของเราต้องถูก ดี ทนทาน ใช้งานได้เท่าอายุเจ้าของมันเป็นอย่างน้อย”


หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 1 2 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

กระทู้ที่คล้ายกัน

  1. SALE..! van mooneye """"""""""""""""""""""""""""""""""""""&
    By TUM_GROUP in forum แฟชั่น, Pre-order, ของเล่น, อื่นๆ
    คำตอบ: 4
    ข้อความล่าสุด: 22-11-2009, 10:04
  2. คำตอบ: 24
    ข้อความล่าสุด: 27-06-2009, 14:11

Bookmarks

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •