เชิญมาเล่า
                                
กำลังแสดงผล 1 ถึง 14 จากทั้งหมด 14

ชื่อกระทู้: เชิญมาเล่า

  1. #1
    Junior Member
    วันที่สมัคร
    Jan 2008
    ข้อความ
    10
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    0

    มาตรฐาน คนหล่อ คนน่ารัก เชิญคลิ๊กเลยจ้า...



    เรื่อง องค์หญิงโดนของแข็ง ไปอ่านเจอมาเลยเอามาแบ่งๆกัน


    [COLOR=ิblue] กาลครั้งหนึ่งไม่นานเท่าไหร่หรอกหญิงนางหนึ่งถูกสาปไ ว้

    ถ้าจับสิ่งใดขอให้หลอมละลายกลายเป็นไอน้ำ
    พระราชาเป็นห่วงบุตรี
    หาวิธีแก้ไขอย่างไรก็มิหาย หมดหนทางที่จะช่วยบุตรี
    แต่จู่ ๆ ก็มีนางฟ้ามาปรากฏกายขึ้น
    และก็จะถอนคำสาปให้หายโดยพลัน
    แต่นางมีข้อแม้อย่างหนึ่งว่า

    จะต้องมีชายคนหนึ่งหาสิ่งใดก็ได้มาให้บุตรีจับ
    แล้วไม่ละลาย คำสาปนั้นจึงจะหายไป
    พระราชาไม่รอช้ามุ่งหน้าป่าวประกาศโดยพลัน
    หากชายใดสามารถถอนคำสาปได้ใน 1 วัน
    ฉันจะยกลูกสาวให้เจ้าไป จนสามารถคัดเลือกเหลือ 3 คน

    คนที่หนึ่งจึงเริ่มเอาของดีมาแก้ไข
    หยิบโครตเพชรเม็ดงามให้ ทรามวัย
    เจ้าหญิงจึงยื่นมือไปแล้วแตะในทันที
    ยังไม่ทันจะแตะได้เต็ม
    มือ เพชรก็หายละลายไปสิ้น
    'ฉันเสียใจด้วยจริงๆ
    เพชรเม็ดนี้ต้องละลายไป'
    เจ้าหญิงกล่าว

    ชายคนที่สองรองถัดมา
    ก็เดินมาเบื้องหน้าของเจ้าหญิง
    ยื่นเหล็กแหลมแข็งแกร่งไม่อ่อนนิ่ม
    ให้เจ้าหญิงลองจับสัมผัสดู

    แต่แล้วมันก็ละลายหายไปหมด
    'เธอก็อด ตกรอบไปเสียสิ้น'
    คนสุดท้ายเดินมาตัวปล่าวไม่มีทรัพย์สิน
    บอกเจ้าหญิงจงเอามือล้วงลงไปในกางเกง
    เจ้าหญิงจึงล้วงลงไปในกางเกงของชายผู้นั้น
    หน้าเจ้าหญิงก็เริ่มแดง ด้วยความเขินอาย
    แล้วจึงรีบดึงมือออกโดยพลัน หันมาบอกราชา
    'เสด็จพ่อเพคะ ...มัน....
    มัน..มันยังแข็งอยู่เลยค่ะ'

    ในที่สุดชายคนที่ 3 ก็ได้เป็นผู้ชนะไป
    พระราชาสงสัย มันคืออะไร

    อยู่ในกางเกงของชายผู้นั้น .....?
    ชายคนที่ 3 ไม่ยอมตอบ ได่แต่อมยิ้ม
    และก็ได้ล้วงเข้าไปในกางเกงของเขา
    แล้วหยิบมันออกมา

    มันคือ

    M&M
    ช็อคโกแลต ละลายในปาก ไม่ละลายในมือ งัยครับ
    คิดอะไรกันอยู่เนี่ย รู้นะ [/COLOR]
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BLE.sx : 11-02-2008 เมื่อ 13:05

  2. #2

    มาตรฐาน

    อยากฟังเรื่ององค์หญิงแห่งซายูริมั้งอะคับ em94

  3. #3

    มาตรฐาน

    ขณะนี้เจ้าพ่อซายูริ ไม่ว่างมาโพส กระทู้นี้ได้ถูกยึดครองแล้วโดยหน่วยสวาท 555

  4. #4

    มาตรฐาน

    ครั้งแรกของสาวบริสุทธิ์


    หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรง และเร็วไม่เป็นส่ำ เมื่อเธอเดินเข้าไปไกล้จุดที่นัดหมายกันไว้ทุกที


    เธอยอมรับว่า แม้ตัวเธอเองจะเป็นผู้หญิง ที่มีความพร้อมไปทุกสิ่งเมื่อพูดกันถึงเรื่องรูปร่าง หน้าตา รูปร่างสูงเพรียวได้สัดส่วน อกเต่งตึงที่ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นเมื่อเทียบกับเอวที ่คอดกิ่ว ผิวที่ขาวเหมือนหยวกกล้วย ซึ่งคงเป็นเพราะเธอมีสายเลือดจีนจากพ่อและแม่


    แต่ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตา เพียบพร้อมไปทุกอย่างแบบนี้ แต่เธอเองก็ไม่เคยแบบว่าเลยสักครั้ง และนี่จะเป็นครั้งแรก ของสาวบริสุทธิ์อย่างเธอ และถ้าไม่เป็นเพราะความจำเป็นที่บังคับอย่างหลีกเลี่ ยงไม่ได้ เธอคงไม่ยอมทำอะไรที่น่ากลัว และฝืนใจอย่างนี้แน่


    ความคิดของเธอสะดุดลง เมื่อเธอเดินมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง รวบรวมความกล้า และสมาธิอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะยกมือขึ้นเคาะประตู


    " ก็อก ๆ ๆ " มีเสียงเดินมาที่ประตูเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสีขาว หน้าตาสะอาดสะอ้าน ยืนจ้องมองมาอย่างตะลึงเล็กน้อย สองสายตาประสานกันชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายหลบตา ด้วยความรู้สึกบางอย่าง



    " ใช่คนที่นัดไว้หรือเปล่า ที่ชื่ออะไรนะพิมพลอยใช่ไหม ?" " ใช่คะ " เธอรู้สึกว่าน้ำเสียง ที่ตอบไปมันดูแหบโหย ไร้ความมั่นใจเอาเสียเลย " เข้ามาก่อนสิ นั่งรอเดี๋ยวนะขอผมทำอะไรบางอย่าง " หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวขาที่สั่น ๆ นั้นเข้ามาในห้องอย่างว่าง่าย เสียงเขาเดินไปปิดประตู ก่อนที่จะรูดม่านปิดลง ทิ้งให้เธออยู่เพียงลำพัง ขณะที่เขาง่วนอยู่กับการหาอะไรบางอย่างข้างนอกคงเป็น !!!


    เธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ หลับตาลงแล้วครุ่นคิดใบหน้าของชาย คนที่เพิ่งพบหน้าก็ลอยเข้ามาในความคิด เขาเองจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ดูหล่อ และแมนดี แต่ถึงยังไงเธอกับเขา ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นี่เธอจะต้องทำอะไรกับผู้ชายคนหนึ่ง โดยที่ไม่เคยรู้จัก หรือมีความรักต่อกันมาก่อนเลยงั้นหรือ


    เธอรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป และยืดตัวขึ้นตั้งตรง ลำคอระหงนั้นเชิดรับกับใบหน้า ที่แสร้งทำว่าเป็นไม่กลัวอะไร เมื่อมีเสียงแหวกม่านดังขึ้น เขาคนนั้นก้าวเข้ามาพร้อมอะไรบางอย่างที่เขานำไปวางไ ว้ข้าง ๆ เตียง



    " เป็นอะไรหน้าซีดเชียว กลัวหรือ ทำเหมือนคนไม่เคยนี่เป็นครั้งแรกใช่ไหม "



    น้ำเสียงเขาเจือไปด้วยการหยอกล้อระคนขบขัน เหมือนกับว่าสิ่งที่เขา และเธอจะร่วมกันทำต่อจากนี้ไป มันเป็นเรื่องเล่น ๆ เสียเต็มประดา


    " ใช่คะครั้งแรก " เธอแอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นก่อนที่จะกลั้นใจตอบไป



    " ไม่ต้องกลัวหรอกทำใจดี ๆ ไว้ ใคร ๆ ก็มีครั้งแรกเหมือนกันทั้งนั้นแหละ "



    " ใช่สิก็คุณเป็นผู้ชายนี่ " เธอแอบเถียงอยู่ในใจ



    " ขึ้นมานอนบนเตียงนี่มา " เขาออกคำสั่งเหมือนครูกำลังสั่งนักเรียน



    หญิงสาวค่อยก้าวขึ้นไปยืนข้างเตียง เตียงหลังนี้ที่ผู้ชายหน้าตาดี ๆ อย่างเขาคงจะเคยทำแบบนี้ กับผู้หญิงคนอื่นมานับไม่ถ้วน


    " รีบขึ้นไปนอนบนเตียงสิ จะได้เสร็จเร็ว ๆ " หญิงสาวค่อย ขยับตัวขึ้นไปนอนบนเตียง อย่างไม่รู้จะขัดขืนอย่างไร เพราะนี่คือการกระทำที่เธอเต็มใจและยินยอม


    ขึ้นไปนอนหงายบนนั้น แล้วก็หลับตาแบบปลง ๆ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด



    " ทำใจดี ๆ ไม่ต้องกลัวนะครับ เจ็บแค่แป๊บเดียวเอง " เขาเดินมากระซิบที่ข้างเตียง รู้สึกได้ว่าเขาเอื้อมมือมาแล้วค่อย ๆ เลิกผ้าตรงนั้นขึ้นไป อวดเนื้อสาวเนียนผ่อง


    " วางมือมาตรงนี้ " เขาค่อย ๆ ประคองมือเธอให้เหยียดวางลงข้างเตียง ยัดบางสิ่งที่เป็นลำหยุ่นมือลงไป จนทำให้เธอสะดุ้งต้องแอบเผยอเปลือกตาและชำเลืองไปมอง


    หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหยุดเต้น เมื่อเห็นเขาล้วงสิ่งนั้นออกมาจากกางเกง มันช่างใหญ่เหลือเกิน จนเธอต้องแอบหลับตาปี๋ด้วยความเสียว มันใหญ่เสียจนเธอรู้สึกกลัวจับใจ ถึงเธอจะเคยเห็นเจ้าสิ่งนั้นมาบ้าง จากในหนังที่แอบดูกับเพื่อน ๆ แต่มันก็มีเพียงขนาดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่ยาวน่ากลัวอะไรอย่างนี้


    " ผมจะเริ่มละนะ " เขาเอ่ยประโยคที่เธอแทบจะกลั้นใจตายเมื่อได้ยิน นี่จะทำกันดื้อ ๆ แบบนี้เลยหรือไม่มีการปลอบประโลมก่อนหรือไร


    " อาจจะเจ็บหน่อยนะ ถ้ากลัวก็ไม่ต้องมอง " ถึงแม้จะกลัวขนาดไหนในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกของเธอ เธอก็ยังอยากจะมองเพื่อจดจำภาพเหล่านั้นไว้


    เธอเพ่งสายตามองด้วยใจที่เต้นระทึกแทบหลุดออกมาจากเบ ้า เมื่อเขาจ่อแท่งใหญ่ยาวนั้นมาเข้ามาใกล้



    เมื่อเขาแทรกสิ่งนั้นเข้าไปในเนื้อขาว ๆ เธอก็รู้สึกเจ็บจิ๊ดจนถึงกับเผลอร้องออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว " อุ๊ย ! เจ็บบบ " เขาชะงักรีบเอ่ยปากอย่างละล่ำละลัก


    " คุณเจ็บหรือ ผมขอโทษผมจะค่อย ๆ ทำเบา ๆ ก็แล้วกันนะ ทนเอานิดเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว "



    คำว่าเดี๋ยวจากปากเขา แต่มันทำไมเนิ่นนานนักในความรู้สึกของเธอ อาการเสียวอาการเจ็บแปลก ๆ นั้น เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมาก่อนจริง ๆ เธอหลับตากัดฟันกลั้นความเจ็บปวด ที่เจ็บจนต้องเผลอบีบมือเป็นระยะ ๆ


    เนิ่นนานนับสิบนาทีที่เขาทำกับหล่อน จนหล่อนรู้สึกว่าเขาได้สูบเอาบางสิ่งบางอย่างจากเะอไ ปแทบหมดตัว จนเมื่อเขาบรรลุจุดประสงค์แล้ว เขาก็หยุดเคลื่อนไหว หายใจยาวนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่


    " ผมจะเอาออกแล้วนะ ทนเจ็บอีกครั้งนะ " เธอรู้สึกเสียวแปล๊บเมื่อเขาค่อย ๆ ถอนเจ้าสิ่งนั้นออกไปจากเนื้อขาว ๆ ของเธอ โลหิตสีแดงแห่งสาวพรหมจารีไหลกระฉูดตามออกมาจนเปรอะ เขารีบคว้าพลาสเตอร์มาปิดห้ามเลือดไว้ทันที ???????



    " เรียบร้อยแล้วครับ แหมท่าทางคุณแย่ไปเลยคงจะเจ็บมาก บริจาคเลือดครั้งแรก ก็เป็นอย่างนี้ทุกคนแหละครับ อาจจะดูน่ากลัวหน่อยเพราะเข็มมันใหญ่ ใหญ่กว่าเข็มฉีดยามาก


    อ้อ ! แขนเสื้อคุณที่ผมถลกขึ้นไปอย่าเพิ่งเอาลงนะครับ เดี๋ยวจะเลอะเลือด หลังจากนี้คุณก็กลับไปนอนพักผ่อนที่บ้าน ทานนมเยอะ ๆ แล้วอย่างเพิ่งทำอะไรที่เป็นการออกแรงหนัก ๆ ภายในระยะเจ็ดวันนี้


    ส่วนเลือดของคุณนี่หลังจากตรวจเช็คแล้วห มอจะรีบเอาไปเติมให้เพื่อนคุณที่ตึกโน้นเลยนะครับ เธอโชคดีมากที่เผอิญ มีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคุณ ไอ้เลือดกรุ๊ปเอบีเนี่ยเป็นกรุ๊ปที่หายากมาก ๆ เลยนะครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจคราวหน้า อยากขอให้คุณมาบริจาคเลือดให้เราอีกนะครับ หมอจะยินดีมาก ๆ "


    เธอเดินจากมาจากโรงพยาบาลแห่งนั้น พร้อมกับเสียงพูดนุ่มหูของหมอหนุ่มที่ยังติดหู



    ครั้งแรก ! กับการบริจาคเลือดฟังดูน่ากลัวสำหรับคนกลัวเข็มฉีดยา อย่างเธอมาก แต่เพราะเกี่ยวกับความเป็นความตายของยายก้อยเพื่อนรั ก จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อทำไปแล้วก็รู้สึกสบายใจ อาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ได้กุศลแรงไว้คราวหน้ารวบรวมความกล้าได้เมื่อไห ร่ จะกลับไปให้คุณเอาเข็มแทงเนื้อสาวอีกครั้งนะเจ้าคะ พ่อหมอหนุ่มรูปหล่อ


    ป.ล.การบริจาคเลือเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ ปลอดภัยได้กุศลแรง แถมร่างกาย ยังได้ขับถ่ายหมุนเวียนเลือดอีกด้วย แล้วเลือดที่เสียไปร่างกาย ก็จะสามารถสร้างใหม่ได้ภายในเจ็ดวันเท่านั้น อย่าลืมไปบริจาคเลือดกันเยอะ ๆ นะครับ

  5. #5
    Junior Member MAT-D's Avatar
    วันที่สมัคร
    Sep 2006
    สถานที่
    Lampang Scooter
    ข้อความ
    92
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    20

    Talking

    เรียนผู้จัดการฝ่ายบุคคล

    กระผม นายจู๋มีความประสงค์ขอขึ้นเงินเดือนโดยมีเหตุผลดังต่ อไปนี้
    1. กระผมเป็นผู้ใช้แรงงาน
    2. กระผมทำงานในที่ลึกมาก ....
    3. กระผมต้องสอดหัวเข้าไปก่อนทุกครั้งที่ทำงาน
    4. กระผมไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์และไม่เคยหยุดวันนักขัตฤ กษ์
    5. กระผมทำงานในที่มีสภาวะแวดล้อมอับชื้น !!!
    6. กระผมทำงานในที่มืดและไม่มีอากาศถ่ายเท
    7. กระผมทำงานในที่ร้อนอบอ้าว
    8. กระผมไม่เคยได้รับค่าล่วงเวลา
    9. กระผมทำงานที่เสี่ยงกับโรคติดต่อ

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

    จดหมายตอบจากทางฝ่ายบุคคล

    เนื่องจะคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
    คุณไม่สมควรได้รับการขึ้นเงินเดือนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ
    เป็นพนักงานที่ดีหลายประการ ดังที่ได้แจ้งหลายละเอียดดังนี้
    1. คุณไม่ได้ทำงาน 8 ชม / วัน
    2. คุณงีบหลับหลังจากเสร็จงานเสมอ
    3. คุณไม่ทำตามคำสั่งบ่อยๆ
    4. คุณไม่ชอบทำงานในที่ประจำของคุณ และชอบแว๊บไปรับงานที่อื่นบ่อยๆ
    5. คุณมักไม่ทำงานโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และหลายครั้งที่หยุดงานกลางคัน
    6. คุณไม่มีความเป็นผู้นำ ต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากภายนอกให้ทำงาน
    7. คุณทิ้งให้ที่ทำงาน สกปรกเลอะเทอะทุกครั้งเมื่อเสร็จงาน
    8. คุณมักไม่ชอบปฎิบัติตามกฎแห่งความปลอดภัย โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน
    9. หลายครั้งคุณไม่สามารถทำงานควบสองกะต่อเนื่องได้

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    สุนทรภู่ควงกระบี่ขีแสมช
    แบงวงแคลชขี่มิโอโก้หนักหนา
    ซิ่ลลี่ฟูลขี่X1ช่างงามตา
    อันตัวข้าขี่รถถีบไปจีบเธอ

    ติดต่อ :
    vesp_a90@hotmail.com

  6. #6

    มาตรฐาน

    เพื่อนบางคน...อาจคอยมองดูคุณอยู่แบบห่างๆ แต่ไม่กล้าแสดงออก
    แต่เพื่อนบางคน...อาจจะเข้ามายุ่งกับคุณโดย เพราะเขาเป็นคนกล้า

    เพื่อนบางคน...อาจทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณได้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
    ในขณะที่เพื่อนบางคน...ไม่ได้ยินคำขอร้องของคุณด้วยซ้ำ

    เพื่อนบางคน...อาจพูดอะไรตรงๆ กับคุณเพราะรัก
    แต่เพื่อนบางคนของคุณ...อาจพูดแต่คำหวานๆ ซึ่งแฝงไปด้วยความน่ากลัว

    เพื่อนบางคน...อาจเหมือนคนที่ไม่อดทน มักบ่นอะไรเล็กๆ น้อยๆ เสมอ
    แต่จริงๆ แล้วเขา...อาจเป็นคนที่มีความอดทน มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก

    เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยมีความลับกับคุณ อาจแม้กระทั่งให้คุณอ่านไดอารี่แสนหวงของเขา
    แต่เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยแม้แต่จะเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวให้คุณฟัง

    เพื่อนบางคน...อาจไม่เคยโทรศัพท์หาคุณเลย มีแต่คุณเท่านั้นที่มัวแต่โทรหาเขาทุกวัน
    เพื่อนบางคน...อาจโทรมาหาคุณได้โดยที่คุณไม่ต้องขอร้องเลยด้วยซ้ำ

    เพื่อนบางคน...อาจจะอยู่เคียงข้างคุณ ในยามที่คุณต้องการใครซักคน โดยที่ไม่มีใครขอ
    แต่เพื่อนบางคน...ไม่อาจแม้แต่จะรับรู้ความรู้สึกของคุณได้

    เพื่อนบางคน...อาจถึงขนาด นั่งร้องไห้กับคุณ
    ในขณะที่อีกหลายๆ คน...ไม่สนด้วยซ้ำว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน

    เพื่อนบางคน...อาจเคยทำผิดกับคุณบ้าง แต่เขาก็ยังพยายามที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก
    ในขณะที่เพื่อนบางคน...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำผิดต่อคุณ

    เพื่อนบางคน...อาจหมายความตามที่เขาพูด เช่น ขอโทษก็คือขอโทษ
    ในขณะที่เพื่อนบางคน...พูดขอโทษ แต่หมายถึงสมน้ำหน้า

    เพื่อนบางคน...อาจจำได้ว่าพยายามโทรหาคุณข้ามวันข้ามคืน ถึงแม้ว่าเขาจะติดต่อคุณไม่ได้ แต่ก็ยังคงพยายาม
    ในขณะที่เพื่อนบางคน...อาจจำได้ไม่เกินครึ่งวันด้วยซ้ำว่าคุณโทรหาเขา

    เพื่อนบางคน...อาจเหมือนคนที่มีอารมณ์แปรปรวน อาจทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึง
    แต่ไม่แน่เขา...อาจเป็นน้อยกว่าคุณก็ได้ เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว

    เพื่อนบางคน...อาจชอบอยู่กับกลุ่มคนเยอะๆ ที่สนุก เฮฮา
    แต่เพื่อนบางคน...อาจจะภูมิใจกับกลุ่มเพื่อนเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า

    เพื่อนบางคน...อาจมัวนั่งเงียบๆ จนให้คุณไม่อาจรู้ได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่
    แต่ในขณะที่เพื่อนบางคน...พูดมากเสียจนคุณรำคาญ

    เพื่อนบางคน...อาจอยากให้คุณรับรู้ความรู้สึกจากเขาทางสายตา
    แต่เพื่อนบางคน...อาจเดินมาบอกความรู้สึกกับคุณด้วยตัวเอง

    เพื่อนบางคน...อาจจะไม่มีการแสดงออกใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าคุณจะทำให้เขาเสียใจเพียงใด
    แต่ในขณะที่เพื่อนบางคน...อาจเดินเข้ามาต่อว่าคุณ จนคุณไม่เหลือซากก็ได้

    เพื่อนบางคน...สามารถอ่านใจคุณได้
    ในขณะที่อีกหลายๆ คน...ไม่อาจรับรู้และเข้าใจ ความรู้สึกของคุณได้ แม้ว่าคุณจะบอกเขาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม

    +++ แล้วคุณล่ะเป็นเพื่อนแบบไหน? +++
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BLE.sx : 21-03-2008 เมื่อ 15:05

  7. #7

    มาตรฐาน

    ประสบการณ์ชีวิต

    เมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตแต่ละคนจะผ่านประสบการณ์ต่างๆ มากมาย และ มันจะค่อยๆ สะสมและตกตะกอน จนสามารถสรุปออกมาได้เป็นประโยคสั้นๆ...ดังนี้

    ทั่วไป

    1. ไม่ว่าวันนี้จะเลวร้ายแค่ไหน จงยิ้มเข้าไว้...เพราะพรุ่งนี้อาจจะเลวร้ายยิ่วกว่า
    2. คำว่า “พรุ่งนี้” ของคนขายลอตเตอรี่ ไม่ใช่คำมั่นสัญญา แต่เป็นปรัชญาที่ต้องตีความ...เหมือนคำพูดของ... ตอนหาเสียง
    3. สิ่งที่คนเมาพูด คือ สิ่งที่คนปกติคิด
    4. ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่ไม่ว่าคุณจะแก้ดียังไง มันก็จะนำไปสู่ปัญหาใหม่ ที่ต้องให้คุณคิดหาทางแก้ไขต่อไป...เป็นเช่นนี้ไปเรื ่อย
    5. ทุกปัญหาย่อมมีวิธีแก้ที่ง่ายที่สุด...แต่วิธีที่ง่า ยที่สุด จะพบหลังจากใช้วิธียากที่สุดไปแล้ว
    6. อะไรก็ตามที่คุณอยากจะถาม...เป็นไปได้มากว่ามันคือ สิ่งที่คุณไม่ควรจะรู้
    7. คนเรามักจะพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด ในเวลาที่ไม่เหมาะที่สุด และกับคนที่ไม่น่าจะพูดที่สุด
    8. สินค้าที่ประสบความสำเร็จทางการตลาดที่สุด คือ สินค้าที่คนโง่ที่สุดใช้เป็นและอยากจะใช้ แม้จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม
    9. เมื่อคุณมาประชุมสาย ประธานจะมาตรงเวลา และเมื่อคุณมาตรงเวลา การประชุมเลื่อนไปไม่มีกำหนด
    10. อะไรก็ตามที่คุณคิดได้ และรู้สึกว่ามันสุดยอดจริงๆ คุณก็จะพบว่า มีคนอื่นที่ไหนสักแห่ง คิดมาแล้ว

    เกี่ยวกับความรัก

    1. คนดีๆ...ล้วนมีเจ้าของไปหมดแล้ว (เหมือนที่จอดรถ)
    2. ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่...มันก็ต้องมีเหตุผลหละนะ (ไม่เหมือนที่จอดรถ)
    3. อะไรที่คุณเอะใจว่า มันจะดีเกินจริง...เป็นไปได้มากว่า มันไม่จริง
    4. ความรัก ก็เหมือนการรอรถเมล์...สายที่ไม่อยากขึ้น ก็มาจัง ส่วนสายที่ต้องการจะขึ้น ก็รอไปเถอะ พอมา ก็ไม่จอด, พอจอด ก็คนแน่น ขึ้นไม่ได้, พอขึ้นได้ รถก็ไปตายกลางทางอีก
    5. ความรักก็เหมือนกับเหรียญ แหวน หรือชิ้นส่วนเล็กๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มันหลุดมือตกลงพื้น มันจะต้องกลิ้งไปยังซอกที่มืดที่สุด จนเรามองไม่เห็น และเอื้อมไม่ถึง
    6. รถไฟอาจจะวิ่งบนราง แต่อย่าด่วนสรุปว่า มันวิ่งไปทางไหน โดยดูจากราง เพราะเมือเหลียวกับมามองอีกที รถไฟขบวนนั้นอาจจะวิ่งผ่านคุณไปแล้วก็ได้
    7. สวย หรือหล่อ ไม่ได้อยู่ที่คำจำกัดความ แต่อยู่ที่จินตนาการ
    8. ความรัก สวนทางกับกฏฟิสิกส์ นั่นคือ เมื่อเราให้ความรักกับใครมากเท่าไหร่ เราก็จะได้รับตอบแทนกลับมาเป็นสัดส่วนผกผันกลับ
    9. เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า “เป็นเพื่อนกัน” แปลว่า ต้องการจะเลิกคบกัน
    10. เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งบอกว่า “มีอะไรต้องคุยกัน” แปลว่า ไม่ต้องการคุยกันอีกแล้ว
    11. ความรักทำให้คนตาบอด, การแต่งงาน ช่วยให้คนตาสว่าง

    กฏธรรมชาติ

    1. ผู้หญิง...คุณจะไม่เข้าใจคำพูดของเธอ เพราะเธอต้องการให้คุณคิดเอาเองว่า เธอจะบอกอะไร
    2. ผู้ชาย...คุณจะไม่เข้าใจคำพูดของเขา เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการโอ้อวดสรรพคุณตัวเอง จนไม่รู้ว่าต้องการจะบอกอะไร
    3. ผู้ชาย หยิ่งในเรื่องโง่ๆ จนไม่อาจเข้าใจได้
    4. ผู้หญิง หยิ่งในเรื่องลึกซึ้ง จนสุดจะเข้าใจได้
    5. ผู้ชาย ความจำสั้น (มาก)
    6. ผู้หญิง ความจำยาย (มากจนเหลือเชื่อ)
    7. กีฬาโปรด ของผู้หญิงคือ ชอปปิ้ง
    8. กีฬาโปรดของผู้ชาย คือ การพนัน
    9. ผู้ชายใจแคบ และบ้าศักดิ์ศรี
    10. ผู้หญิง ใจอ่อน และเห่อสวยงาม

    กฏเกี่ยวเนื่อง
    1. ถ้าต้องการความเห็นใจ ไปหาเพื่อนหญิง (กฏข้อ10)
    2. ถ้ามีปัญหา อย่าไปหาเพื่อนชาย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังต้องไปนั่งฟังปัญหาเพิ่ม (กฏข้อ 9 และข้อ 2)
    3. อย่าให้เพื่อนชายยืมเงิน (ตามกฏข้อ 5)
    4. อย่าให้เพื่อนหญิงยืมเงินเช่นกันเพราะเธอจะเอาไปให้เ พื่อนชายที่คุณเพิ่งปฏิเสธไป ยืมอีกต่อหนึ่ง (ตามกฏข้อ 10)

    กฏความสัมพันธ์

    1. (สำหรับผู้ชาย) หลีกเลี่ยงเพื่อนหญิงที่มีปัญหาครอบครัว ถ้าคุณไม่อยากเป็นครอบครัวเดียวกับเธอ
    2. หลีกเลี่ยงเพื่อนชาย ที่มีปัญหาครอบครัว ถ้าคุณไม่อยากมีปัญหามากกว่าที่มีอยู่เดิม
    3. หลีกเลี่ยงเพื่อรุ่นพี่ (เพศเดียวกัน) ถ้าไม่อยากเป็นขี้ข้ารับใช้
    4. (สำหรับผู้ชาย) หลีกเลี่ยงเพื่อนรุ่นพี่หญิง ถ้าไม่อยากเป็นคุณหนู
    5. เมื่อไหร่ที่เพื่อนชาย พยายามมีเหตุผล นั่นแปลว่า “กูต้องการอะไรจากมึง”
    6. เมื่อไหร่ที่เพื่อนหญิง พูดหวาน นั่นแปลว่า “ชั้นต้องการอะไรจากเธอ”
    7. (สำหรับผู้ชาย) อย่าคบเพื่อนหญิงสวย ถ้าคุณไม่อยากช่วยหิ้วของเดินตามต้อยๆ ในห้างสรรพสินค้า
    8. อย่าคบเพื่อนหล่อ/สวย ถ้าคุณไม่อยากรับบทตัวประกอบพระเอก
    9. (สำหรับผู้ชาย) อย่าหวังชนะใจเพื่อนหญิง ด้วยการช่วยงาน หรือการบ้าน เพราะเธอจะคิดว่าคุณโง่ และเหตุผลเดียวที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อรับใช้เธอ
    10. อย่าหวังชนะใจเพื่อนชาย ด้วยการเลี้ยงเหล้า เลี้ยงข้าว เพราะเขาจะคิดว่า คุณโง่ แล้วยังอวดรวย

    ***เรื่องดีๆ ที่แบ่งปันให้ซึ่งกันและกัน***
    ขำ ๆ อย่าคิดมากกันน๊า....^__^
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BLE.sx : 18-03-2008 เมื่อ 09:19

  8. #8

    มาตรฐาน

    ขุดกระทู้เก่าๆ มาสักหน่อย กับเรื่องราวดีๆที่อยากแบ่งปัน

    : : คุณค่าที่แท้จริงแห่งกาลเวลา : :

    เราเข้าใจเรื่องราวของเวลาอย่างที่เคยเข้าใจอย่างนี้ บ้างหรือเปล่า...

    ตอนเด็กๆ ... เมื่ออยากไปทะเล

    เราคิดถึงเรื่องราวของน้ำใสๆ ทรายสวยๆ ทิวทัศน์ที่มีบรรยากาศดีๆ

    จริงสิไปทะเลบางครั้งเขาบอกว่าต้องออกอาการแบบเหงาๆ

    เท้าที่ย่ำไปบนพื้นทรายรวมกับระลอกคลื่นที่กระทบฝั่ง

    สายลมและแสงแดดไม่ว่ายามเช้าสดใสหรือว่ายามบ่ายแก่ๆเ มื่อพระอาทิตย์

    จะตกยังไงก็ยังคงมีเสน่ห์



    ตอนเด็กๆ ... เมื่อคิดถึงเรื่องราวของภูเขา

    เราคิดถึงป่าเขียวขจี เราคิดถึงน้ำตกหรือลำธารที่เย็นชื่นใจ

    เราคิดถึงพันธ์ไม้ป่าที่สวยๆ ต้นไม่ใหญ่ที่ทะมึนน่าเกรงขาม

    ยังคงคิดถึงเรื่องราวของนกและผีเสื้อสวยงาม และยังมีสัตว์ป่าที่ยังคงมีอยู่

    ที่สำคัญคือการผจญภัยมากมายไม่ว่าจะเดินป่า หรือพักแรม แล้วยังเสน่ห์อีก

    มากมาย



    ตอนเด็กๆ ... เมื่อคิดถึงมื้ออาหาร

    เราคิดถึงโต๊ะและบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก อยากมีห้องสวยๆแบบในหนังนะ

    อาหารบนโต๊ะต้องมีเยอะที่สุด และแน่นอนต้องมีอาหารโปรดด้วย

    ยิ่งวันไหนมีอาหารที่เราชอบที่สุดในโลกบนโต๊ะ วันนั้นมื้ออาหารก็จะดีที่สุดในโลกเลย



    ตอนเด็กๆ
    เรามองสิ่งรอบข้างด้วยความกระวนกระวายเพื่อเรียกร้อง เพื่อให้ได้มา

    บางโอกาสเราหงุดหงิดกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนอย่างในล ะครที่มีแต่ความสุข

    เรามักจะเรียกร้องมากมายไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาสวยๆ เจ้าอุลตร้าแมนหรือเจ้ามดแดงตัวโปรด

    ของขวัญหรือสิ่งของภายนอกที่อยากได้ ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ อะไรๆก็ไม่ถูกใจไปหมด



    แล้วเวลาก็ผ่านไป……………………………………………



    เราเริ่มรู้ว่าไปทะเลที่ไหนมันก็เป็นทะเล มีน้ำมีหาดทราย มีสายลมและกลิ่นไอของทะเล


    เราเริ่มรู้ว่าไปภูเขามันก็มีป่าที่มีลำธาร มีสีเขียวของต้นไม้ ภูเขาก็คือภูเขานั่นแหละ


    เราเริ่มรู้ว่าทานอาหารอย่างมากก็แค่อิ่มไม่ว่าอาหาร จะดีหรือไม่


    สถานที่จะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ แหม่มันก็กินอิ่มเหมือนกันนั้นแหละ


    เราเริ่มรู้ว่าข้อเรียกร้องหลายอย่างไม่ใช่เรื่องจำเ ป็นถึงที่สุด


    บางโอกาสถึงขนาดบอกว่าอะไรก็ได้ ...เพราะอะไร ?…

    เพราะเมื่อเวลาแห่งชีวิตผ่านไปจนเราเข้าใจ ...

    เราจะรู้ว่า ...ไปทะเลก็ไร้ค่า ...

    ไปภูเขาก็ไม่ได้มีความสุข ...

    ทานอาหารที่ว่าเลิศรส ...บรรยากาศที่ว่าสุดยอดก็ไร้ความรู้สึกที่ดี ...

    การเรียกร้องและอยากได้ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดน้อยลง.. .

    เพราะทุกอย่างแม้เราจะได้ แต่เราไม่มีคนมี่เรารักหรือคนที่เราเคารพอยู่ด้วย

    ชีวิตของเราจะเหลืออะไร ?...



    คุณค่าของเวลาที่แท้จริงคือการที่เราได้อยู่กับคนที่ เรารัก ...

    หรืออยู่กับคนที่รักเราต่างหาก...


    อย่ามัวแต่เรียกร้องสิ่งที่เป็นมายา ...จนลืมความสำคัญของคนดีที่อยู่เคียงข้าง ...



    เหมือนภาษิตที่ว่า ...

    "บางครั้งเราจะรู้คุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

    ก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไป แล้วเราก็ไม่สามารถเรียกเอาวันเก่าๆที่ดีกลับมาได้อี กเลย" *


    "การสำนึกผิดเปรียบเสมือนกระจกบานหนึ่ง ที่สามารถสะท้อนให้เราเห็นถึงความผิดพลาด

    ของตนเองอย่างแจ่มชัด..และทำให้เรามีโอกาสแก้ไขข้อผิ ดพลาดให้ถูกต้องขึ้น"


    ขอบคุณมากที่ทนอ่านจนจบ

  9. #9

    มาตรฐาน

    เพียงแค่ครั้งหนึ่งของความทรงจำ



    มีครั้งหนึ่งที่มีเธอ........"
    มันคือช่วงที่งดงามที่สุดช่วงหนึ่ง
    ขอบคุณที่ทำให้มีช่วงเวลานั้น
    กาลเวลาผ่านไป มักทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    แต่ความทรงจำที่ดีระหว่าง คน-คน
    มันไม่อาจลบเลือนด้วยกาลเวลา....."
    " ความรัก "มักมีคุณค่ามากเกินกว่าใดๆ
    ไม่อาจถูกเจือจางด้วยสิ่งใด
    " หัวใจ "เป็นสิ่งอ่อนไหว
    แต่กลับเป็นสิ่งที่เข้มแข็งที่สุด



    เคยคิดมั้ยว่า คน 1 คน
    จะสามารถมีความรักได้สักกี่ครั้ง ในชีวิต
    ยอมรับกันไหมว่า....
    ไม่ว่าช่วงไหนของคนเรา ลองได้มีความรัก
    มันก็งดงามด้วยกันทั้งนั้น
    และช่วงที่หมดรัก...มันก็เศร้าด้วยกันทั้งนั้น
    ชาย-หญิง...ต่างหา ต่างมอง
    ใครสักคนที่ใช่...อยากรัก และอยากถูกรัก
    เมื่อเจอ....."ดีใจด้วย"
    เมื่อหา...."เอาใจช่วย"
    ใครสักคนที่ทำดีกับเรา
    อย่าปล่อยให้เขาต้องเป็นฝ่ายให้อยู่ฝ่ายเดียว
    รับมามากแล้ว หัดรู้จักให้เสียบ้าง
    ยอมเหนื่อยบ้าง ให้เหงื่อออก จะได้รู้สึกว่า
    การที่เรายอมเสียสละอะไรบางอย่าง
    เล็กน้อยหรือมากมาย

    มันหาค่าเปรียบไม่ได้....."
    การแบ่งปัน และคุณค่าของการให้
    ไม่ว่าให้อะไร ล้วนแต่เป็นสิ่งดีดี
    ไม่ต้องมองหรอกว่า ถ้าให้ไปแล้วจะได้อะไร
    เมื่อคิดจะให้ ก็อย่าตั้งตามองหาสิ่งตอบแทน.....
    อย่าปล่อยให้ความรู้สึก ที่เรารักใครสักคน หลุดหายไป
    โดยที่เรา ไม่พยายามทำอะไรเลย......
    ".....การกระทำ บ่งบอกคำพูด
    คำพูด บ่งบอกความคิด......"
    เรื่องที่ยากที่สุด ของฉัน
    คือ การลืมอะไรสักอย่าง ?



    เหมือนสายน้ำที่ทอดไกล
    ไม่อาจทำให้มันไหลย้อนกลับมา
    เหมือนว่า มันพัดพาทุกอย่าง และไม่อาจหวนคืน.....
    หนทางสู่ความสุข คือ ทำให้ตัวเองเป็นสุข
    และพร้อมรับสิ่งที่ตามมาอย่างมีสติ....


    เผื่อวันไหน ที่ท้อแท้
    ขอให้คิดถึง ช่วงเวลาที่เราต่อสู้ กับสิ่งเลวร้าย
    แม้เราอยู่เพียงลำพัง ความเข้มแข็งก็จะคุ้มครอง
    ความสุข ไม่ได้เป็นสิ่งที่หายากเกินไปหรอก
    เพียงแต่ เรา บางที อาจไม่เข้าใจว่า ทำยังไง ??
    เพราะเรามัวแต่มองหาความสุข
    แท้จริง...ความสุข
    เกิดจากสิ่งเล็ก ๆ ที่บางที
    เราอาจมองไม่เห็นต่างหาก

  10. #10
    lovelam narumol's Avatar
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    สถานที่
    scooter cafe'
    ข้อความ
    28
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    0

    มาตรฐาน

    ซาบวึ้งแต้เหนาะปี้เบิล

  11. #11

    มาตรฐาน

    ขอบคุณครับผม งั้นเอาไปอีกนิดนึง

    ฟากหนึ่งของถนน
    หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ เธออยากข้ามไปฝั่งตรงข้าม
    ข้ามไปหาชายหนุ่ม
    คนที่เธอคิดว่าเขามีความรักให้เธอ
    แต่เธอไม่กล้าข้าม เพราะครั้งหนึ่ง เธอเคยข้ามถนน
    แล้วถูกชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถชน เธอเจ็บ... เจ็บจนกลัว
    อีกฟากหนึ่งของถนน ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่
    เขาอยากข้ามไปฝั่งตรงข้าม ข้ามไปหาหญิงสาว
    คนท ี่เขาคิดว่าเธอมีความรักให้เขา
    แต่เขาไม่กล้าข้าม เพราะครั้งหนึ่ง เขาเคยขับรถ
    แล้วชนหญิงสาวคนหนึ่ง เขากลัว... กลัวว่าจะเจ็บแบบนั้น

    ทั้ง 2 ฟากของถนน
    ความรัก มองเห็นคนทั้งสองอยู่
    ความรัก มองเห็นความเจ็บและความกลัวของคนทั้งสอง
    แปลง... กลับกลายเป็นกำแพง สูง ระฟ้า หนา
    ไม่มีใครเข้าถึง ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง
    ความรัก เฝ้ารอคนทั้งสองอยู่ รอวันที่กำแพงจะถูกทลายลง
    พังทลายด้วยความรักของคนทั้งสอง

    ********************T_T

    ถ้ามัวแต่กลัวว่าเรื่องราวเดิมๆมันจะกลับมาอีกครั้ง
    แล้วทำให้เจ็บปวดแบบเดิมๆอีก
    กับคนที่รู้สึกแบบนี้เลิกกลัวซะเถอะ
    ถ้าเราไม่เริ่มต้นจะรู้เหรอว่า
    บทสรุปของความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
    เรากับคนพิเศษคนนี้รู้สึกแบบเดียวกันกับตัวละครทั้งส อง
    เรากลัวว่าการรักเค้า ให้ใจเค้า มันอาจจะทำให้เราเจ็บอีก
    เค้าก็กลัวว่าจะทำให้เราเสียใจอีกครั้ง
    เลยไม่ยอมเปิดใจให้กันและกัน
    แต่เรามองตาเค้า ทุกเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน

    ภายใต้กำแพงคำว่าเพื่อน
    เรารู้ว่าเรารักกัน รักมาก เราไม่อยากจะเสียกันและกันไป
    แต่ท้ายที่สุดรู้มั้ย เราต้องสูญเสียกันและกันไปจริงๆ
    เพราะความกลัว.........
    ฉันกลัวที่จะเจ็บ ...............
    เค้ากลัวที่จะทำให้ฉันเสียใจอีกเป็นครั้งที่สอง..... ...
    เมื่อเวลาผ่านไปเค้ากลับไปคบกับคนอื่นแล้วเลือกคนๆนั ้น
    และทิ้งฉันให้จมอยู่กับความรักที่ไม่เคยมีแม้แต่การเ ริ่มต้น.........
    คนพิเศษ รู้มั้ยทุกๆวันยังคงคิดถึง
    อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมในวันที่เรามีกันและกัน
    อยากเล่าอะไรๆให้ฟังเหมือนเก่า
    อยากได้ยินเสียงที่คอยห่วงใย
    เธอเคยทำให้เรารู้สึกว่าเราก็เป็นคนสำคัญของเธอ
    เรายังอยู่ในฐานะนั้นอีกมั้ย
    แต่สำหรับเราเธอคือ คนพิเศษของเรา
    เธอยังอยู่ที่ตรงนี้ที่หัวใจของเราเหมือนเดิม

  12. #12

    มาตรฐาน

    ความแตกต่าง และ ความรู้สึก

    เรื่องของคน 2 คน …..ที่แตกต่างกันเกือบทุกด้าน ยกเว้น.....ความรู้สึกที่มีให้กัน

    เขาชอบดำ.......เธอชอบขาว

    เขาชอบเพลงใต้ดิน........เธอฟังเพลงสบายๆ

    เขาตัวสูง........เธอไม่สูง

    เขาเรียนไม่เก่ง........เธอท็อปเกือบทุกวิชา

    เขาเก่งกีฬา.........เธอไม่เคยวิ่งทันใครเค้า

    เขาชอบเสียงเครื่องยนต์........เธอเกลียดความเร็ว

    เขาชอบฝน......เธอกลัวเสียงฟ้าร้อง

    เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่เรื่องมาก..........เธอร่าเริงและจำเป็นต้องมีคนอ ยู่รอบด้าน

    เขาเก็บความรู้สึกและระบายลงสมุดบันทึก........เธออ่ อนไหว ขี้เหงา และช่างรู้สึก

    เขาน้ำตาซึมเพราะมองไม่เห็นค่าของตัวเอง........เธอร ้องไห้ให้ความเดียวดายที่เกาะกุมหัวใจ

    เขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ..... เธอชอบมิตรภาพที่ใครต่อใครมอบให้

    แต่กระนั้น …….. ผู้คนมากมายที่รายล้อมก็ไม่ได้ทำให้เธอหายว้าเหว่

    ทุกครั้งที่เขาเหงา…….. เธอจะนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่เรียกร้องความสนใจ

    ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ ……….เขาไม่มีคำปลอบโยนเพียงแค่กุมมือเธอไว้

    ทุกครั้งที่เขามองเห็นเงาตัวเองในกระจก ….. เขาจะเห็นเพียงผู้ชาย...ที่ไร้ความสามารถและไม่มีควา มสำคัญกับใคร แต่เธอกลับมองเห็นผู้ชายคนนึง.....ที่สามารถปกป้องเธ อได้ และมีค่ามากมายสำหรับเธอ

    ทุกครั้งที่ฝนตก …….เธอจะนั่งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง ฝนพัดพาความเหงามาให้ เสียงฟ้าร้องเรียกความกลัวมาใกล้

    แต่ทุกครั้งที่ฝนตก เขาจะโทรศัพท์หาเธอ และจะอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งฝนหยุดตก......แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยสัก คำ

    เขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่ไม่เคย รู้สึกอึดอัด

    เขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่เหมือน กับได้พูดคุยกันตลอดเวลา เขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกอุ่นในใ จ

    เขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกว่าตัวเ องมีค่าขึ้น

    ความรัก ไม่ต้องการความเหมือนกัน แต่ ความรัก ต้องการ การดูแล ใส่ใจ

  13. #13
    GL in mod style OfFline's Avatar
    วันที่สมัคร
    Aug 2007
    สถานที่
    Lampang Scooter Club
    ข้อความ
    1,046
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 1 ครั้ง ใน 1 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    20

    มาตรฐาน

    ไม่ทำตาม...
    อย่าตีความหมายว่า...ดื้อ

    ไม่ยึดถือ...
    อย่าตีความหมายว่า...เมินเฉย

    ไม่ใส่ใจ...
    อย่าตีความหมายว่า...ละเลย

    คำพูด..ที่ยังไม่เฉลย
    ก็ใช่ว่า..ไม่อยากเอ่ย..มันออกไป


    นิ่งเงียบ...
    อย่าตีความหมายว่า...ไม่คิด

    ยอมรับผิด...
    อย่าตีความหมาย...อย่างที่เห็น

    แม้ว่า...
    จะถูกโจมตี..ด้วยวาจา..ที่สาดกระเซ็น

    ก็ใช่ว่า..เจ็บไม่เป็น
    อย่างเช่น...คุณเข้าใจ


    ไม่ถาม...
    อย่าตีความหมายว่า...โง่

    ไม่ตอบโต้...
    อย่าตีความหมายว่า...ยอมแพ้

    แม้ว่า...
    หลายคน..อาจจะมองดูว่า..อ่อนแอ

    แต่..ที่ปล่อยให้เป็นไป..
    เพราะเห็นแก่..ใครบางคน
    "มีรถล้อเล็กให้ขี่ ก็ดีมากแค่ไหนแล้ว"

    " งอย่าโกรธที่มันพาไปไม่ถึง ... ต่จงชื่นชมที่มันพาไปได้ตั้งไกล "

    mod's Lampang Scooter
    *********************

    facebook.com/VespaGLmods
    champ_mar@hotmail.com

  14. #14

    มาตรฐาน


    Do yow know WHAT LOVE IS???

    เรื่องราวความรักอันเหลือเชื่อที่ได้รับการเผยแพร่ไป ทั่วโลก เรื่องของชายชราชาวจีนวัย 70 ปี ผู้สลักหินเป็นบันไดด้วยมือของเขา มากกว่า 6,000 ขั้น เพื่อปีนภูเขาไปหาคู่รักอายุ 80 ปี ทั้งสองต้องหนีจากหมู่บ้านไปใช้ถ้ำเป็นรังรักของพวกเ ขามากว่า 50 ปี

    ดั่งเช่นความรักของ "หลิว โกวเจียง" ชายชราชาวจีนวัย 70 ปี ที่มีต่อภรรยาวัย 80 ปี ถึงแม้ว่าความรักของทั้งคู่จะเกิดขึ้นโดยความไม่เห็น ด้วยของผู้คนรอบข้างก็ตาม แต่พวกเขาก็ค่อยๆ ประคับประคอบชีวิตคู่ให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ มาได้กว่า 50 ปี ... เชื่อว่าถ้าใครได้อ่านหรือรับรู้เรื่องราวความรักของ "หลิว โกวเจียง" กับ "ซู เฉากวิน" คงต้องซึ้งจนน้ำตาซึม เพราะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่นั่นแน่! เริ่มอยากรู้เรื่องราวความรักของพวกเขาแล้วล่ะสิ อย่ารอช้าตามเราเข้าไปค้นเรื่องราวความรักอันเหลือเช ื่อกันเลย

    ย้อนอดีตไปเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว "หลิว โกวเจียง" ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ บึกบึน สมกับวัย 19 ปี เกิดไปตกหลุมรัก "ซู เฉากวิน" แม่หม้ายลูกติดวัย 29 ปี ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของเหล่าญาติมิตร และผองเพื่อน เพราะด้วยวัยที่ห่างกันของทั้งคู่ ซึ่งในห่วงเวลานั้นถือว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมมาก ที่ชายหนุ่มจะรักกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า พร้อมๆ กับความจริงที่ว่า ซู แต่งงานมีลูกแล้ว แต่ หลิว ไม่หวั่นกับคำครหาต่างๆ นานา เขาพา ซู หลีกหนีการดูถูกของสังคม และผู้คนไปอาศัยอยู่ในถ้ำร้างแห่งหนึ่งใน เมืองเจียงจิน (Jiangjin) เมืองชนบททางตอนใต้ของเขตปกครองตนเองชงกิง มณฑลเสฉวน

    ช่วงเริ่มต้นชีวิตของทั้งคู่ เรียกได้ว่าเริ่มจากศูนย์ เพราะรอบๆ บริเวณนั้นไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าและอาหาร ทั้งคู่ต้องกินหญ้าหรือพืชหัวที่พบอยู่บริเวณภูเขา จากนั้น หลิว ก็ได้ประดิษฐ์ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อให้แสงสว่างแก่ต ัวเองและคนที่รัก

    ในขณะที่ ซู รู้สึกว่าเธอผูกมัด หลิว ด้วยการจำกัดอิสระภาพของเขามากเกินไป จึงถามคำถามซ้ำๆ กับ หลิว เสมอว่า "เขาเสียใจไหม ที่ทิ้งทุกอย่างและมาใช้ชีวิตร่วมกับเธอ" ขณะที่ หลิว ก็ตอบคำถามแบบเดิมๆ ทุกครั้งว่า "ตราบเท่าที่เราขยัน ช่วยกันทำงาน ชีวิตเราก็จะต้องดีขึ้น"


    หลังจากนั้น หลิว และ ซู ก็ครองคู่อยู่ด้วยกันในถ้ำแห่งนั้น และ หลิว ก็เริ่มแกะสลักบันไดหินด้วยมือตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะให้คู่ชีวิตของเขาเดินลงจากภูเขาได้ง่าย

    เวลาผ่านไปทั้งคู่ยังคงใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบราบรื ่น มีลูกด้วยกันถึงเจ็ดคน จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ หลิว ในวัย 72 เพิ่งกลับมาจากทำงานในไร่ จู่ๆ เขาก็ล้มลง ซู ในวัย 82 ได้แต่สวดมนต์อ้อนวอนให้กับสามีของเธอ แต่แล้วมัจจุราชก็ได้พราก หลิว ให้จากไปภายในอ้อมกอดของเธอ ด้วยมือที่เกาะกุมกันไว้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต พร้อมๆ กับคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจของ ซู ว่า "คุณสัญญาว่าจะดูแลฉัน คุณจะอยู่กับฉันเสมอจนถึงวันที่ฉันตาย แต่ตอนนี้คุณจากฉันไปก่อน ฉันจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีคุณ" … ซึ่ง ซู ใช้เวลาหลายวันพูดแต่ประโยคซ้ำๆ แผ่วๆ และสัมผัสโลงศพของสามีด้วยน้ำตานองหน้า

    อย่างไรก็ตาม ในปี 2001 นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปสำรวจบริเวณภูเขาแห ่งนี้ และก็ต้องประหลาดใจ ที่ได้พบกับคู่รักวัยชรา พร้อมด้วยบันไดหินแกะสลักกว่า 6,000 ขั้น!!!

    ขณะที่ หลิว หมิงเส็ง หนึ่งในลูกทั้งเจ็ดคนของ หลิว และ ซู กล่าวว่า
    พ่อกับแม่รักกันมาก ทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลามากว่า 50 ปี และไม่เคยแยกจากกันแม้แต่วันเดียว พ่อเป็นคนสลักขั้นบันไดทั้ง 6,000 ขั้นนี้โดยใช้เวลานานหลายปี เพื่อให้แม่ขึ้นลงเขาได้อย่างสะดวกสบาย แม้ว่าแม่จะไม่ค่อยได้ลงจากภูเขาบ่อยนักก็ตาม

    ต่อมาในปี 2006 เรื่องราวความรักอันเหลือเชื่อของพวกเขา กลายมาเป็นเรื่องรักติดอันดับ Top 10 ในประเทศจีน ซึ่งรวบรวมโดย Chinese Women Weekly รัฐบาลท้องถิ่นจึงตัดสินใจอนุรักษ์บันไดแห่งความรักแ ละรังรักของพวกเขาเป็นพิพิธภัณฑ์ ยังผลให้เรื่องราวแห่งความรักนี้มีอยู่ตลอดไป และได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก


    อ่านแล้วน้ำตาจะไหล สาวไหนต้องการรักแท้ติดต่อพี่เบิ้ลได้ครับ

Bookmarks

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •