เอสอาร์400 บินเดี่ยวเที่ยวลาว

สวัสดีครับพี่น้อง
ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ กับการขี่รถเที่ยวเอามันส์ทริปนี้(ธันวาคม ปี2009)
ทริปขี่รถเล่นกินลมชมวิว แบบไม่ได้มีสาระอะไรมากมาย...
...จากทีแรกที่ตั้งใจว่าจะไปใต้สุดแดนสยาม ไปเที่ยวเบตง-ปีนัง มาเลเซีย
(ทริปล่องใต้ มาเลเซีย-เบตง มิถุนายน ปี2010
http://www.thaiscooter.com/forums/sh...d.php?t=436591 )
...แต่เนื่องจากฟ้าฝนไม่เป็นใจ น้ำท่วม พายุเข้า คงไม่ดีแน่ๆ
ถ้าจะเอารถวิบากกรรมบังโคลนสั้นๆไปลุย ก็เลยตัดสินใจขึ้นเหนือ
แต่จะไปที่เดิมๆ เชียงใหม่ ปาย แม่ฮ่องสอน...
(ทริปแอ่วเหนือ เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน/มกราคม ปี2011
http://www.thaiscooter.com/forums/sh...d.php?t=513195 )
...เส้นทางสวยๆ เดิมๆ ที่ใครๆก้อไปกัน ปีก่อนก็ไป ปีที่แล้วก็ไป
เลยอยากจะลองขี่ไปในเส้นทางใหม่ๆที่ยังไม่เคยไปดูบ้า ง
เลยตัดสินใจไปลาวละกันครับ ใครๆก็บอกว่าเมืองลาวสวย ธรรมชาติงดงาม
ค่าครองชีพต่ำ เบียร์อร่อย ว่าแล้วก้อ...จัดเลยค้าบบบ บ บ

***เอกสาร+ขั้นตอนการนำรถไปขี่เที่ยวประเทศลาว(ด่านเ ชียงของ-ห้วยทราย)***
1.หนังสือเดินทางของผู้ขับขี่(Passport) http://www.consular.go.th/
2.เล่มทะเบียนรถ พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษ (ผมแปลที่ขนส่ง 25บาท ได้กระดาษA4มา1ใบ)
3.นำเอกสารไปยื่นที่ศุลกากรเชียงของ เพื่อให้ออกใบ"ขนสินค้าพิเศษ"สำหรับรถ
4.นำเอกสารที่ได้ไปยื่นที่ ตม.เชียงของ
5.ไปที่ด่านฯเชียงของ(ท่าเรือ)เผื่อตรวจเอกสารทั้งหม ด และเตรียมนำรถข้าม (ขั้นตอนที่ 3-5 ใช้เวลาไม่นานครับ)
6.เมื่อนำรถข้ามไปถึงด่านห้วยทราย(ทางเรือ คันละ500บาท) ไปซื้อ พรบ จะได้เอกสารกับสติ๊กเกอร์มาแปะ (250บาท)
7.ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร และลงบันทึก เสียตังค์ 50บาท(สำนักงานอยู่ติดกับท่าเรือ พรบ ซื้อที่นี่ได้เลย)
8.จากนั้นไปที่ ตม.ลาว อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือที่รถขึ้น เพื่อปั๊มพาสปอร์ท แค่เนี๊ยแหละครับ เสร็จแล้วก็บินโล้ด ด ด
++ลืมของสำคัญได้ไงเนี่ย!!!ใบขับขี่ต้องเป็นแบบสมาร์ ทการ์ดรุ่นใหม่นะครับผม ใช้ได้10ประเทศอาเซี่ยนครับ++
อาจจะดูหลายขั้นตอน แต่มันง่ายกว่าที่คิดเยอะครับ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย
***ขากลับ ไม่มีอะไรมาก เข้าแถว ตรวจเอกสาร ปั๊มๆๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรครับ***
เรื่องระยะเวลาในการขี่รถท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ไทยที่ศุลกากรจะถามว่าต้องการอยู่กี่วัน ผมขอไป 15วันครับ
สูงสุดได้กี่วัน ไม่ได้ถามครับ ซึ่งเราต้องนำรถกลับให้ทันกำหนดเวลา ถ้าเกินจะต้องเสียค่าปรับ แพงมั๊ย ไม่ได้ถาม ^^"
ผมขอไป 15วันเผื่อๆไว้ แต่ผมต้องการอยู่แค่ 7วัน จึงซื้อ พรบ.แค่ 7วัน 250บาทครับ.

________________________

(ทริปเที่ยวเขมร- ธันวาคม ปี2010
http://www.thaiscooter.com/forums/sh...d.php?t=505051 )
PS:การนำรถข้ามแดนไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดน ติดกับไทย
ใช้เอกสารเหมือนกันครับ จะแตกต่างกันในเรื่องของค่าประกันภัยเท่านั้น
แต่เที่ยวเขมร ไม่ต้องซื้อประกันภัยครับ!!

ทำรถมาอย่างหล่อครับ(ผมว่ามันหล่อสำหรับผมอ่ะนะ ^^")
รื้อทำทั้งคัน ทำสีใหม่หมด ชุบ ปัดเงา กะว่าทริปนี้ขี่หล่อแน่นอน เหอๆๆ



ทำรถเสร็จมาวันอังคาร ออกทริปวันพุธเลย ไม่ได้เทส ไม่ได้ลอง
ช่างบอกเดี๋ยวเทสให้...เอาว๊ะ ไม่เชื่อใจช่างแล้วจะเชื่อใจใคร ลุยๆๆ
ออกสตาร์ทที่นี่ละกัน ปั๊ม ปตท.ดอนเมือง 6โมงเย็นแล้ว เริ่มจะมืด



เลือกที่จะเดินทางตอนกลางคืน เพราะว่ามันเย็นดีครับ
ทางขึ้นเหนือก็ไม่มีอะไรมาก ตรงๆไป เดี๋ยวก้อถึง ^^

ตั้งใจว่าจะล้อหมุน6โมง แต่กว่าจะได้เดินทางจริงๆ ล่อไป 4ทุ่มครับ ทะเลาะกับไฟหน้านิดหน่อย มันไม่ติด เลยหิว หาข้าวกิน เอ้อละเหยไปเรื่อยเปื่อย
เติมน้ำมันใส่แกลลอนสำรองไป200 ซัดยาวเลยครับ สบายใจ อย่างน้อยๆก็มี 100กิโลฯอยู่ในมือ ไม่ต้องคอยเปิดถังดู หมดก็เติมเอา :d
ดูแผนที่แล้วก็ลุยเลย เส้นทางขึ้นเหนือ โอ้ยยย หมูๆ ไปมาหลายรอบแล้ว แต่ขี่อีท่าไหนก็ไม่รู้ มาโผล่ อ.บ้านหมี่ ลพบุรี
เข้าเส้นเรียบคลองชลฯไปโผล่ชัยนาทซะงั๊น เหมือนจะหลง...มั๊ง 55+
โชคดีครับที่มีน้ำมันสำรอง ได้ใช้จริงๆด้วย ทางเปลี่ยวๆในคืนเดือนมืดบนถนนเส้น 3196 ดาวสวยจริงๆครับ เสียดายกล้องไม่เทพ ถ้ายดาวไม่ติด
...แล้วก็มาเช้าที่พิษณุโลกครับ



ขี่คลานๆมาตั้งแต่เมื่อคืน เพราะน๊อตยึดไฟหน้าหายไปตัวนึง เลยไม่กล้าบิดมาก เดี๋ยวไฟหล่น
ขี่ไปเรื่อยๆ แวะตัวเมืองอุตรดิตถ์หาซื้อน๊อตครับ



ร้านนี้ละกัน เห็น ksr แต่งเทพจอดอยู่คันนึง ต้องมีอะไหล่บ้างละน่า



เจ้าของร้านชื่อพี่หนึ่งครับ สอบถามได้ความว่า ksrคันนี้ แสนกว่า!!
พี่เค้าใจดีครับ ซื้อน๊อตไม่กี่บาท แถมตั้งโซ่ฟรีให้ด้วย พี่เค้าเห็นมันหย่อนน่ะ ผมก้อว่าหย่อนนะ แต่เครื่องมือติดรถมันตั้งไม่ได้นิ ^^"

เป้าหมายคืนนี้ตั้งใจไปนอนที่เชียงรายครับ นอนที่ไหนไม่รู้ แต่ขอเป็นเชียงรายละกัน
จอดเติมน้ำมัน ก็ถามทาง หาข้อมูลไปเรื่อย ร้านนี้อีกประมาณ 100กว่าโลจะถึงเชียงราย



เค้าแนะนำให้ไปภูชี้ฟ้า เค้าว่าสวย ยังไม่เคยไปซะด้วยสิ แต่คนน่าจะเยอะช่วงนี้ ไม่เอาดีกว่า ไปแม่สายละกันถ้าไปทันด่านปิดจะข้ามไปนอนฝั่งพม่า ขำๆ



เส้นทางเดิมเมื่อปีที่แล้ว ถนนหนทางยังดีเหมือนเดิม
ผ่านวัดร่องขุ่น อดแวะไม่ได้ ดูกี่ทีก็สวยครับ...



นั่งพักจิบน้ำเพลินๆ นึกขึ้นได้ ตูว่าจะไปนอนฝั่งพม่านี่หว่า แล้วมานั่งโอ้เอ้อะไรอยู่เนี่ย ว่าแล้วก้อซัดยาวเลย ถึงแม่สาย 5.30น.
ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย นี่ก็ครบ 24ชม.แล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ รถจะฝากที่ไหน หิวก็หิว อะไรฟ่ะเนี่ย นี่ตูไม่ได้เตรียมพร้อมเลยนี่หว่า.......555+

ค่ำไหนนอนนั่น ค่ำแม่สายก็นอนแม่สายครับ :d
ตื่นเช้าอีกวัน ณ.โรงแรมม่านรูดราคา 220บาท หลับยาววว ว ว เลยเมื่อคืน ระยะทางแค่896กิโลฯ วิ่งไปได้ 18ชม.



จะว่าไปม่านรูดนี่ก็เหมาะนะกับการบินเดี่ยว ที่จอดปลอดภัยดี เป็นส่วนตัว จะเช็ดจะล้างก็สะดวก



ถ้ามาเป็นกลุ่ม ก้อเหมามันทั้งหมดเลยก็ได้ ช่องละสองคัน เหอๆๆๆ



แพ๊คของเสร็จแล้ว ก็ไปหาอะไรกินซะหน่อยที่ตลาดแม่สาย



ระยะทางจาก กทม.ครับ 891 กม. ดูจากตัวเลข ผมก็หลงทางไปจิ๊ดเดียวเองนิหว่า 555+



อีกซักครั้ง กับป้ายนี้ เหนือสุดแดนสยาม



แล้วก็ข้ามไปฝั่งพม่าซักหน่อย หาขนมกิน ตลาดฝั่งนี้คึกคักแต่เช้าครับ แตก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ มันก็ประมาณคลองถม ประตูน้ำบ้านเรานี่แหละ



ผมถามเจ้าหน้าที่ที่ด่านว่า ขี่รถเข้าไปเที่ยวได้มั๊ย ได้ครับ ไม่มีปัญหา แต่เค้าก็ถามกลับมาว่า จะไปเที่ยวไหนล่ะ........ตูจะรู้มั๊ยล่ะ ไว้ทริปหน้าละกันนะพม่า



ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ครับ นอกจากตลาด อาหารพม่าฝั่งนี้ บอกตรงๆ ไม่กล้ากิน ต้องขี่รถไกล ไม่สะดวกที่จะแวะขี้ 555+
แต่เห็นอะไรแปลกๆ อดใจไม่ได้ทุกที ^^



ว่าแล้วก้อลาดีกว่าพม่า



ตอนเดินกลับ มีคนขับสามล้อเข้ามาถามตลอดว่าไปเที่ยวมั๊ย ไปวัดๆๆๆ ไปกลับ 100บาทเอง ผมก้อบอก"ไม่ไปๆๆๆ"
พี่แกถามต่อ งั๊นไปเที่ยวผู้สาวมั๊ยๆๆๆ 15-16น่ารักๆเลย....."เท่าไหร่ๆๆๆ" 5-6ร้อยเอง ค่ารถ100เดียวเท่ากับไปวัดเลย
...อืมมม..............^^

ออกจากแม่สาย วิ่งผ่านสามเหลี่ยมทองคำ-เชียงแสน-เชียงของ ก้อแวะไปเรื่อย
ออกทริปขี่รถเที่ยวไกลๆปีละครั้ง ความสุขมันก็อยู่ตรงที่การขี่รถชมวิวนี่แหละ เส้นทางใหม่ๆที่ไม่เคยไป มันเป็นความสุขของคนที่ชอบขี่รถจริงๆ



บางมุม บางวิวที่สวยๆ บางทีก็แค่ขี่ผ่าน แค่มอง แค่ชม ไม่ได้จอดถ่ายรูป เสียดายเหมือนกันนะ แต่บางทีก็ขี้เกียจจอดอ่ะ ^^"

ขี่มาไม่นาน ก็มาถึงแล้วเชียงของ เมืองท่าที่จะข้ามไปฝั่งลาว
หาข้อมูลมาพอสมควรครับ เกี่ยวกับการนำรถข้ามไปเที่ยว ทั้งแผนที่ เบอร์ติดต่ออะไรต่างๆ เตรียมไว้พร้อม....แต่ไม่ได้เอามาด้วยซักอย่าง -___-
ไม่เป็นไร ปากมีก็ถามกันไปครับ ขั้นตอนมันก้อมีอยู่ว่า 1.ไปติดต่อที่ศุลกากรก่อนเลย 2.ไปที่ ตม.(อยู่ข้างๆโรงพักเชียงของ)3.กลับมาที่ด่านเพื่อยื ่นเอกสาร



ขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมาก ง่ายๆเหมือนซื้อตั๋วหนัง ไม่ต้องเสียตังค์ซักบาท...
เสร็จแล้วก็เตรียมตัวข้ามฝั่งได้เลยครับ น้ำมันเติมไปให้เต็มนะครับ ราคาพอๆกับฝั่งลาวแหละ แต่น้ำมันบ้านเราสะอาดกว่า คุณภาพกว่า
ฝั่งตรงข้าม เมืองห้วยทราย ทางผ่านของวันนี้ครับ คืนนี้จะยิงยาวไปนอนเมือง หลวงน้ำทา.....ยังครับ ยังคึกอยู่ ยังไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง เหอๆๆๆ



การข้ามฝั่งก็มีเรือให้เลือกสองอย่างครับ แบบด่วนๆ ไม่ต้องรอ แต่อาจจะต้องลุ้นหน่อยก็นี่เลย...เรือหางยาว



ลุงๆคนขับเรือเค้าคุยว่า บีเอ็มฯgs ก็เอาข้ามมาแล้ว สบายมากๆ น้องไม่ต้องทำอะไรเลย คอยถ่ายรูปอย่างเดียว แต่ผมไม่ใช่ gsนี่หว่า ขอไปลำนี้ละกัน



500 บาทเท่ากันกับเรือหางยาว แต่มันดูปลอดภัยกว่าอ่ะ



10ล้อ รถพ่วง ราคาเรือคันละ 1500 รถตูคันเท่าลูกหมา เก็บ 500 ??



แล้วก้อบ๊าย บาย ฝั่งไทย มุ่งหน้าสู่ฝั่งลาว



รอ ร๊อ รอ ครับ...ใช้เวลานานมาก แค่5นาทีเอง อิอิ



ฝั่งลาวครับ ที่เช็กอินยานพาหนะอยู่ด้านขวามือเลย ตรงบันไดน่ะ



แต่ผมไม่รู้ ด้วยความคึก ล้อแต่พื้นได้ก็ซัดเข้าเมืองเลย...สิ่งแรกที่ทำก็...



แล้วก้อเหมือนนึกอะไรได้ ว่าการเข้าประเทศ มันต้องประทับตราพาสปอร์ทนี่หว่า 555+
ว่าแล้วก็ย้อนกลับไปที่ท่าเรือครับ ไปจัดการให้เรียบร้อย ค่าประกันภัย 250+ค่าต๋งไร้สาระ 50(เจ้าหน้าที่จดข้อมูลรถลงสมุด แค่นั้นเอง)รวม 300 บาท
แค่นี้เองครับ ค่าใช้จ่าย สะดวก ง่ายดาย...แล้วก็จอดรถในเมืองห้วยทราย หาแผนที่ กับข้อมูลเส้นทางซะหน่อย แผนที่มีขาย ของแจกฟรีหมด ไม่เป็นไร ไม่ซื้อ ตูงก...



แล้วก็ออกเดินทางจากเมืองห้วยทราย เวลาขณะนั้น ประมาณ16.30น. หลวงน้ำทา แค่ 150กิโลฯ โอ้ยย ย ย สิวๆ 555+

การออกทริปบินเดี่ยว เที่ยวคนเดียว สิ่งที่น่ากลัวที่สุด น่าจะเป็นรถเสีย
แต่สำหรับผม ผมว่ายางแตกน่ากลัวกว่านะ รถเสียยังพอเข็นได้ ถึงมันจะหนักไปหน่อย
แต่ถ้ายางแตก เข็นไม่ได้ แย่กว่าอีก
ออกจากเมืองห้วยทรายมาได้ 25กิโลฯ เรื่องไม่คาดฝันก็บังเกิด
ขี่ๆมาด้วยความคึกอยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังกึ่ก!!มาจากล้อหลัง แล้วคุณรถสุดหล่อของผมก้อโหลดแป๊กเลย
ในใจก็คิด เยสส ส ส โด้...ยากแตกแล้วว้อย ย ย ย ยางในก็ไม่ได้เอามา ทำไงดีล่ะตู
ปกติแล้วเวลาออกทริปควรจะพกนะครับ ยางในเนี่ย แต่เนื่องจากมันไม่ค่อยแตกกันหรอกยางน่ะ ผมเลยไม่พก
แต่ถึงพกมา กระพ้มก็ไม่มีปัญญาเปลี่ยนเองอยู่ดี ที่สูบลมก็ไม่มี...จบข่าว สำหรับการพกยางใน 555+



จอดรถดูครับ ทีแรกผมยังไม่เห็นโช๊คที่มันหัก ผมก็งงๆ ว่าทำไมมันเตี๊ยลงฟ๊ะ แต่พอดูดีๆแล้ว ตกใจแทบบ้า
นี่มันแย่กว่ายางแตกอีกมั๊งเนี่ย แม่จ้าว วว ว ว
นั่งคิดอยู่แป๊บนึง พอหายตกใจก็คิดออก โช๊คหักก็เชื่อมสิ ง่ายๆ ตูจะตกใจไปทำไม แต่นี่มัน 5โมงเย็นแล้วจะหาร้านได้มั๊ยหว่า
จริงๆแล้วที่ประเทศลาว ตามข้างทางผมจะเห็นร้านที่มีตู้เชื่อม กับหม้อลมเยอะแยะไปหมด ก็ไม่รู้นะว่าเป็นร้านอะไร แต่ผมเห็นเยอะจริงๆ
ซึ่งมันก็เป็นโชคดีของผมแหละ ขี่เอสอาร์แบบโหลดๆไปอีกประมาณสองกิโลฯก้อเจอร้านเชื ่อม...ก็เชื่อมซ้าาา าา



เหตุผลที่มันหัก ผมก็พอจะรู้แล้วว่าเพราะอะไร ไอ้ตัวต่อโช๊คที่ซื้อมาจากร้านแว๊นแถวบ้านนี่แหละต้น เหตุ ใส่แล้วมันจะทำให้หูโช๊คมันบิดตัวได้น่ะ
แค่อยากให้มันสูงๆขึ้น เพราะต้องแบกของหนักนะเนี่ย ก็เป็นเรื่องนึงที่คิดไม่ถึง...แต่ไม่เป็นไร มีปัญหาก็แก้กันไป



แต่อะไรๆมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด กว่าจะเชื่อมเสร็จเกือบทุ่ม กับระยะทางอีกประมาณ 125กิโลฯ คงไม่ดีแน่ ถ้าจะไปต่อ
พี่ร้านเชื่อมเค้าบอกว่า ไปอีกมาณ 30กิโลฯจะมีที่พัก ถ้ากลับไปห้วยทรายก็ 25กิโลฯ...สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับไปนอนห้วยทรายครับ

ตอนที่มานี่อัตราแรกเปลี่ยนอยู่ที่ 255กีบต่อ1บาทครับ แรกเงินมาแค่ 5พันบาท ได้มา ล้านสอง!!



คืนแรกที่ลาวนอนที่เมืองห้วยทรายครับ ค่าที่พักที่ก็อยู่ประมาณ 50000กีบ ราวๆ200บาท ไม่แพงนะ :d
ออกมาหน้าที่พัก มองซ้าย มองขวา เมืองนี้เงียบๆแฮะ



แต่ที่พักก็ดีครับ สะอาด ที่จอดรถปลอดภัย เพราะเค้าให้เอาเข้าไปจอดในบ้านเลย



ว่าแล้วก็สำรวจบาดแผลจากเมื่อวานซะหน่อย เมื่อคืนมันมืดๆเลยยังไม่ได้ดู
นี่เลยครับ ไอ้จุดที่มันหัก เหอๆๆ



ไหนๆก็เชื่อมแล้ว จัดไปสองข้างเลย เชื่อมทั้งบนที้งล่าง จะได้ไม่หักอีก :d



แต่ไม่รู้ว่า มันจะเป็นผลอะไรกับน้ำมันโช๊คข้างในกับซีลของมันรึป่ าว เพราะตอนเชื่อมมันร้อนมากๆ ตอนนั้นลองขย่มๆดูมันก็ยังดีอยู่อ่ะนะ

แพ๊กของเรียบร้อย ก็ออกเดินทางเลยครับ คืนนี้จะไปนอนเมืองหลวงน้ำทา



ฝั่งตรงข้ามคือฝั่งไทยที่พึ่งข้ามมาเมื่อวานครับ ขี่ออกมาก็มองหาร้านอาหารไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะกินอาหารลาว อะไรก็ได้ที่คนลาวเข้ากินกัน



ก็มาเห็นร้านนี้ครับ ริมโขงเลย บรรยากาศดีมากๆ แต่ไม่มีลูกค้าซักคน จอดๆๆๆ



แต่ว่าร้านที่จะกิน อยู่ฝั่งตรงข้าม คนเพียบเลย ดูน่ากินกว่าเยอะ อิอิ



เมนูมีอย่างเดียวครับ ข้าวปุ้น เหมือนเป็นอาหารหลักของคนเลยอาหารแนวเส้นๆเนี่ย ข้าวปุ้น เฝอ ข้าวซอย มีขายเพียบ อร่อยด้วย
ชามแรกที่เค้าแนะนำ ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ไอ้เราก็นึกว่าไอ้แจ่วๆเนี่ยมันต้องประมาณน้ำพริกบ้า นเรา เผ็ดๆแน่ๆ



มาซะใสเลย ปรุงด้วยพริกสด+มะนาว อร่อยดีครับ ชามเดียวไม่พอ ข้าวปุ้นน้ำเฮือด ทีแรกนึกว่าน้ำตก แต่มันคือเลือดนี่เอง คล้ายๆน้ำเงี๊ยว



เสร็จจากมื้อเช้าก็เดินทางต่อเลยครับ ทางเดิมเมื่อวานเลย ผ่านร้านที่ทำโช็คให้ก็โบกมือทักทายกันไป จนมาได้ประมาณ 30กิโลฯ จากถนนดีๆ วิวสวยๆ เริ่มจะเจอทางชำรุดบ้างเล็กน้อย



แล้วก้อชำรุดมาก หรือมันเพิ่งจะเริ่มทำก็ไม่รู้



นึกว่ามันจะจบแค่นั้น



แต่มันม่ายช่าย ย ย ย ย



เป็นแบบนี้ไปหลายกิโลฯเลย



ไม่ไปใต้ หนีฝน หนีน้ำท่วม มาเจอทางฝุ่นซะงั้น แต่ก็ทำใจมาบ้างแล้วครับ มันคงไม่เป็นแบบนี้ตลอดทางหรอกน่า ^^



บ้านพี่น้องชาวลาว มีแต่ฝุ่น




ต้นไม้ข้างทางก็มีแต่ฝุ่น




และแล้วก็พ้นทางฝุ่นมาได้ จอดพักหายใจซักหน่อยครับ เพิ่งจะมาได้ไม่กี่กิโลฯเอง



ข้างทางที่เป็นตลาดครับ เลยจอดลงไปเดินเล่นซักหน่อย ดูบ้านๆดีครับ คล้ายๆกับต่างจังหวัดบ้านเรานี่เอง





แล้วก็เช็ครถซะหน่อย น๊อตยังอยู่ครบ แล้วก็เลอะนิดหน่อย ^^



เส้นทางจากห้วยทรายไปหลวงน้ำทาระยะทางประมาณ 150กิโลฯ ทางมันจะดีอยู่ประมาณ 30กิโลฯแล้วก็เป็นทางฝุ่นๆอีกประมาณ60กิโลฯ
หลังจากนั้นก็ ทางดีครับ มีหลุมบ่อบ้างนิดหน่อยพอให้เสียวเล่น



ป้ายเตือนให้ระวังหินหล่นใส่หัว



ระวังกวาง???



จอดพักดูวิวมาตลอดทางครับ ถ่ายรูปมาเพียบ มีแต่ปริมาณครับ คุณภาพไม่ค่อยได้เรื่อง ^^"




จนมาถึงเมืองหลวงน้ำทาครับ ดูๆไปก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ แต่วิวตลอดเส้นทางที่วิ่งมามันก็คุ้มค่าครับ
ออกเดินทางจากห้วยทรายมาประมาณ 9โมงเช้า ถึงนี่ประมาณบ่ายสองครึ่ง คิดจะไปหลวงพระบางเลย แต่ถามพี่น้องชาวลาวที่เมืองนี้
เค้าบอกว่า มันไกล ไปไม่ทันมืดแน่ๆ ปกติรถยนต์วิ่งประมาณ8ชั่วโมง.....นานจัง





ถามหลายๆคน ก็ได้ข้อมูลคล้ายๆกันครับ ต้องขี่ประมาณ 6-8ชม. นอนที่นี่แหละคืนนี้ คิดในแง่ดี จะได้ไม่เหนื่อยมาก
คิดอยู่ว่าจะขี่ไปอีกหน่อย ให้มันใกล้หลวงพระบาง เพราะตอนนี้เพิ่งจะบ่าย 3เอง ขี่ไปอีกนิดก็เมืองอุดมไซ แต่ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้ นอนนี่แหละคืนนี้
ถามที่นี่เป็นที่แรกครับ คืนละ 200บาท เอารถจอดในบ้านได้ สาวลาวที่ดูแลก็อัธยาศัยดี ขี้เกียจขับรถหาด้วย ^^"




เป็นเมืองเล็กๆครับ ก็มีวัดที่อยู่บนเขา แล้วก็อีกหลายๆวัดให้เที่ยวชม แต่ไม่ได้ไป อาบน้ำแล้วไปหาของอร่อยๆกินดีกว่า :d
ตอนเย็นๆไปขี่รถเล่นในเมือง รอเวลาไปเดินตลาดกลางคืนครับ...ตลาดกลางคืนที่นี่มีแ ต่ของกินครับ อร่อยทุกอย่างรึป่าวไม่รู้ เพราะกินได้ไม่กี่อย่างก็อิ่มแว้ววว ว



ก่อนออกตัวก็ยกล้อโชว์ซะหน่อย................



ว้าาา า า า..........ไม่ขำ 55+

เช้าอีกวันออกมาหน้าที่พักมองซ้าย มองขวา




เมื่อคืนฝนตกครับตอนประมาณตี4 หนักซะด้วย ตื่นมาได้ยินเสียงฝนตอนดึกใจคอไม่ค่อยดี...ตูหนีฝนมา นะเนี่ย เหอๆๆ
ตั้งใจจะออกเดินทาง8โมงเช้า แต่ต้องรอให้ถนนแห้งซะหน่อย ดูท้องฟ้าแล้ววันนี้น่าจะแคล้วคลาด ไม่เปียก :d
เลยไปเดินเล่นตลาดเช้าครับ ตลาดที่ชาวเมืองเค้าไปจับจ่าย ผมเองก็ไปหาอาหารเช้ากินด้วย







เบื้องหลังการถ่ายทำของอาหารเช้ามื้อนี้ครับ ที่ลาว ร้านไหนๆก็ใช้เตาถ่าน ^^



ผัก เครื่องเคียง เห็นเยอะๆแบบนี้ ผมกินเกลี้ยงครับ



ส่วนอาหารเช้าก็......ข้าวปุ้นนี่แหละครับ :d

เสร็จจากมื้อเช้า ก้อเดินเล่นเพลินที่ตลาดแล้วก็ในเมือง โอ้เอ้ไปเรื่อย รอถนนแห้งครับ
แล้วก็กลับแพ๊คกระเป๋าอีกรอบ เตรียมลุยต่อ ได้สองสาวลาวที่เป็นผู้ดูแลที่พักมาเป็นนางแบบให้ครั บ



แล้วก็ออกเดินทางอีกที ถนนหนทางยังดีครับ วิวก็สวย ทุ่งนา ทุ่งหญ้า ภูเขา

ทางดีอยู่ประมาณ 15กิโลฯเองครับ จนมาถึงทางแยกไป บ่อเต็น ชายแดนจีน ซ้ายมือคือทางที่เลี้ยวมา ตรงไปคือทางไปบ่อเต็นครับ
ที่แรกว่าจะไปซื้อโนเกียซักเครื่อง เค้าว่าแถวนั้นมันถูก 555+



เลี้ยวมาปุ๊บก็ต้องหยุดปั๊บเลยครับ เพราะเลี้ยวมาได้ซัก 100เมตรทางมันก็เป็นแบบนี้เลย



ทีแรกก็แค่ถามทางกับคุณลุงที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆทา งว่าทางที่ไปหลวงพระบางชัวร์ๆใช่มั๊ย แกบอกใช่ ก็ลุยไปเลย
แต่ขี่ไปได้แค่ซักร้อยเมตรก็กลับรถมาจอดทำใจซักนิดคร ับ ตลอดทางที่สายตามองเห็น มันเป็นแบบนี้ไปตลอดเส้นเลยอ่ะ



ทำใจซักนิด ได้เอ็มร้อยไปขวดนึง ใจเต็มร้อยแล้วก้อลุยเลยละกัน ขี่ไป ลุยไป นั่งบ้าง ยืนบ้าง แม่จ้าวว ว ว ไม่ชอบเลยทางแบบนี้ ตูอยากชมธรรมชาติว้อยย ย ย



จนมาเจอทางช่วงที่คิดว่าเรียบที่สุด เรียบสุดๆแล้วล่ะถ้าเทียบกับทางที่ผ่านๆมา เช็ครถ เช็คสภาพตัวเองซะหน่อย



ทางข้างหน้า...



แล้วก็ดูสภาพตัวเอง



เครียดเลยตู...



บางช่วงมีหินลอยด้วย ชนเข้าไปคงลอย

หลุดพ้นจากช่วงทางฝุ่น ก็เริ่มจะเห็นทางลาดยาง เจอทางโค้งที่คล้ายๆจุดชมวิว เลยแวะซะหน่อย
เจอวีโก้ไทยด้วยครับ ทักทายพูดคุยกันตามประสา พี่เค้ามาจากเชียงใหม่จะไปหลวงพระบาง
แต่รถดันเกิดอุบัติเหตุชนกับกะบะไทยอีกคัน เชียงใหม่ชนกับอุดรฯครับ บุบนิดหน่อยเองนะ
แต่พี่เค้าไม่เที่ยวละ บอกว่าหมดอารมณ์ กลับเชียงใหม่เอารถเข้าศุนย์ดีกว่า.....ซะงั๊น!!



เด็กๆชาวลาว เล่นอะไรซักอย่าง เหมือนจะเป็นที่นิยมนะ เห็นเล่นกันทุกหมู่บ้านเลย ตกเย็นเห็นออกมาโยนๆๆกัน



วิวข้างทางครับ บ่ายแล้ว ยังไปไม่ถึงไหนเลย



ร่ำลาพี่คนไทยเสร็จ ก็เดินทางต่อ พี่เค้าบอกว่าทางจากนี้ไปจะดี ลาดยางเนียนๆเลย........ตรงไหนฟ่ะ ไม่ได้ต่างจากที่ผ่านๆมาเล้ยย ย ย เหอๆๆ
ก็ขี่มันไปเรื่อยเปื่อยครับ ไม่ได้คิดอะไรมาก ค่ำไหนก็นอนมันที่นั่น มาคนเดียว สบายๆอยู่แล้ว...ไม่มีเต็นท์ แต่ตูมีตังค์เป็นล้านเว้ย ย ย 5555+
ถึงเมืองอุดมไซครับ บ่ายแก่ๆแล้ว ต้องหาอะไรกินหน่อย เลยจอดรถ ถามทาง ถามหาร้านอร่อยๆครับ



หมาลาว หน้าตาเดายาก...มันเป็นมิตรรึป่าวหว่า??



คุณน้าที่ผมถามหาร้านอาหารเค้าแนะนำร้านนี้ครับ เค้าบอกอร่อย ผมเชื่อคนง่ายซะด้วยสิ อิอิ



คนลาวใจดีนะผมว่า อัธยาศัยดีมากๆเลยด้วย หลายคนที่เข้าไปถามทาง เค้าจะเอาน้ำมาให้ ถ้าเค้านั่งกินข้าวอยู่เค้าก็จะชวนกินข้าวด้วย
เคยได้ยินมาว่า การปฏิเสธมันเสียมารยาทสำหรับคนลาว ไม่รู้จริงรึป่าว แต่ผมขอบคุณแล้วก็ปฏิเสธตลอดเลย ^^"
อย่างพี่ๆนี่นั่งกินอยู่ในรูปก็ชวนนั่งด้วยกันครับ
อันนี้แอบส่องบรรยากาศในร้าน เรียบง่ายดี



เมนูที่สั่งผมบอกแม่ครัวว่า เอาอะไรก้อได้เผ็ดๆราดข้าว+ไข่ดาว เค้าก็จัดให้ครับ ผัดพริกสารพัดพริก+ไข่ดาว อร่อยดี :d

อิ่มท้องแล้วก็สำรวจเมืองซะหน่อย รวมแล้วมันก็เมืองนั่นแหละครับ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ หรือผมไปไม่ทั่วก็ไม่รู้
เลยตัดสินใจเดินทางต่อ ไปหลวงพระบางละกัน พอออกจากเมืองอุดมไซมา ทางมันก้อดีๆแย่ๆมาตลอด แต่จะหนักไปทางแย่มากกว่า




ขี่มาจนเย็น ประมาณ4โมงเย็นได้ เริ่มรู้ตัวแล้วว่า มืดก่อนถึงแน่ๆ หลวงพระบางเนี่ย
จอดถามทางให้ใจเสียอีกที กับสาวๆกลุ่มนี้ ได้ความว่าอีก 3-4ชม.กว่าจะถึง...มืดชัวร์ เหอๆๆ



สาวๆรุ่นน้าๆกลุ่มนี้ก้อใจดีครับ มีแซว มีแหย่ ไม่ค่อยชินครับ โดนหญิงแซว 555+
เค้าบอกที่เมืองนี่ก็มีที่พักราคาถูกด้วย น่าจะพักที่นี่นะ จะได้กินเบียร์ด้วยกัน ว่าแล้วเค้าก็รินเบียร์ลาวส่งมาให้แก้วนึง"ขอบใจหลาย "
กระดกซะเรียบเลย กำลังกระหาย ^^"
ทำใจอยู่แป็บนึงครับ แล้วก้อขี่ต่อ ทางช่วงนี้จนถึงหลวงพระบางค่อนข้างดีครับ พอจะขี่เร็วได้
ใจนึงก็อยากจะค้างนะ ถ้าสาวๆกลุ่มนี้อายุน้อยกว่านี้ซักหน่อยนะ ฮึ่มๆๆ 5555+

ขี่มาได้ไม่นานก็มืดจนได้ จากที่เคยคิดไว้ว่าทริปนี้ขี่เอามันส์ ค่ำไหนนอนนั่น...แต่ค่ำตรงนี้จะนอนตรงไหนอ่ะ ^^"



ก็ขี่มันมาเรื่อยๆครับ มืดช่างมัน ไม่รีบ เน้นปลอดภัย เดี๋ยวไม่จบทริป :d
ถึงหลวงพระบางประมาณทุ่มครึ่งหาที่พักได้ก็ออกมาหาอะ ไรกินเลย หิวมากๆ ย่านถนนคนเดินร้านอาหารเยอะครับ
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ฝรั่ง กินเสร็จก็เดินเล่นถนนคนเดินซักหน่อย










ส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าพื้นเมือง แล้วก็งานแฮนด์เมดครับ บรรยากาศคล้ายๆถนนคนเดินริมหนองจองคำที่แม่ฮ่องสอน ^^