
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ
ไม่ประสงค์ออกนาม
สวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับกับโบราณ ลิซึ่ม
.................................................. .................................................. ............................................... .]..
เจ้าป่าคือเสือไซร้จะใช่หนูตัวจ้อย
หนูก้อคือหนูไซร้จะใช่จ้าวป่า
**ฅนทุกฅนมีขาก็ต้องเดิน**>>>>>>ครับผมเห็นด้วยกับตรงจุดนี้
เมื่อคนเราทุกคนมีขาที่ต้องเดิน
บางครั้งการตัดชิ้นเนื้อเพื่อรักษาอวัยวะที่สำคัญเอา ไว้
ก็ต้องเลือกวัดกันว่าเนนื้อร้ายชิ้นนั้น
จะทำให้อวัยวะอย่างอื่นที่สำคัญต่อการ "เป็น คน" หรือ
เป็นเจ้าป่านั้น
หากข้าวบางเม็ดที่เราใช้กินเพื่อทำให้ชีวิตประทังมาไ ด้
โดยที่แม้แต่ชาวนาไม่เคยออกปากเรียกร้อง
ผมคิดว่า ถ้าเจ้าป่าและหนูกินข้าวหม้อเดียวกัน
คงไม่คิดว่าข้าวเม็ดเล็กเม็ดนั้น
จะเป็นบุญคุณล้นฟ้ามหาศาล
ในขณะที่ถึงหนูตัวนั้น
จะไม่มีข้าวไว้ให้เจ้าป่าได้กิน
อย่างน้อยๆ เจ้าป่าจะรู้ดีแก่ใจว่า
ข้าวดอกฤา....ที่ทำให้หนูและเจ้าป่า
ต้องมาแยกทางกันเดินต่างวิถีของสัตว์ที่จะเป็น
สัตว์บางชนิด ไม่จำเป็นต้องพึ่งจมูกหรือกลิ่นสาปของเสือใหญ่
มาใช้ในการสร้างบารมีให้ใครต้องก้มหัว
บางคร้งหนูตัวจ้อยนี่เองที่กัดเชือกที่พันธนาการเจ้า ป่าไว้
ด้วยคำว่าข้านี่แหละ"ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าป่า ไม่เกรงกลัว
ต่อสิ่งใด" เชือกอันนิดเดียวที่รัดรึงเจ้าป่าไว้
กลับกลายเป็นบ่วงเงื่อนตาย
ที่ผูกมัดรัดคอตัวเองเสียตั้งแต่ยังไม่ทันได้หวนคิดว ่า
"แค่เชือกเส้นเล็ก และมิตรภาพจากเจ้าหนูตัวจ้อย
ที่เคยหยิบยื่นให้เจ้าป่าได้ยืนชูคอพองขนได้อย่างทุก วันนี้
ไม่ได้มีค่า ราคาใดมากไปกว่าราคาของข้าวเพียง 1 เมล็ด"
ฉะนั้น ในวันนี้หากหนูตัวจ้อย คิดเลือกเส้นทางที่ไม่มีกลิ่นสาป
ของเจ้าป่าอีกต่อไป
นั่นก็เพราะเจ้าป่าตัวนั้น
ได้สลัดทั้งลายที่คิดว่ามีไว้เพื่ออวดบารมี
และคงเหลือไว้เพียง
ลายพรางของแมวบ้านที่ไล่จับหนู
แต่ยังคงหลงตนอยู่ในเงา
ของกระโหลกใส่น้ำของตนเอง
ว่า "ข้ายังคงเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่"
ในเมื่อวันนี้
เจ้าป่าไม่คงเหลือบารมีอย่างคำเล่าอ้าง
และยกตนข่มท่านด้วยข้าวเพียง 1 เมล็ด
หนูตัวจ้อยที่เคยร่วมเคียงร่วมทาง
คงต้องเลือกหาหนทาง
ที่คิดว่าจะไม่หลงอยู่ในเงาของเจ้าป่า
ผู้หลงลืมอีกต่อไป
**บุญคุณเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ หากบุญคุณนั้น เป็นบุญคุณของ
ความเป็นเนื้อแท้ มิใช่ก้อนกรวดที่เก็บได้จากป่าช้า"
ฉันขอเป็นเพียงหนูตัวจ้อยที่วิ่งหามิตรภาพแท้จากเหล่ า
ผองเพื่อน ดีกว่าการจมปลักอยู่ในหนองบึงของความอเวจี
ฅนทุกฅนมีจมูกเอาไว้หายใจ
หนูตัวจ้อยใช้จมูกเจ้าป่า
แล้วเป็นจ้าวป่าแล้วไซร้
เป็นเจ้าป่าบารมีเสือใหญ่
หยิ่งผยอง ทดลองบารมี
ข้าวสุกหนึ่งเม็ด
ไม่ตอบแทน
จ้าวป่าตัวจ้อย อดสู
ลืมดูภาวะตัวเอง
บุญคุณต้องทดแทน
แม้นเพียงข้าวสุก
เม็ดเล็ก หนึ่งเม็ด
ถ้าไม่มีข้าวสุกเม็ดนั้น
ข้าวหนึ่งเม็ดไม่ตอบแทน

ชื่นชมอย่างหาที่เปรียบเปรยเสียมิได้
แด่เจ้าป่าผู้หลงเงา
หนองน้ำในปลักคงไม่ใสพอที่จะทำให้เจ้าป่าอย่างท่านได ้ส่องดูเงาของตน
น่าอดสูใจเสียยิ่งนัก
ที่นอกจากหลงเงาแล้ว แววตาและหัวใจของท่านช่างมืดบอดเสียเหลือเกิน
สดุดีและไว้อาลัยคำกลอน
ตุ้ย...โบราณลิซึ่ม
(ประธานกลุ่ม)
Bookmarks