ขอคัดลอกมาจากเวบ nonlany.woldpress.com เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตลาดน้อย ซึ่งมีร้านเซ่งง่วนฮง ตัวแทนจำหน่ายราเล่ห์ด้วย น่าสนใจดีเลยขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อครับ
ตำนานราเล่ย์21
มิ.ย.
ย้อยกลับไปเมื่อ 92 ปีที่แล้ว (ค.ศ.1919) มีผู้ชายคนหนึ่งให้บริการรับซ่อมจักรยาน และ รับปะยางอยู่ใต้ต้นโพธิ์ หน้าวัดญวน (ตลาดน้อย) ด้วยความอัธยาศัยดี ก็พูดคุยกับลูกค้าไปตามประสาคนรักจักรยาน วันหนึ่งมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาตินำจักรยานมาให้ปะ ยาง พูดคุยกันสนุนสนานจนชาวต่างชาติชวน ผมว่าคุณน่าจะเอา จักรยานราเล่ย์ มาขายในไทยนะ ด้วยความมัธยัสถ์ อุตสาหะ มาโดยตลอด ทันทีที่โอกาสเหมาะมาถึง ความพร้อมก็มี เลยขอเซ้งห้องแถวหน้าวัดญวน จำนวน 5 ห้อง เปิดร้านขายจักรยานราเล่ย์ สมัยนั้นเทียบกับค่าครองชีพแล้ว ราคาจักรยานถือว่าสูงมากทีเดียว 800-1200 บาท/คัน ทำให้ลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่มีแต่เถ้าแก่แถวทรงวาด นำใช้ขนข้าวสาร เป็นวงล้อ 28 นิ้ว ในร้านมีให้เลือกตั้งแต่ จักรยานเด็ก จักรยานผู้ชาย จักรยานผู้หญิง 5 ห้องแถวเต็มไปด้วยจักรยาน เวลานั้นก็มีหลายยี่ห้อในตลาด อย่างใก้ลกันก็มี ชาร์ปเทพนคร นำ ฮัมเบอร์ เข้ามา แต่หลังจากที่ชาร์ปเทพนครเปลี่ยนสายธุรกิจมาทำเครื่อ งไฟฟ้า ก็ได้ยกยี่ห้อฮัมเบอร์ ให้ทางร้านป็นตัวแทนขาย ด้วยจักรยานทั้งสองนำเข้าจากประเทศอังกฤษเหมือนกันทำ ให้คันใหญ่มากเมื่อเทียบกับสรีระของคนไทยแล้ว คันที่ขายได้เยอะสุดๆ จึงเป็นจักรยานผู้หญิง ถ้าใครได้ผ่านมาแถวเยาวราช จะสามารถยังชายสูงไวขึ้นจักรยานด้วยท่าแปลกจากพวกเรา ปฏิบัติกัน วิธีการขึ้นจักรยาน ที่ต้องเอาเท้าเหยียบบันไดหนึ่งข้างแล้วไถ่ไปข้างหน้ าให้มีแรงส่งไปก่อนแล้วค่อยขึ้นค่อมจักรยาน เวลาจอดก็จะลงมายืนข้างจักรยาน จักรยานราเล่ย์ขายดีมากๆ ถึงขนาดทุกจังหวัดจะมีตัวแทน
จุดเปลี่ยนของธุรกิจอยู่ในช่วงย้อยหลังไป 30 ปี มอเตอร์ไซด์เข้ามาแทนที่จักรยาน และ จักรยานเองก็มีรูปแบบแตกต่างออกไป คนเปลี่ยนมาใช้จักรยานเสือหมอบ และเสือภูเขาแทน ด้วยเงินลงทุนที่ทางโรงงานราเลย์ในอังกฤษมียังจมอยู่ กับจักรยานที่ยังขายไม่ออกทำให้ไม่สามารถขยายการผลิต จักรยานแบบอื่นๆ ได้จนต้องปิดกิจการ ออร์เดอร์สุดท้ายที่ทางร้านสั่งคือปี ค.ศ. 1984 ก็ยังค้างอยู่ในร้าน ระหว่างนั้นทางร้านก็หยุดกิจการจักรยานมาทำด้านรถยนต ์
ช่วงปี พ.ศ. 2534-2535 ทางร้านก็ได้สั่งผลิตประเทศใต้หวันผลิตจักรยานเสื้อภ ูเขายี่ห้อ SGH ซึ่งเป็นของทางร้านเอง เกิดวิกฤติอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2540 เกินภาวะเงินบาทลอยตัว ทำให้ตลาดจักรยานเงียบลงอีกครั้ง นอกจากจักรยานแล้วทางร้านยังก็ยังขายอะไหล่จักรยานอิ นเดีย และทางร้านยังมีการร่วมทุนกับไต้หวันผลิต ฟรี จักรยาน และแล้วก็มีการนำเข้าสินค้าจากจีน ทำให้สินค้าที่สั่งจากอินเดียแพงกว่านำเข้าจากจีน ทางร้านก็ถูกผลกระทบอีกครั้ง
มุมมองของโอกาสธุรกิจจักรยานกลับมาอีกครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง 3 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากปีแรก เห็นความคึกคัก แต่ยังกั๊กๆ เรื่องของจากจักรยาน เนื่องด้วย ไม่มีเวลาปั่น ไม่ที่ที่ปั่น ไม่รู้ซื้อแบบไหนดี และ กลัวหาย พอปีที่สอง เริ่มเห็นการนำเข้าจักรยานมือสองจากญี่ปุ่น ทำให้ราคาจักรยานในตลาดถูกลงคนสามารถหาซื้อมาเป็นเจ้ าของได้สบายกระเป๋าเงินมากขึ้น ทำให้เหมือนมีการละลายพฤติกรรมของช่วงปีแรกๆ ลง ในปีล่าสุด คือปีที่สาม คนปั่นจักรยานเยอะขึ้น เข้าถึงข่าวสารของจักรยานได้ง่ายขึ้น
เมื่อประมาณกลางปีที่แล้วทางร้านก็ได้ปรับปรุงร้านให ม่ เพื่อตอบรับการกลับมาอีกครั้งของตลาดจักรยาน ทุกวันนี้ทางร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานยี่ห้อมอนท าเต้ นำเข้าจากประเทศอิตาลี และ เบาะบรู๊คที่นักปั่นทุกคนรู้จักดี เรามีแผนที่จะนำเข้าจักรยานทัวร์ริ่งเร็วๆ นี้
ทางร้านยินดีตอนรับนักปั่นทุกท่าน ด้วยการมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกของสมาคมจักรยานเพื ่อสุขภาพไทยด้วยการแสงบัตรสมาชิกรับส่วนลด 10 % จากปกติ 5%
อยากฝากให้มี ที่จอดจักรยานที่ปลอดภัย มีจุดรวมตัวในเมืองมากขึ้น เช่นพวกร้านที่ตอนรับจักรยานให้ส่วนลดพิเศษ ฝาท่อต่างๆ การรวมตัวของผู้ใช้จักรยานแต่ละชุมชน อยากให้ข่าวสารของงาน car free day ส่งถึงคนกลุ่มนี้ด้วย มีต่างชาติอยู่ในเมืองไทย และ ต่างชาติที่มาปั่นจักรยานในไทยก็เยอะ แต่เขาขาดข้อมูลอย่าง website Thaimtb
ขอขอบคุณ คุณเมธี จิตศรีสุนันท์ สำหรับเรื่องเล่าสนุกๆ ค่ะ
Bookmarks