เพื่อให้บรรยากาศลื่นไหล ต่อด้วยบทความนี้เลยนะครับ
ย้อนอดีตแรกเริ่มมี รถถีบ ในเชียงใหม่
บทคัดย่อ : ปัจจุบันดูเหมือนว่าความเจริญของบ้านเมืองทำให้เกิดก ารเปลี่ยนแปลง ในสังคมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง ที่สำคัญการดำเนิน ชีวิตของคนในอดีตก็เปลี่ยนไปโดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่จ ากที่เคยเป็นเมืองเงียบสงบ
จากเชียงใหม่นิวส์
ย้อนอดีตแรกเริ่มมี รถถีบ ในเชียงใหม่
ปัจจุบันดูเหมือนว่าความเจริญของบ้านเมืองทำให้เกิดก ารเปลี่ยนแปลง ในสังคมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง ที่สำคัญการดำเนิน ชีวิตของคนในอดีตก็เปลี่ยนไปโดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่จ ากที่เคยเป็นเมืองเงียบสงบ ผู้คนมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่าย กลับกลายเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือ ภาพของคนในอดีตก็เลือนหายไปจากความทรงจำ
อดีตเมืองเชียงใหม่เมื่อราว 40-50 ปีที่แล้ว ยังเป็นเมืองเล็กๆ บ้านเรือนยังเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ชาวบ้านมักจะอาศัยการเดินเท้าหรือใช้เกวียนในการขนส่ งสินค้า เมื่อเมืองเชียงใหม่มีความเจริญมากขึ้นมีการค้าขายกั บเมืองต่าง ๆ จึงรับเอาความเจริญของที่อื่นเข้ามา โดยเฉพาะการค้ามีส่วนสำคัญทำให้เชียงใหม่เปลี่ยนแปลง ไป
หลังจากการเข้ามาของรถจักรยาน หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า รถถีบ ไม่นาน ท้องถนนของเชียงใหม่จากที่เคยมีขบวนเกวียน ผู้คนก็เปลี่ยนมาใช้รถถีบมากขึ้น หลังปีพ.ศ.2510 เมื่อทางราชการประกาศห้ามนำเกวียนเข้ามาในเมืองอีก รถถีบจึงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น
เมื่อปีพ.ศ.2360 นักประดิษฐ์ชาวเยอรมันชื่อ บารอน ดราแอส ได้สร้างรถจักรยานขึ้นสำเร็จเป็นคันแรกของโลก จากนั้นรถจักรยานจึงได้แพร่หลายออกไปยังประเทศ ต่างๆ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษมีการตั้งโรงงานผลิตรถจักรยานขึ ้นและส่งจำหน่ายออกไปทั่วโลก
รถจักรยานคันแรกที่เข้ามาสู่ประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นเม ื่อราวรัชกาลที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2423 ผู้ที่นำรถถีบข้ามน้ำข้ามทะเลสู่เมืองไทยเป็นคนแรกคื อ พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ซึ่งท่านได้รับพระบรมราชโองการไปทำราชการ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในปีพ.ศ.2421 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวอังกฤษกำลังตื่นตัวอย่างมากกั บพาหนะสำคัญที่น่าทึ่งเหล่านี้ เมื่อเวลาเดินทางกลับประเทศไทยพระยาภาสกรวงศ์จึงไม่ร ีรอที่จะนำรถถีบกลับมาด้วย โดยท่านได้นำขึ้นน้อมเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอ มเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ไม่แน่ชัดว่ารถถีบรุ่นแรกที่นำเข้ามามีทั้งสิ้นกี่คั น แต่คงเป็นจำนวนไม่น้อยเพราะมีหลักฐานบันทึกว่ามีทั้ง ชนิดสองล้อและสามล้อ นอกจากรถส่วนพระองค์แล้วพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเ จ้าอยู่หัวแล้ว พระเจ้าลูกยาเธอกับพระเจ้าลูกเธออีกหลายพระองค์ก็ได้ รับรถถีบด้วย
เมื่อแรก รถถีบยังไม่มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทย คงเรียกทับศัพท์กันว่า ไบศิเกิล หลังจากนั้นอีก 15 ปีเมื่อพ.ศ.2438 นาย ก.ศ.ร. กุหลาบ จึงได้เรียกว่า จักรยาน ขึ้นเป็นคนแรกและชื่อนี้จึงได้แพร่หลายในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นรถจักรยานจึงได้แพร่หลายเข้ามาสู่เชียงให ม่ เมื่อรัฐบาลอังกฤษได้มีอิทธิพลทางการค้า อินเดียและพม่าตกเป็นเมืองอาณานิคม นักธุรกิจชาวอังกฤษมุ่งหน้าสู่ล้านนาด้วยธุรกิจป่าไม ้ เหมืองแร่และใบยาสูบ การค้าขายในล้านนาเวลานั้น ใช้เงินรูปีของอินเดียและพม่าเป็นหลัก ชาวล้านนาเรียกว่า เงินแถบ
เมื่อการค้าคึกคักและชาวเมืองมั่งคั่ง รถถีบจึงเป็นพาหนะสำคัญทั้งในด้านความจำเป็นและการแส ดงฐานะ รถถีบเข้ามาสู่เชียงใหม่โดยสองทางด้วยกันคือ บรรทุกรถไฟจากกรุงเทพฯสู่ปากน้ำโพแล้วถ่ายลงเรือทวนแ ม่น้ำปิงขึ้นมา ส่วนอีกทางมาจากอินเดีย บรรทุกเรือสู่อ่าวมะตะบันผ่านเมืองมะละแหม่งเข้าสู่ล ้านนาทางบกด้วยขบวนวัวหรือม้าต่าง ด้วยวิธีการนี้ รถถีบบางยี่ห้อซึ่งไม่พบในกรุงเทพและภาคกลาง จึงกลับมาดาษดื่นในภาคเหนือ ทั้งลำพูน ลำปางและแพร่ ในเวลาต่อมา เมื่อรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตานสำเร็จ รวมทั้งอิทธิพลของอังกฤษในล้านนาลดลง การขนส่งทางรถไฟจึงทวีความสำคัญขึ้น ห้างร้านในเชียงใหม่ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นตัวแทนเอเย นต์จำหน่ายให้กับผู้แทนการค้าในกรุงเทพฯ ห้างร้านสำคัญ ๆ ที่ยังยืนยงมาจนถึงปัจจุบันอย่างนิยมพานิชและตันตราภ ัณฑ์ รวมทั้งเลิกกิจการไปแล้วอย่าง เลี่ยวชุนหลี ล้วนต่างเป็นตัวแทนจำหน่ายรายสำคัญในยุคนั้นทั้งสิ้น
น่าเสียดายว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อรถถีบรุ่นคลาสสิคเหล่านี้คืนสู่ความสนใจของผู้ค นอีกครั้ง รถถีบในเชียงใหม่ถูกกว้านซื้อไปจำหน่ายต่อในจังหวัดต ่างๆ โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ปริมาณรถถีบลดลงเท่านั้น ยังส่งผลเสียต่อการสืบค้นทางประวัติศาสตร์เพื่อความร ู้เกี่ยวกับรถถีบในเชียงใหม่
ปัจจุบันมีกลุ่มคนที่เห็นความสำคัญของรถถีบโบราณ มีการออกมาตั้งเป็นกลุ่มเป็นชมรม เพื่ออนุรักษ์รถถีบที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่อย่างแพร่ใ นเชียงใหม่ให้หวนกลับมาดั่งเช่นในอดีตอีกครั้ง
ขอขอบคุณ ชมรมอนุรักษ์รถถีบโบราณเชียงใหม่ เอื้อเฟื้อข้อมูล
div>
Bookmarks