ชวนถีบจักรยาน (คนที่อยู่ใกล้พุทธมณทลสายสอง)

[bum686@gmail.com]

ขอบคุณ..คุณเสรี..นักวางแผนการเดินทาง... ป๋าบูลย์..ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม..คุณชูชาติ..นักผจญภัย..ผู้กล้า น้องรักษ์..ช่างใหญ่ประจำทีม ลุงเน่ห์ผู้ที่ทำให้ทุกคนมีเสียงหัวเราะตลอดเวลาน้องปอนด์เด็กหนุ่มผู้มีอนาคต..ทายาทนักปั่นรุ่นต่อไ ปเสี่ยหมู..คู่ปรับตลอดกาล..
ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ..ทำให้ผมกลับมาอีกครั้ง สามสี่เดือนที่ผ่านมาเจอมรสุม..กะว่าจะเลิกเล่นแล้ว. . ลองกลับมาอีกครั้ง..ตัดสินใจไปปั่นคราวนี้..กลับมาบ้ ากว่าเดิม.คราวนี้ไปไหนไปกัน..จักรยานไม่ใช่แค่ปั่น. .มันเป็นประวัติศาสตร์ของเราทุกคน.ที่มิอาจลืมประสบก ารณ์ดีๆที่มีร่วมกัน..สร้างสรรค์จริงใจ..ทิปหน้าขอเช ิญทุกท่าน...มาเยือนรังสิตเชิญปั่น กรุงเทพฯ-นครนายก อยากให้มาร่วมปั่นกันมากๆ จะได้สร้างสรรค์กิจกรรมดีๆร่วมกันครับ

[Naymodx]

สุดท้ายที่ผมต้องขอบพระคุณ คือรถ 10 ล้อ ที่ให้โอกาสผมถีบรถจักรยานจนถึงเมืองกาญจนบุรี

เจ๋งแจ๋วครับ...

[mommam001]

สุดยอดครับ รักษ์ฮัมเบอร์คู่ชีพทะลุยได้ซะใจจริงๆ

[เสี่ยปาล์ม]

ปั่นกันกระจายเลย....................สุดยอดครับ ผมได้แต่ปั่นไปปั่นมาในตลาด

[bum686@gmail.com]

กลับมายังซ้อมไม่เลิก..ปั่นทุกวัน..วันนี้ใครว่างขอเ ชิญครับ..วันนี้ 18.30 น. ออกสตาร์ดหน้าสนามธูปะเตมีย์ไปทางอำเภอลำลูกกา เลี้ยวซ้ายเลียบทางด่วนทะลุคลอง6เลี้ยวซ้ายกลับรังสิ ต..คลอง1 คิดว่าระยะทางประมาณ 30 กว่าโลครับ ไม่มีพักไม่มีจอดครับ..เสี่ยหมูได้ข่าวไม่ปั่นไม่ซ้อ มเลย..ครั้งหน้าน่าจะได้ยินเสียโอ๊ค..เป็นแน่...ต่อt tboyz ซ้อมหน่อยนะ ครั้งหน้าเค้ามาเยือนเราแล้ว..เชือดให้ครบทั้งหัวหน้ าสาย2..

[ม.หมูสินทวี]

กลับมายังซ้อมไม่เลิก..ปั่นทุกวัน..วันนี้ใครว่างขอเ ชิญครับ..วันนี้ 18.30 น. ออกสตาร์ดหน้าสนามธูปะเตมีย์ไปทางอำเภอลำลูกกา เลี้ยวซ้ายเลียบทางด่วนทะลุคลอง6เลี้ยวซ้ายกลับรังสิ ต..คลอง1 คิดว่าระยะทางประมาณ 30 กว่าโลครับ ไม่มีพักไม่มีจอดครับ..เสี่ยหมูได้ข่าวไม่ปั่นไม่ซ้อ มเลย..ครั้งหน้าน่าจะได้ยินเสียโอ๊ค..เป็นแน่...ต่อt tboyz ซ้อมหน่อยนะ ครั้งหน้าเค้ามาเยือนเราแล้ว..เชือดให้ครบทั้งหัวหน้ าสาย2..

เสาร์นี้น่าจะไปให้ถึงกาจญ์อีกซักรอบนะพี่ ดูซิแรงจะเหลืออีกมั้ยครั้งที่แล้วพอดียังค้างอยู่

[new_hudson]

ขอบคุณ..คุณเสรี..นักวางแผนการเดินทาง... ป๋าบูลย์..ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม..คุณชูชาติ..นักผจญภัย..ผู้กล้า น้องรักษ์..ช่างใหญ่ประจำทีม ลุงเน่ห์ผู้ที่ทำให้ทุกคนมีเสียงหัวเราะตลอดเวลาน้องปอนด์เด็กหนุ่มผู้มีอนาคต..ทายาทนักปั่นรุ่นต่อไ ปเสี่ยหมู..คู่ปรับตลอดกาล..
ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ..ทำให้ผมกลับมาอีกครั้ง สามสี่เดือนที่ผ่านมาเจอมรสุม..กะว่าจะเลิกเล่นแล้ว. . ลองกลับมาอีกครั้ง..ตัดสินใจไปปั่นคราวนี้..กลับมาบ้ ากว่าเดิม.คราวนี้ไปไหนไปกัน..จักรยานไม่ใช่แค่ปั่น. .มันเป็นประวัติศาสตร์ของเราทุกคน.ที่มิอาจลืมประสบก ารณ์ดีๆที่มีร่วมกัน..สร้างสรรค์จริงใจ..ทิปหน้าขอเช ิญทุกท่าน...มาเยือนรังสิตเชิญปั่น กรุงเทพฯ-นครนายก อยากให้มาร่วมปั่นกันมากๆ จะได้สร้างสรรค์กิจกรรมดีๆร่วมกันครับ

แต่ว่าเเดดจะร้อนไหมพี่555
เห็นพี่ๆเค้าอยากซ่อมเมืองกาญกันอีกสักครั้ง555

สุดยอดครับ รักษ์ฮัมเบอร์คู่ชีพทะลุยได้ซะใจจริงๆ

ลองรถครับ ว่าไหวไหมฮ้าๆๆ

ปั่นกันกระจายเลย....................สุดยอดครับ ผมได้แต่ปั่นไปปั่นมาในตลาด

ว่างๆ มาแจมที่สาย๒ได้เลยนะครับ

เสาร์นี้น่าจะไปให้ถึงกาจญ์อีกซักรอบนะพี่ ดูซิแรงจะเหลืออีกมั้ยครั้งที่แล้วพอดียังค้างอยู่

สงสัย อยากขี่อีกแน่เลย
ระยะทางนี้ติดใจกันใหญ่5555555555



ทริปนี้ ดีมากเลยครับ ช่วยกันเสพช่วยกันเล่า
ขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคน ที่ช่วยแต่งเติมฝันผมให้เป็นจริง
ไม่คิดเลยว่าจะมีคนบ้า แบบผมที่คิดจะปั่นข้ามจังหวัด
แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น 555

และขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ที่ให้ความอบอุ่น ตลอดทริป
แม้ไม่ได้อัด แต่อย่างน้อย ผมก้ดีใจที่เห็นลุงอายุ79ปี สร้างชื่อบนความภาคภูมิใจ กับการปั่นครังนี้
ชอบที่ลุงพูด "ตั้งแต่ผมปั่นจักรยานมา วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ปั่นกับกลุ่มไหนไม่เท่ากับกลุ่มนี้"

แต่ยังไงเราต้องอัดกันระยะสั้นต่อไป สร้างสถิติกันใหม่ 5555

[bum686@gmail.com]

เสาร์นี้น่าจะไปให้ถึงกาจญ์อีกซักรอบนะพี่ ดูซิแรงจะเหลืออีกมั้ยครั้งที่แล้วพอดียังค้างอยู่

โอเคหมูน้องรัก.. ยังคาใจ..กองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่

[new_hudson]

โอเคหมูน้องรัก.. ยังคาใจ..กองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่

5555555555 สงสัย ครั้งนี้ต้องเตรียมเอาอาวุธไปด้วยละมั้งครับพี่ฮ้าๆๆ ๆ

รูปนี้คือสุสาน แห่งสงคราม
สุสานทหารสัมพันธมิตร เนื่องจากการเกณฑ์ทหารสัมพันธมิตรมาสสร้างทางรถไฟสาย ยุทธศาสตร์ ผ่านกาญจนบุรีไปประเทศพม่าของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโ ลกครั้งที่ 2 เป็นเหตุให้เชลยศึกพันธมิตรเสียชีวิตลงที่กาญจนบุรีเ ป็นจำนวนมาก ชาวไทยจึงได้อุทิศที่ดินให้เป็นสุสานฝังศพผู้เสียชีว ิตดังกล่าว ซึ่งมีอยู่ 2 แห่ง คือ -สุสานกาญจนบุรี (ดอนรัก) ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนจะเข้าตัวเมือง สุสานแห่งนี้เป็นสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียช ีวิตในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ บริเวณสุสานมีเนื้อที่กว้างขวางสวยงามและเงียบสงบ ชวนให้รำลึกถึงเหตุการณ์การสู้รบและผลลัพธ์ที่ตามมา สุสานแห่งนี้บรรจุศพทหารเชลยศึกถึง 6,982 หลุม


อ้างอิงจากคลิกครับ

บรรยากาศ บ้านปากแพรก


ชุมชนปากแพรกตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณสองฝั่งซ้าย-ขวานอกประตูเมือง ฝั่งด้านเหนือของประตูเมือง เรียกว่าชุมชนบ้านเหนือ และมีวัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) เป็นวัดศูนย์กลางของชุมชน ฝั่งด้านใต้ของประตูเมือง เรียกว่าชุมชนบ้านใต้ และมีวัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) เป็นวัดศูนย์กลางของชุมชน ประตูเมืองอยู่ระหว่างกลางของชุมชนเก่าทั้งสองแห่งนี ้ ถนนเลียบกำแพงเมืองเก่าที่ทอดยาวขนานไปกับแม่น้ำแควใ หญ่พาดผ่านสองชุมชนนี้เรียกว่า ถนนปากแพรก เพี้ยนมาจากภาษาจีน ว่า ปากเผ็ก ซึ่งแปลว่าทางแยก ใน ภาพรวมถนนเส้นนี้ จึงมีวัดสองแห่งอยู่ที่ปลายทั้งสองด้าน และวัดใต้มีความเกี่ยวข้องที่ใกล้ชิดมากกับประวัติศา สตร์สงครามโลกครั้งที่ สอง (โดยเรียกสงครามโลกที่เกิดขึ้นในเอเชียว่า สงครามมหาเอเชียบูรพา) ใน ขณะเดียวกัน พ่อค้า แม่ค้าที่ตั้งบ้านเรือนร้านค้าอยู่บนถนนปากแพรกในชุม ชนบ้านเหนือเองก็มี บทบาทที่สำคัญในสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยเฉพาะต่อการอยู่รอดของเชลยศึกและสถานะของประเทศไท ยหลังสงครามสิ้นสุด ปัจจุบัน บุคคลเหล่านี้ยังได้รับการเชิดชูเกียรติจากประเทศที่ เกี่ยวข้อง เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ เนเธอแลนด์

ในสมัยรัชกาลที่ 3 บ้านเมืองค่อนข้างปลอดศึกสงคราม และการค้ารุ่งเรืองดังที่ทราบกันดีจากประวัติศาสตร์ ผู้คนจึงพากันอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองกาญจน์มากขึ ้นและเริ่มมีการค้าขายกับเมืองราชบุรี คน ที่อพยพมาอาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนหรือไม่ก ็ชาวเวียตนามอย่างที่ กล่าวมาก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้ประกอบอาชีพค้าขายหรือทำเกษตรกรรม และ เริ่มมีการสร้างบ้านเรือนที่ถาวรมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อนหน้านี้ซึ่งสถาปัตยกรรมม ีน้อยเนื่องจากการติด พันกับการทำศึกสงครามกับพม่าข้าศึกเพราะเมืองกาญจน์เ ป็นเมืองหน้าด่านที่ สำคัญของไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และ ต้องทำศึกสงครามมาตลอดจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สงครามทหารครั้งสุดท้ายระหว่างไทยกับพม่าในเมืองกาญจ น์คือ สงครามเก้าทัพ ซึ่งเป็นสงครามที่หมายถึงการปกปักรักษาเอกราชของดินแ ดนไทยไว้ได้ทั้งประเทศ จนถึงทุกวันนี้

อิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมในเมืองกาญจน์เริ่มมีตั้งแต่ใ นสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกผสมจีน บ้านเดี่ยวบนถนนปากแพรกมักเป็นบ้านคหบดี โดยใช้ทั้งพักอาศัยและทำการค้าด้วย ส่วนห้องแถวใช้เป็นร้านค้า บ้านเดี่ยวมักก่ออิฐถือปูน แปลนมักเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเสมอกันทั้งชั้นล่างช ั้นบน มักมีมุขด้านหน้า หลังคารูปหน้าจั่ว ทรงปั้นหยา ชายคายื่นออกมาเล็กน้อยประมาณ 1 มตร บางหลังตกแต่งหน้าจั่วด้วยลวดลายปูนปั้น ประตูมีทั้งบานลูกฟัก บานฟี้ยมแบบเรียบ หน้าต่างสูงคล้ายประตู มีช่องลม บางแห่งฉลุลวดลาย หรือใช้บานเกล็ดไม้และกระจกสี ห้องแถว อาจเป็นสองชั้น หรือชั้นเดียว ทำด้วยปูนซิเมนต์ โครงไม้รวก (ไผ่รวก) มีลักษณะทึบ ปูนซิเมนต์ที่ใช้ในสมัยนั้นสั่งมาจากต่างประทศ (ปูนปอร์ตแลนด์) ช่าง โดยส่วนใหญ่เป็นช่างชาวจีน หรือไม่ก็สร้างเองโดยใช้ลูกมือเป็นคนงานพื้นบ้าน สีส่วนใหญ่จะซื้อ บางแห่งทำสีเองคือนำดินจากทุ่งนาคราชมากรองแล้วผสมกั บน้ำข้าวเหนียวใช้ทา คงทนมาจนถึงปัจจุบัน อาคารบ้านเรือนมีอายุ ๗0 ปีเป็นอย่างน้อย และวัดใต้มีอายุประมาณ ๒๐๐ ปี พอๆ กับกรุงรัตนโกสินทร์

พระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕) เคยเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคจากกรุงเทพมหานครมาเมื องกาญจนบุรีเมื่อ ร.ศ. ๑๒๓๙ (พ.ศ. ๒๔๒๐) หรือเมื่อ ๑๓๒ ปีที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเดินทาง ๗ วันกว่าจะถึงเมืองกาญจนบุรี ช่วงเวลาสามวันที่ได้ ทรงพำนักอยู่ ณ ค่ายหลวงริมแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้วัดเหนือนั้น พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทและทรงม้าไปยั งบริเวณใกล้เคียงซึ่ง รวมทั้งตลาดปากแพรก โดยได้ทรงบันทึกไว้ดังนี้

“... ขึ้นที่ท่าวัดเหนือ ขี่ม้าเจ้าพระยามโนมัยไปตามทางที่เรียกว่าตลาด หนทางกว่าสัก ๑๐ ศอกถึงรั้วทั้งสองข้าง แต่ไม่เหมือนตลาดเมืองอื่น ทั้งสองข้างทางเห็นบ้านกั้นด้วยรั้วไม้รวกสูงๆ ขายของอยู่ในเรือนมีเจ๊กมีญวนบ่อยๆ สิ่งที่ขายเห็นเป็นยาสูบแหละเป็นอย่างมากกว่าสิ่งอื่ น ของเครื่องถ้วยชามหนังมีบ้างเล็กน้อย ของสดพริกนกเป็นพื้น มีศาลเจ้าก่อขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง กับร้านขายเครื่องยาเครื่องของจีนทำใหม่ทีเดียวร้านห นึ่ง...”

นอกจากนี้ ระหว่างการพำนักที่พลับพลาค่ายหลวง ได้ทรงบันทึกเกี่ยวกับแม่น้ำแควไว้ว่า

“... พื้นล่างเป็นกรวด น้ำใสบริสุทธ์เย็นเฉียบกินจืดสนิทดีนัก ทูลกระหม่อมท่านรับสั่งไว้ว่าน้ำในแควใหญ่มีสีเหลือง แควน้อยมีสีเขียว ได้ทรงตักมาทดลองว่าน้ำสองแควนี้ผสมกันเข้าแล้วเป็นด ี กินไม่มีโทษเลย ให้พระยากาญจนบุรีตักส่งเข้าไปกรุงเทพฯ เป็นน้ำเสวย” (เอื้อเฟื้อข้อมูลโดยพลโทรวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์ ประธานชมรมประวัติศาสตร์กาญจนบุรี)

โครงการถนนคนเดิน “๑๗๗ ปีปากแพรก ถนนเก่าเล่าเรื่องเมืองกาญจน์” มีเป้าหมายที่ต้องการจะส่งเสริมทั้งทางด้านสุขภาวะโด ยรวมของชุมชน เศรษฐกิจและการอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของคนในชุ มชนปากแพรกและชาว กาญจนบุรี โดยถนนที่ทดลองเปิดในช่วงแรกนั้นมีระยะทางประมาณ ๑ กม. จากประตูเมืองไปยังวัดเหนือ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเบื้องต้นจากสำนักงานกองทุ นส่งเสริมสุขภาพ (ส.ส.ส.) และจังหวัดกาญจนบุรี และการสนับสนุนด้านอื่นๆ จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวกาญจนบุรีและเจ็ดองค์ก รแนวร่วมภาคเอกชน กาญจนบุรี (สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวกาญจนบุรี, สมาคมชาวแพชาวเรือ, หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี, สภาอุตสาหกรรมกาญจนบุรี, ชมรมโรงแรมรีสอร์ท สนามกอลฟ์ กาญจนบุรี, ชมทัวร์และมัคคุเทศก์ท้องถิ่นกาญจนบุรี และ เครือข่ายอาหารของฝากกาญจนบุรี) วิทยาลัยอาชีวศึกษากาญจนบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โดยหน่วยงานภาครัฐและสมาคมองค์กรภาคธุรกิจเหล่านี้ทำ หน้าที่เป็นผู้สนับสนุน เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำที่จำเป็นอย่างใกล้ชิด การ บริหารจัดการโครงการฯ ดำเนินการโดย คณะกรรมการชุมชนถนนคนเดิน ๑๗๗ ปี ปากแพรก ถนนเก่าเล่าเรื่องเมืองกาญจน์ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่คัดเลือกกันเองภายในชุมชน
อ้างอิงจาก คลิกครับ

[wasant]

ได้แต่เสียดายที่ไม่ได้ไป เมืองกาญจน์ถิ่นเก่าสมัยเรียนแท้ๆ โดยเฉพาะตัวเมืองไปอยู่ที่นั่นสามปีเต็มๆ แต่ก็เต็มอิ่มสำหรับภาพและเรื่องเล่าครับ

[new_hudson]

ได้แต่เสียดายที่ไม่ได้ไป เมืองกาญจน์ถิ่นเก่าสมัยเรียนแท้ๆ โดยเฉพาะตัวเมืองไปอยู่ที่นั่นสามปีเต็มๆ แต่ก็เต็มอิ่มสำหรับภาพและเรื่องเล่าครับ

ไม่เป็นไรครับพี่ ว่างๆ จัดฝั่งธน ไปนั่งรถไฟชมเล่นก็น่าสนุกดีนะครับ



เสียดายรูปนี้zoomเยอะไปหน่อย ไม่ทันสังเกตุ ลุงมีแค่แขน

[new_hudson]

ผมยังเชื่อว่าคนในจังหวัดกาญจนบุรี บางคนเที่ยวจังหวัดของตนยังไม่ทั่ว
เพราะผมคนจังหวัดแพร่ยังเที่ยวแพร่ ไม่ทั่วเลยอิอิ ว่างๆไปกันใหม่ อยากอัดยาวๆ
.ให้สมใจอยาก 555

[new_hudson]

[new_hudson]

[TTBoyz]

Hi , ไปไหนกันหมดครับพี่น้อง