จะหายเหนื่อยไหม เนี้ย (555+)
div>
ความรู้ คู่การปั่น
ท้องสนามหลวง หรือ สนามหลวง เป็นสนามขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังบวรสถานมงคล กรุงเทพมหานคร
ท้องสนามหลวง เดิมเรียกว่า ทุ่งพระเมรุ เนื่องจากใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่น ดิน และพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2398 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก ทุ่งพระเมรุ เป็น ท้องสนามหลวง ดังปรากฏในประกาศว่า ที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น คนอ้างการซึ่งนาน ๆ มีครั้งหนึ่งแลเป็นการอวมงคล มาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า ทุ่งพระเมรุ นั้นหาชอบไม่ ตั้งแต่นี้สืบไปที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น ให้เรียกว่า ท้องสนามหลวง
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
อนุสาวรีย์นี้ เริ่มก่อสร้าง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ออกแบบโดยหม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล ควบคุมการก่อสร้างจนแล้วเสร็จโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ศิลปินผู้ปั้นอนุสาวรีย์คือ นายสิทธิเดช แสงหิรัญ มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2483 โดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม กล่าวในในพิธีเปิดอนุสาวรีย์ว่า
อนุสาวรีย์นี้จะเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญก้าวหน้าท ั้งมวล เป็นต้นว่า ถนนสายต่างๆ ที่จะออกจากกรุงเทพฯ ไปยังหัวเมืองก็จะนับต้นทางจากอนุสาวรีย์นี้ ถนนราชดำเนินซึ่งเป็นแนวของอนุสาวรีย์ ก็กำลังสร้างอาคารให้สง่างามเป็นที่เชิดชูเกียรติของ ประเทศ และเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเก ล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัย จะทำให้ถนนนี้เป็นที่เชิดชูยิ่งความหมาย
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นรูปหล่อลอยตัว ประกอบด้วยรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า สร้างด้วยทองแดง มีความสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน ตั้งบนฐานรูปทรงกลมด้านบนโค้งกลม ลานอนุสาวรีย์ยกสูงมีบันไดโดยรอบ รอบนอกลานอนุสาวรีย์มีครีบทรงแบน อยู่ 4 ทิศ ที่โคนครีบ มีภาพแกะสลักลายปั้นนูน และมีรั้วเตี้ย ๆ กั้นโดยรอบลานอนุสาวรีย์ รั้วนี้ใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอก ฝังดินโผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกันพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระบรมรูปทรงม้า ตั้งอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า สร้างขึ้นในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยนำแบบอย่างมาจากพระบรมรูปของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ที่กรุงปารีส ด้วยฝีมือนายช่างชาวฝรั่งเศส บริษัท ซุซเซอร์ เฟรสฟอร์เดอร์ ในวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หัวเสด็จประพาส ยุโรปครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2450
- ครีบ 4 ด้าน สูงจากแท่นพื้น 24 เมตร มีรัศมียาว 24 เมตร หมายถึง วันที่ 24 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง
- พานรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ สูง 3 เมตร หมายถึง เดือน 3 หรือ เดือนมิถุนายน (ขณะนั้นนับเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ตรงกับเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยนั้น และหมายถึง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญ (นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ)
- ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก (ปากกระบอกปืนฝังลงดิน) โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์ที่มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เลข 75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ. 2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพร ียงของคณะปฏิวัติ
- ลายปั้นนูนที่ฐานครีบทั้ง 4 เน้นถึงเรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหม ายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
- พระขรรค์ 6 เล่ม ที่รายล้อมรอบป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ หมายถึง หลัก 6 ประการของคณะราษฎร
พระองค์เสด็จประทับ ให้ช่างปั้นชื่อ จอร์จ เซาโล ปั้น เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2450 พระบรมรูปสำเร็จเรียบร้อยส่งเข้ามาถึงกรุงเทพฯ เมื่อ วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2451 อันเป็น เวลาพอดีกับงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เนื่องในโอกาสเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ 40 ปี เจ้าพนักงานได้อัญเชิญพระบรมรูปทรงม้าขึ้นประดิษฐานบ นแท่นรองหน้าพระราชวังดุสิต โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดด้วยพระองค์เอง
พระบรมรูปทรงม้าสร้างขึ้นด้วยเงินที่ประชาชนได้เรี่ย ไรสมทบทุน ส่วนเงินที่เหลือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้นำไปสร้างมหาวิทยาลัยขึ้น มีนามตามพระปรมาภิไธยว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับองค์พระบรมรูปทรงม้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จไปทำการตกลงและเลือกชนิดโลหะด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังทรงเสด็จไปประทับเป็นแบบให้นายช่างปั้นหุ่ น ขณะเสด็จประทับอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งพระรูปมีขนาดโตเท่าพระองค์จริง เสด็จประทับอยู่บนหลังม้าพระที่นั่ง โดยม้าพระที่นั่งนั้นมิใช่ปั้นจากแบบม้าพระที่นั่งจร ิง แต่เป็นม้าที่บริษัทได้ปั้นเป็นแบบเตรียมไว้เรียบร้อ ยแล้ว พระบรมรูปทรงม้าหล่อด้วยโลหะทองบรอนซ์ ยึดติดกับแท่นทองบรอนซ์ เป็นที่ม้ายืน หนาประมาณ 25 เซนติเมตร ประดิษฐานบนแท่นรอง ทำด้วยหินอ่อน สูง 6 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร ห่างจากฐานของแท่นออกมา มีโซ่ขึงล้อมรอบกว้าง 9 เมตร ยาว 11 เมตร ตรงฐานด้านขวามีอักษรฝรั่งเศสจารึกชื่อช่างปั้นและช่างหล่อชาวไว้ว่า C.MASSON SEULP 1980 และ G.Paupg Statuare และด้านซ้ายเป็นชื่อบริษัทที่ทำการหล่อพระบรมรูปทรงม ้าว่า SUSSF Fres FONDEURS. PARIS สำหรับแท่นศิลาอ่อนด้านหน้า มีแผ่นโลหะจารึกอักษรไทย ติดประดับแสดงพระบรมราชประวัติและพระเกียรติคุณ ลงท้ายด้วยคำถวายพระพรให้ทรงดำรงราชสมบัติอยู่ยืนนาน[1]
ป้อมพระสุเมรุ
เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ในสมัยนั้นได้มีการสร้างป้อมปราการ 14 แห่งเพื่อป้องกันพระนคร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ป้อมปราการหมดความจำเป็น จึงถูกรื้อถอนไป ป้อมพระสุเมรุเป็น 1 ใน 2 ป้อมที่ยังคงเหลืออยู่ อีกป้อมหนึ่งคือ ป้อมมหากาฬ ชื่อป้อมพระสุเมรุ ได้นำมาตั้งเป็นชื่อถนนพระสุเมรุ
ป้อมพระสุเมรุซึ่งสร้างมาแต่รัชกาลที่ 1 มีลักษณะสวยงามและเป็นประโยชน์ใช้สอยมากมาย มีเชิงเทิน ช่องยิงปืน ห้องเก็บกระสุนดินดำ และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ แต่ก็ชำรุดทรุดโทรมเป็นธรรมดา จนถึง พ.ศ. 2524 กรมศิลปากรได้ ซ่อมแซมบูรณะตามรูปแบบเดิมจากภาพถ่ายในสมัยรัชกาลที่ 5 จนแลดูสง่างามเหมือนเดิม และยังปรับปรุงบริเวณโดยรอบ ให้เป็นสวนสาธารณะอีกด้วย โดยให้ชื่อว่า "สวนสันติชัยปราการ" มีพลับพลา ชื่อว่า "พระที่นั่งสันติชัยปราการ"
ชุมชนโดยรอบป้อมพระสุเมรุ คือชุมชนถนนพระอาทิตย์ มีความเข้มแข็งด้านการมีส่วนร่วมสูงเช่นเดียวกับชุมช นป้อมมหากาฬ แต่มีความหลากหลายสูงกว่า
ในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2326 มีชาวเขมร 10,000 คน มาขุดคลองเชื่อมระหว่างคลองบางลำภู กับ คลองโอ่งอ่าง จนจรดต่อกันเกิดเป็นคลองรอบกรุง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย mommam001 : 07-06-2010 เมื่อ 11:59
ประธานสายมึน
คนบ้ากับรถถีบ Maniac and Bicycle
.จักรยานฝั่งธน.Fang-Thon Bicycle
เสริม และปรุงแต่งเพิ่ม นิดหน่อยครับ
oh.. Ho! มาเยอะเหมือนกันนะเนียะ
ต้องขออภัยพี่เสื้อดำรถคันยาว ผมจำชื่อไม่ได้ ส่วนพี่เสื้อขาวพี่ ไม่แน่ใจว่าชื่อเหน่งหรือโหน่ง
รอผมหน่อย เร่งเครื่องเต็มที่แล้ว
a_tez : พวกเราจอดๆๆๆ จอดกันก่อน
new_hudson:จะจอดทำซากอะไรอีกแล้ว ปั่นมาไม่ถึง 500เมตร
a_tez: เดี๋ยวเรามาถ่ายรูปกันก่อน อนุสรณ์สถาน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย new_hudson : 07-06-2010 เมื่อ 12:23
มาๆ มารวมกันหน่อย เอาอีกสักรูป
เรียงจากซ้ายสุดพี่นรา ถัดมาน้องอะไรเข้ามาดูแล้วรายงานตัวด้วย รู้แต่ว่าเรียนสารพัดช่างอิอิ
พี่nos (ยอด) พี่จอน พี่a_tez(อุ้ย) พี่เสื้อดำจำไม่ได้ พี่เหน่ง น้าจำชื่อไม่ได้น้าที่ทำเครื่องหนัง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย new_hudson : 07-06-2010 เมื่อ 18:16
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย new_hudson : 07-06-2010 เมื่อ 18:17
หลังจากที่พวกเราไปกันมาหลายที่
ก็แวะมาร้านพี่ลา ว่าที่สปอนเซอร์กลุ่ม
ร้านคอมเม่ อยู่ห่างจากป้อม ไม่ไกลมากนัก มาทางสนามหลวงอีก100เมตร
เอ้ามาๆ หันมาหน่อย
พี่นรา:อ้าวพวกนี้ มากินกันผิดแนวคิดทางร้านนิ นั่งร้านนี้ต้องต่างหัวกินฮ้าๆๆๆ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย new_hudson : 07-06-2010 เมื่อ 18:17
โก๋ : อ้าวยกหน่อย ต้อนรับคนมาทีหลัง
mommam001: พี่มนตรี ซวยเเล้วกู ตัวตั้งตัวตี เกือบพลาด
a_tez: มาช้าไม่นับ ต้องซ่อมไม่งั้นไม่ได้ป้ายกลุ่ม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย new_hudson : 07-06-2010 เมื่อ 12:48
หลังจากได้ที่กันนิดหน่อย
หมดไปสองขวด
มาก่อความไม่สงบแถวหน้าวัดพระแก้ว
พี่จอน:พี่ๆๆช่วยถ่ายรูปให้พวกผมหน่อย
ทหาร: อะไรของมันไอ่พวกนี้ ยืนอยู่ดีๆแท้ๆ
หลังจากแยกย้ายกันวัดพระแก้ว
บางส่วนก็ตามมาทางสพานพระปิ่นเกล้า
เนื่องจากกินน้ำเกินพอดี
พี่จอน:เฮ้ยๆ รอแปป จอดยิงแปป กำแพงมองหน้าวะ
a_tez : เอาด้วย พี่ว่าไงน้องว่าตาม
mommam001: อ้าวใครมายิงก่อนเนียะ ********ยิงซ้ำอีกทีดิ
nos :ยิงด้วยๆ
ภาพนี้ไม่ได้ถ่ายไว้เพราะ เหตุการณ์รุ่นแรงมาก
new_hudson: ผมไม่ยุ่งดีกว่า เรามีเยอะกว่ายังไงกำแพงตายแน่ ขึ้นไปถ่ายรูปรอละกัน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย new_hudson : 07-06-2010 เมื่อ 13:54
Bookmarks