เอาไว้ดูเล่นๆ

**HM_man** · 18-01-2007, 17:06

ต่อ

**HM_man** · 19-01-2007, 10:40

ต่อ

**HM_man** · 24-01-2007, 09:09

ต่ออีกนิด

**HM_man** · 25-01-2007, 18:35

สวัสดีครับ................

อะอ่า.....วันนี้นั่งอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำเลยลองพิมพ์ข้อความเล่นๆ ดู เอ้า............ไหนๆ ก็พิมพ์เล่นแล้วเอาแบบมีสาระหน่อยล่ะกันแต่ไม่มากนัก

คุณคิดว่าเครื่อง 2 จังหวะเนี่ย ถ้าจะสร้างออกมา โดยที่ไม่ต้องใช้ออโต้ลูปเลยจะดีไหม em98

em99 สำหรับผมคิดว่าดีนะ........อิ อิ ไม่เปลืองออโต้ลูปและแรงแบบ 2 จังหวะด้วย แต่เราเคยคิดไหมว่าทำไมเขาถึงไม่สร้างเครื่อง 2 จังหวะแบบนี้ออกมา

เพราะสาเหตุง่ายๆ และสำคัญที่สุดคือ ต้นทุนสูงขึ้น และมันมีความใกล้เคียงกับเครื่อง 4 จังหวะมาก

ทำไมนะหรือครับ เพราะหลักการของเครื่องยนต์ 2 จังหวะแบบนี้ จะมีอ่างน้ำมันเครื่องแบบ 4 จังหวะ ไม่ต้องใช้น้ำมันออโต้ลูปผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ดูดเข้าห้องเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อหล่อลื่นข้อเหวี่ยง ลูกสูบ แหวนสูบ แต่ใช้ปั้มน้ำมันเครื่องสูบน้ำมันฉีดใส่ลูกสูบและผนั งกระบอกสูบ เพื่อไม่ให้แหวนสูบติด เป็นไงครับเริ่มคล้าย 4 จังหวะยัง ทีนี้เมื่อไม่ดูดไอดีที่ผสมกันระหว่างออโต้ลูปและน้ำ มันเชื้อเพลิงเข้าห้องเพลาข้อเหวี่ยงแล้วจะเอาไอดีเข ้าห้องเผาไหม้ยังไงล่ะ......ไม่ยากครับเขาใช้ตัวชาร์ จเจอร์หรือโบวเออร์ดูดอากาศแทนไงครับ แต่สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคงไม่มีปัญหานี้แน่ๆ ปัญหามันอยู่ที่เครื่องเบนซินครับ เพราะชาร์จเจอร์หรือโบวเออร์ ทำงานร่วมกับคาบูเรเตอร์ได้ไม่ดีนัก ถึงทำได้ก็ออกแบบยากมาก ดังนั้นต้องติดหัวฉีดอย่างเดียวกับเครื่องดีเซล อ่า.......ใกล้เคียง 4 จังหวะ EFI เข้าอีก ยังไม่หมดครับ เป็นที่รู้กันดีว่าเครื่อง 2 จังหวะมันสร้างมลพิษมากกว่า 4 จังหวะ เนื่องจากเผาไหม้ไม่หมดจด ก็เพราะว่าจะต้องมีไอดีไปไล่ไอเสียครับ ไอดีบางส่วนที่เข้ามาก็เลยออกไปกับไอเสีย แต่ถ้าเครื่อง 2 จังหวะแบบไม่ใช้ออโต้ลูป ไม่มีเหตุการณ์นี้แน่ๆ คือ 1 มันต้องใช้หัวฉีดเนื่องจากใช้ชาร์จเจอร์หรือโบวเออร์ เป็นตัวอัดอากาศ 2 มันต้องวาล์วไอเสียด้วย...................อะนะ....อ าจจะงงนิดๆ สำหรับเครื่องยนต์แบบ 1 วาล์ว ต่อ 1 สูบ แหะๆ จะให้ไม่มีได้ไงล่ะครับ ก็มันมีชาร์จเจอร์หรือโบวเออร์อยู่นี่ ขืนไม่มีอากาศที่อัดเข้ามาก็รั่วหมด ทีนี้แหละใกล้เคียงเครื่อง 4 จังหวะเข้าใหญ่เลย

ด้วยเหตุนี้เขาเลยใช้ออโต้ลูปแทน เพราะมันลงทุนต่ำ และส่วนใหญ่แล้วเราจะพบเครื่องยนต์ 2 จังหวะแบบนี้กับเครื่องดีเซลขนาดกลางและขนาดใหญ่เท่า นั้น เนื่องจากเครื่องยนต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ ถ้าเป็น 4 จังหวะจะมีขนาดที่ใหญ่มากและมีชิ้นส่วนเยอะ......... .........

**HM_man** · 25-01-2007, 18:36

...

**HM_man** · 31-01-2007, 09:50

สวัสดีครับ ก็ผ่านไป 3 วัน แล้วครับหลังกลับจากกาญจนบุรี อิ อิ Cb175 ผมนี่ทำหน้าแตกได้เนียนมากครับ เพราะก่อนหน้าที่จะไป 1 อาทิตย์ ได้ทดสอบวิ่งไป อ. ดอนเจดีย์ ห่างจาก อ. เมือง 34 กม. ไม่มีอาการงอแงเลย และหลังจากนั้นยังใช้งาน ทั้งกลางวันและกลางคืน จนแน่ใจว่าชัวร์..... แต่เชื่อไหมว่าวิ่งออกจากจุดรวมตัวไม่ถึง 5 กม. ของวันจริง มันก็ออกอาการจนได้ เริ่มด้วย
1. แกนเกียร์รูดครับ อันนี้ไม่น่าจะนับรวม เพราะเป็นมาตอนซื้อแล้ว วิธีแก้ไขก็คือใช้ครีมล็อคช่วยบีบเบ้ารูเสียบแกนเกีย ร์แล้วขันน๊อตเข้าไปอีก แต่อย่าแรงนะ เดี๋ยวน๊อตขาด นอกจากวิธีนี้ยังมีสมาชิกแนะนำให้ใช้กระป๋องน้ำอัดลม ตัดเป็นแผ่นมาหุ้มรอบแกนเกียร์ แล้วสวมคันเกียร์เข้าไป แต่รถผมยังไม่ถึงขั้นนั้น
2. ลูกลอยไม่ยอมปิดครับ อันนี้เกิดจากสิ่งสกปรกเข้าไปในถ้วยคาบูเรเตอร์ วิธีแก้คือถอดถ้วยออก และถอดชุดลูกลอย มาทำความสะอาด ทั้งเข็มจ่ายน้ำมัน สลักลูกลอย อย่าลืมหาผ้าหรือกระดาษปูรองนะครับ เพราะผมเกือบซวย เนื่องจากดันทำสลักลูกลอยหล่นลงไปในพื้นหญ้า ดีที่หาเจอ
3. ข้อนี้ไม่รู้เป็นที่อะไรแน่ แต่ผมเคยลงข้อความเกี่ยวกับเรื่องหน้าทองขาวไปว่าถ้า ยิ่งใช้งานบ่อยๆ หน้าทองขาวก็จะสึกหรอมาก อิ อิ ประจักษ์กับตัวเองเลยครับ เพราะอาการนี้คือระยะหน้าทองขาวมันห่างเกิน แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หลังจากซ่อมเสร็จก็ใช้งานมา 3-4 เดือน ไม่เคยดูหน้าทองขาวเลย พอใช้งานเข้าก็สะดุด ดับบ่อย เร่งแล้ววูบวาบ รอบไม่สม่ำเสมอ
4. นอกจากนี้รถผมยังไปแบบทำงานไม่เต็มที่ ก็เพราะคาบูเรเตอร์คู่นี่แหละ สายเร่งดันดึงไม่เท่ากัน เลยต้องปรับให้สายที่ดึงสุด ลดระดับลงมาให้เท่ากับสายที่ดึงไม่สุด เพื่อให้เวลาเร่งเครื่องดีและสม่ำเสมอ อาการนี้ต้องให้ช่างตัดสายและเชื่อมหัวสายใหม่ครับ

อะนะ..........พิมพ์ซะเยอะเลย เดี๋ยวคนอ่านจะเซ็งเสียก่อน พอแค่นี้ก่อนล่ะกันครับ

**HM_man** · 20-02-2007, 14:49

สวัสดีครับ ไม่ได้เข้ากระทู้นานเลย อิ อิ ก็อย่างว่าแหละครับช่วงนี้งานยุ่ง ไม่มีเวลาโดดงาน เรื่องรถก็ไม่ได้ทำเลยครับ วันนี้ก็เลยขออู้หน่อย เอา GL-X ไปทำโช๊คอัพหน้า ซึ่งรั่วได้ใจเลย พอดีเอาไปควบเล่นในกรุงเทพมา หน้าทองขาวก็แตกกระจาย ครับรถที่ใช้หน้าทองขาว ถ้ามันสัมผัสกันไม่ดีจนเกินไป เครื่องยนต์ก็จะรวนไปทั่วเลยครับ และเรื่องเกี่ยวกับอายุของเครื่องยนต์ที่มีอายุการทำ งานที่นานมากก็จะการสึกหรอ จนเกิดความผิดพลาดของระบบไทมิ่ง (อิ อิ ใช้ศัพท์สูง ก็แค่ผิดจังหวะเท่านั้นเอง) อันนี้ต้องไปดูกระทู้เจาะลึกของคุณ Art Longa Vista Bavis.. ครับ ซึ่งได้ให้แนวคิดของธรรมชาติเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ที่สึกหรอไปตามกาลเวลานั้นเอง

**jecked** · 20-02-2007, 16:55

...มาทีไรความรู้เพียบเลยนะครับ...น่าจะปักหมุดเลยนะ ครับ..

**TuB** · 20-02-2007, 22:46

หวัดดีครับพี่
เอ่อ...ถ้าเราจะทำสีรถคันนึงเนี่ยต้องทำยังไงบ้างครั บ
แบบว่าเรื่องถอด - เรื่องประกอบอ่ะครับ
ส่วนเรื่องทำสีจะส่งไปให้ร้านทำแต่การประกอบ - การถอด ผมจะทำเองอ่ะครับ
แบบว่าปิดเทอมอยากทำเองมากกว่าจะได้มีประสบการณ์อ่ะค รับ
อ่ะ...ลืมบอกไปรถผมรถซีดี125นะครับ
ขอบคุณครับพี่/\2 /\2 /\2

**HM_man** · 21-02-2007, 10:04

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ TuB

หวัดดีครับพี่
เอ่อ...ถ้าเราจะทำสีรถคันนึงเนี่ยต้องทำยังไงบ้างครั บ
แบบว่าเรื่องถอด - เรื่องประกอบอ่ะครับ
ส่วนเรื่องทำสีจะส่งไปให้ร้านทำแต่การประกอบ - การถอด ผมจะทำเองอ่ะครับ
แบบว่าปิดเทอมอยากทำเองมากกว่าจะได้มีประสบการณ์อ่ะค รับ
อ่ะ...ลืมบอกไปรถผมรถซีดี125นะครับ
ขอบคุณครับพี่/\2 /\2 /\2

อืม.....................

เรื่องการถอด การประกอบ ถ้าแค่ยกเครื่องลงไม่ผ่าเครื่อง ไม่ยากครับ แต่จะหนักใจเรื่องชุดสายไฟฟ้านี้แหละ

ยังไงก็หาผังการเดินสายไฟสักแผ่นหนึ่ง และถ้ากลัวว่าไม่มั่นใจ ก็ใช้กระดาษกาวเขียนแปะตามสายแต่ละเส้นเลย อาจจะยุ่งยาก แต่ในเมื่อเราไม่ใช่ช่างที่มีความชำนาญ ก็ใช้วิธีแบบนี้แหละครับ

อีกเรื่อง คือ ถ้ายกเครื่องลงแล้ว ตรงปากคาบูเรเตอร์ ให้หาอะไรก็ได้มาปิดไว้ กันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปครับ

ปล. ควรมีผู้ที่ชำนาญไว้ปรึกษาด้วยก็ดี เอาแบบว่าใกล้ๆ บ้านหน่อย เพื่อมีปัญหาจะได้ไปตามเขามาดูครับ

**TuB** · 22-02-2007, 22:13

พี่ครับถ้าเราต่อสายไฟเหมือนเดิมครบมันจะสตาทร์ติดมั ้ย
ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรอ่ะ
แล้วการไล่ไฟหมายถึงอะไรอ่ะครับ
ขอบคุณครับ

**HM_man** · 23-02-2007, 08:18

em93

ติดครับ ส่วนเรื่องที่ถาม เข้าใจว่าจะหมายถึงการไล่สายไฟ คือ ในรถ 1 คันมันมีอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างและหลายจุด การไล่สายไฟ ก็เป็นการหาสายไฟที่จะไปต่อกับอุปกรณ์แต่ละตัวให้ครบ พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราเอาสายไฟโคมไฟหน้า ไปต่อไฟเลี้ยว ผลที่ออกมาก็คือ ไฟเลี้ยวติดตลอดครับ ซึ่งปัญหาแค่นี้ไม่เท่าไร สำคัญตรงที่เราต่อผิดพลาดอย่างแรง ทำให้มันช๊อตกัน อันนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ ผลที่ตามมาอาจจะต้องซื้อชุดสายไฟใหม่ได้

ดังนั้นผมจึงได้บอกไว้ว่า เพื่อความมั่นใจ ให้ใช้กระดาษกาวแปะ และเขียนไว้ว่าสายนี้ต่อกับอะไร ถึงแม้ว่ามันจะมีสีที่ไม่เหมือนกันก็ตามที เพราะเราไม่ใช่ช่างที่ชำนาญงานครับ

ปล. ในปักหมุดผังการเดินสายไฟของท่าน webmaster จะช่วยคุณได้มาก

**TuB** · 23-02-2007, 23:21

อ่ะครับ
ตอนนี้ผมรื้อแล้วครับ แล้วก็ทำแบบที่พี่บอก
รื้อช่วงท้ายหมดแล้ว
แต่ช่วงหน้ากับเครื่องยังไม่ได้ยกลง
หันมามองชิ้นส่วนที่กองอยู่ ยังนึกในใจ
"ซิ_หายแล้วกุจะประกอบได้มั้ยเนี่ยยย"