ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ
Intrepid
ยาวหน่อยครับ เรื่องนี้อยากเล่า วันนี้นั่งๆเรื่อยเปื่อยไป ก็พลันไปนึกได้ถึงใครบางคนที่เราเคยรู้จัก ก็เกิดเศร้าขึ้นมาบอกไม่ถูกอะครับ
นึกย้อนไปประมาณ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กมอปลาย ชอบที่จะเก็บสะสมของจุกจิกโบราณเรื่อยเปื่อยมากกว่าไ ปเที่ยวเล่น half-life หรือวินนิ่งกะเพื่อน ก็เลยจะใช้เวลาว่างในช่วงเสาร์อาทิตย์ ออกเดินทางไปตามย่านเก่าๆ ร้านค้าเก่าๆที่มีห้องแถว ตึกสวยๆในสงขลาเพื่อซึมซับบรรยากาศ + หาอาหารอร่อยๆแถวนั้นกิน หรือเผื่อๆฟลุคก็อาจได้ของเก่าๆติดไม้ติดมือกลับบ้าน บ้าง ก็ไปเดินแถวๆถนนนางงาม ดูตึกเก่าๆชิโน-โปรตุกีสมากมายที่ยังเหลืออยู่ ในใจนึกว่าวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกล ับบ้านเลย
สายตาก็เหลือบไปเห็นบ้านเก่าหลังนึงตรงหัวมุมแยก ป้ายเก่าๆบอกว่าชื่อร้าน"โยคีเวช" ในร้านมีของเก่าๆเต็มเลย ก็เลยตื่นตาตื่นใจ เข้าไปดูมีทั้งถ้วยชามรามไห รวมไปถึงขวดยาและกระปุกยานู่นนี่เก่าๆ ฉลากสวยๆ เหมือนที่เราชอบเก็บเลย คนเฝ้าร้านเป็นยายแก่ๆ อารามดีใจก็เลยขอถามซื้อ ผลที่ได้รับก็คือถูกดุมาหน้าหงายเลยครับ hahaha
แกบอกว่ามีคนมาถามจะซื้อของในร้านเยอะแต่ไม่ได้ขายเพ ราะพวกนี้เป็นของที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแกที ่เป็นร้านขายยาเก่า ถ้าแกขายหมดแกก็แค่ได้เงินแต่ถนนสายนี้ล่ะ?? ต่อไปจะเหลืออะไรไว้ดู คนที่เขามาเที่ยวเขาก็อยากจะดูของเก่า อยากซึมซับบรรยากาศเก่าๆ ถ้าเรามาเอาไปหมดอีกไม่นานถนนสายนี้ก็หมดค่า ของบางอย่างอาจดูเหมือนไม่ค่อยมีประโยชน์เช่นขวดเก่า ๆ แต่เมื่อมันไปอยู่ในที่ของมันเช่นในตู้ไม้ที่ร้านนี่ มันก็จะมีคุณค่าทางยุคสมัยของมันมา มันเคยอยู่กัยที่นี่มานาน คุณค่าทางจิตใจมันมากกว่าราคาของ แกก็เลยให้ขายไม่ได้แต่ถ้าอยากมาถ่ายรูป อยากมาดูอยากมาคุยกับแก แกไม่ว่าอะไร
ได้ยินแบบนี้อารมอยากซื้อก็หมดไปเลยครับ มีแต่ความซาบซึงในคนรุ่นเก่าๆแบบนี้มาแทนที่ ก็เลยนั่งคุยกันยาวเลย เรื่องซื้อของก็เปลี่ยนไปเนเรื่องอื่น ความเป็นมาถนนนี้ บ้านหลังนี้ ชีวิตผู้คนสมัยก่อน ข้าวของในร้าน ก็คุยกันสนุกครับกลายเป็นถูกคอกัน ชวนแกคุยเรื่องรถถีบแกก็บอกสมัยก่อนแกก็มีพ่อแกไปหาม าให้จากปีนั แต่มันจะคันใหญ่กว่านี้มาก(ชี้ไปที่รถ 26 บ้านตรงข้าม)แล้วก็มันจะโค้งๆ มีเชือกกันกะโปรงเข้าล้อด้วย แล้วหุ้มโซ่ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ จำไม่ได้แล้วว่ายี่ห้ออะไรแต่หุ้มโซ่มันไม่มีช่องกลา ง(ผมเข้าใจไปว่า อาจจะเป็นหุ้มโซ่ทึบแบบซันบีมรึเปล่า ถ้างั้นก็สุดยอดเลย)
บนหิ้งมีรูปผู้ชายนุ่งโจงกระเบนจูงมือเด็กใส่ชุดที่น ่าจะราคาแพง แกบอกนั่นรูปแกสมัยเด็กๆ แกเล่าให้ฟังว่าพ่อเคยส่งแกไปเรียนที่ปีนัง(ตามความน ิยมของผู้ดีสงลายุคก่อนๆ) แล้วกลับมาต่อที่ไทย แกเลยพูดอังกฤษได้ ฟังแขกก็รู้เรื่อง
จนสุดท้ายกลายเป็นว่าสนิทกันครับ ไปสงขลาทีไรก็มักจะไปนั่งที่ร้านแกเสมอๆ ไปนั่งฟังเรื่องเล่าที่แกสรรหามา เรื่องญี่ปุ่นบุกสงขลา เรื่องนู่นเรื่องนี่ ไปนั่งฟังแกเล่าเพลินๆ ดูร้านที่สวยๆเก่าๆ ซื้อขนมไปฝาก แต่ก็ไม่ได้มีใจอยากจะได้ของในร้านแกอีกเลย แต่ชอบที่จะไปดูและให้มันอยู่ในที่ของมันไว้อย่างนั้ น(แกอยู่บ้านคนเดียวครับ ถ้าจำไม่ผิด เป็นเหมือนคนแก่ที่นั่งเฝ้าของเก่าๆในบ้าน)
หลังจากนั้นผมก็สอบติดเตรียมทหาร ก็ต้องมาอยู่กรุงเทพ บ้านก้ไม่ค่อยได้กลับไปแล้ว พอกลับไปอีกทีจะไปหาแกปรากฏว่าร้านโยคีเวชไม่มีแล้ว ป้ายร้านหายไปไหนไม่รู้ แล้วของเก่าๆในบ้านก็หายสาปสูญกลายไปเป็นร้านอะไรซัก อย่าง(จำไม่ผิดน่าจะร้านน้ำชาสมัยใหม่)
ก็ งงๆ ครับ ลองไล่ถามคนแถวนั้นที่เคยรู้จักก็ได้ทราบว่า คุณยายแกเสียไปแล้ว ลูกหลานไม่มีใครทำต่อก็เปลี่ยนร้านไปเป็นอย่างอื่นไป (ไม่แน่ใจว่าขายบ้านต่อรึเปล่า) คุณยายเสียไปแล้ว ไปพร้อมอดีตความหลังที่แสนสุขของแก วันนั้นได้แต่แอบๆเศร้าเงียบๆ เสียดายที่ไม่ได้มาร่ำลาแก แต่ก็อย่างว่า ใครจะไปรู้(ถ้ายังอยู่ถึงวันนี้ก็คงร้อยกว่าปีครับ) แต่ที่น่าเสียดายที่สุด ก็คือข้าวของที่แกอุตส่าห์เก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลัง ได้ดูพอมาถึงอีกยุคกลับหายสาปสูญไปอย่างไร้เยื่อใย(ไ ม่รู้ว่าขาย หรือเอาไปทิ้ง)เพราะไม่เห็นคุณค่า
Bookmarks