พิมตกว่ะ มันต้องเป็น นานาสาระแน เอ้ย สาระเฉยๆๆ
ช่วยกันนะครับพี่ - น้อง ทุกคนนะครับ
อยากชวนกันมาแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับรถที่รักของเราครับ
ไม่ว่าจะเป็นแบบทั่วไป หรือ DIY แบบฉบับของตัวเองก็ลองดูครับ
เริ่มก่อนละนะ
การจ่ายไอดีของมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ
การจ่ายไอดีที่ใช้อยู่ในรถมอเตอร์ไซด์สองจังหวะจะมีว ิธีที่แตกต่างไปจากพวก 4 จังหวะพอสมควรเอาง่าย ๆ ว่ามันมีรูปแบบเฉพาะตัวของมันเองจะฟังดูง่ายกว่า เพราะว่ารูปแบบการทำงานและโครงสร้างของเครื่องยนต์ระ หว่างเครื่องยนต์สองจังหวะปละสี่จังหวะมีความแตกต่าง กันอย่างชัดเจน แต่เป้าหมายในการจ่ายไอดีของเครื่องยนต์ทั้งสองแบบเห มือนกัน คือการจ่ายไอดีให้เข้าไปในห้องเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ ว
ไอดีที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ความจริงแล้วมันคือส่วนผส มของน้ำมันเบ็นซิลและอากาศ โดยการผสมนี้จะเกิดขึ้นโดยเป็นหน้าที่ของคาร์บูเรเตอ ร์ ซึ่งคาร์บูเรเตอร์นอกจากจะทำให้อากาศหและน้ำมันให้ผส มกันในสัดส่วนที่เหมาะสมอีกด้วย
ในเครื่องยนต์สองจังหวะไม่มีทั้งลิ้นไอดีและลิ้นไอเส ียเพื่อคอยปิด-เปิดและคอยควบคุมประมาณการไหลของไอดีที่จะเข้ามาในกร ะบอกสูบ รวมถึงการคลายไอเสียออกไปหลังจากการเผาไหม้เสร็จแล้ว ซึ่งเครื่องยนต์สองจังหวะจะมีเพียงลูกสูบทำหน้าที่เค ลื่อนที่ขึ้น-ลงอยู่ภายในกระบอกสูบและจะรับการถ่ายทอดพลังงานจากกา รระเบิดส่งต่อไปยังข้อเหวี่ยง โดยลูกสูบเมื่อเคลื่อนที่ขึ้น-ลงแบบนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวปิด-เปิดช่องทางไอดีและไอเสียไปด้วยในตัว ซึ่งเมื่อสมัยแรก ๆ ของเครื่องยนต์แบบสองจังหวะจะใช้ลูกสูบเป็นตัวควบคุม การจ่ายไอดีเข้าสู่ห้องแคร้งค์ โดยให้ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น-ลงแบบนี้นี่แหละเขาจึงเรียกว่าการจ่ายไอดีแบบนี้ว่า "พิสตันวาล์ว" (Piston Valve)
การทำงานของการจ่ายไอดีแบบพิสตันวาล์วจะเริ่มเมื่อลู กสูบเคลื่อนที่ขจากจุดต่ำสุด หรือในทางวิชาการหน่อยเขาจะเรียกว่า "ศูนย์ตายล่าง" ขึ้นไปยังจุดสุดยอด หรือ "ศูนย์ตายบน" ในขณะความดันภายในห้องแคร้งค์จะลดต่ำลงกว่าความดันที ่อยู่ภายนอก เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้เกิดแรงดึงดูดขึ้นและในเวลาเด ียวกันนั่นเองบริเวณชายลูกสูบได้เลื่อนขึ้น จนเริ่มเปิดช่องทางไอดีและเปิดออกสุด โดยช่องทางไอดีนี้จะต่อตรงกับคาร์บูเรเตอร์ จึงทำให้ไอดีสามารถผ่านเข้ามาได้ ตามแรงดึงดูดที่เกิดขึ้นและเข้ามารออยู่ใน ห้องแคร้งค์เพื่อจะไปต่อยังห้องเผาไหม้การที่ไอดีจำน วนนี้จะผ่านเข้าไปยัง ห้องเผาไหม้ได้จะต้องรอให้ลูกสูบเคลื่อนมาปิดช่องพอร ์ทซึ่งมีทางที่เชื่อมต่อกับ ห้องแคร้งค์และมีทางออกอยู่ทางด้านบนก็จะเริ่มเปิดจน เปิดออกหมดเช่นกัน ไอดีจึงสามารถเข้าไปยังห้องเผาไหม้ได้ และเมื่อลูกสูบเลื่อนขึ้นมาอีกครั้งก็จะเป็นจังหวะอั ดและระเบิด ไอดีชุดนี้จะกลายเป็นไอเสียและถูกปล่อยออกทางพอร์ทไอ เสีย
ต่อมาได้มีการพัฒนาการประจุไอดีให้มีประสิทธิภาพดีขึ ้นมาอีก โดยเรียกว่า "โรตารี่วาล์ว" ซึ่งการประจุไอดีแบบนี้ยังคงมีหลักการคล้าย ๆ กับการประจุไอดีแบบพิสตันวาล์ว แต่ว่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่ามีการรั่วไหลของไอดีได้น ้อยลง การทำงานของโรตารี่วาล์วจะเป็น การเพิ่มตรงเพลาข้อเหวี่ยง โดยจะทำเป็นจานและเจาะช่องเอาไว้ในตำแหน่งที่พอดีกับ พอร์ทไอดี เมื่อเจ้าช่องนี้ที่ว่านี้หมุนมาตรงกับพอร์ทไอดีในจั งหวะที่ลูกสูบเลื่อนจากศูนย์ตายล่างขึ้นไปยังศูนย์ตา ยบน หลังจากนั้นโรตารี่วาล์วจะค่อย ๆ เลื่อนมาปิดช่องไอดีพร้อม ๆ กันนั้น ลูกสูบได้เลื่อนลงไปยังศูนย์ตายล่างเพื่อเปิดพอร์ทไอ เสียออกและในขณะเดียวกันยังได้เปิดทรานสเฟอร์พอร์ทเพ ื่อใฟ้ไอดีที่อยู่ใน ห้องแคร้งค์ได้ออกมาขับไล่ไอเสียออกไปและกลวัตรการทำ งานก็จะเริ่มใหม่อย่างนี้อีกครั้ง
ข้อดีของการใช้โรตารี่วาล์วเมื่อเทียบกับพิสตันวาล์ว ก็คือ การออกแบบลูกสูบและกระบอกสูบไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชา ยลูกสูบ (ซึ่งจะต้องคอยปิดและเปิดพอร์ทไอดี) และการรั่วของไอดีจะน้อยลง เนื่องจากมีจานโรตารี่มาช่วยรถหลาย ๆ รุ่นก็ได้ใช้การประจุแบบนี้แต่ต่อมามีการประจุไอดีแบ บ "รีดวาล์ว"
ขึ้นมา ซึ่งได้แก้ไขจุดบกพร่องที่มีกับการประจุไอดีทั้งสองแ บบข้างต้นให้หมดไปและยังได้รับความนิยมอย่างมากจนกระ ทั่งปัจจุบันนี้
การทำงานของรีดวาล์วก็ยังคงใช้หลักการเดียวกันกับสอง แบบแรกเช่นกัน นั่นคือเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่จากศูนย์ตายล่างขึ้นไปย ังศูนย์ตายบน ความดันภายในห้องแคร้งค์จะลดลงและจะทำให้เกิดแรงดูดข ึ้งและแรงดูดนี้เองที่ทำให้แผ่นรีดวาล์วเปิดออก ไอดีจึงสามารถผ่านรีดวาล์วเข้าไปในห้องแคร้งค์ได้ แผ่นรีดวาล์วนี้ในตอนแรกทำจากโลหะบาง ๆ และอ่อนสามารถให้ตัวได้ดี เมื่อโดนแรงดูดมันจะงอตัวได้จนไปชนกับ "แผ่นหยุด" ซึ่งเป็นแผ่นโลหะที่แข็งหว่าปละมีเอาไว้เพื่อป้องกัน ไม่ให้แผ่นรีดง้างมากเกินไป เดี๋ยวนี้วัสดุที่ใช้ทำแผ่นรีดวาล์วนอกจากโลหะแล้วยั งมีทีทำจากคาร์บอนและไฟเบอร๋อีกด้วย
แม้ว่าการจ่ายไอดีด้วยรีดวาล์วนี้จะมีข้อดีอยู่มากก็ จริงแต่ว่ายังมีปัญหาเกิดขึ้นได้เล็กน้อยเมื่อบางคนไ ปปรับแต่งแผ่นรีดนี้เข้า ทางที่ดีแล้วไม่ควรจะไปยุ่งกับมันถ้าเกิดปัญหาใมห้เป ลี่ยนใหม่ไปเลยแต่โดยมากแล้วจะไม่ค่อยมีปัญหาหรอก
ข้อมูลจากนิตยสารนักเลงมอเตอร์ไซค์
Bookmarks