~รายการ สนิมคำราม วาไรตี้~ - หน้า 7
                                
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 7 หน้า แรกแรก 1 2 3 4 5 6 7
กำลังแสดงผล 91 ถึง 99 จากทั้งหมด 99

ชื่อกระทู้: ~รายการ สนิมคำราม วาไรตี้~

  1. #91
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Red face นิยามดีดี ของคำว่า "เพื่อน"



    เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาคุณ

    เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของท่านไว้ในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา

    เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน

    เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป

    เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้

    เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณจะทำตัวเยี่ยงแขก เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง

    เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเ ถียง เพื่อนแท้รู้ดีว่านั่นจะมิใช่มิตรภาพ จนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน

    เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงคุณตลอดไป
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  2. #92
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    เงียบเหงากันจริงๆ
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  3. #93
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Lightbulb กล้องlomo

    ควาหมายของโลโม่
    LOMO LOMO!!



    ทำความเข้าใจกับนัย และความหมายที่แท้จริงของ Lomography เสียก่อน...
    ก่อนที่จะกลายเป็นโลมั่ว นับเป็นความเข้าใจที่ไขว้เขวผิดเพี้ยนอย่างมหันต์ของ คนนักถ่ายภาพ(ไทย)หลายๆ คน ซึ่งเข้าใจผิดเพี้ยนไปว่า

    "การถ่ายภาพแนวโลโม่ ก็คือ รูปแบบการเล่นภาพอีกสไตล์หนึ่ง...ซึ่งจะต้องเป็นภาพท ี่มีสีสันแบบเพี้ยนๆ จัดๆ แป๋นๆ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น?” และพยายามที่ปรับภาพให้มีสีสันออกไปในทำนองนั้น แล้วมักจะนำมาโพสต์โชว์กันว่า
    "นี่แหละ..ภาพสไตล์โลโม่" ล่ะ

    ซึ่ง..หากบรรดาท่านๆ เหล่านั้นได้ศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็จะเข้าใจได้กระจ่างว่า แท้ที่จริงแล้วคำว่าการถ่ายภาพแบบ "Lomo" หรือ "ภาพแนว Lomography" นั้น โดยนัยที่แท้ที่จริงแล้ว... หมายความว่าอย่างไร? มาทำความเข้าใจกับคำว่า Lomography หรือ LOMO กันก่อน

    LOMO โดยนัยดั้งเดิม ก็คือ เดิมทีนั้นเป็นเพียงชื่อยี่ห้อ(ต้นตำรับ)ของกล้องป็อ กแป้ก ราคาถูกๆ คุณภาพต่ำๆ จากสหภาพโซเวียต ซึ่งได้ถือกำเนิดขึ้นมาโดยนโยบายของ ทางการของสหภาพโซเวียตตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้ง ที่สองมาแล้ว (โดยมีวัตถุ-ประสงค์เพื่อการเก็บภาพในสมรภูมินั่นเอง และต่อเนื่องมาจนถึงยุคสงครามเย็น โดยทางสหภาพโซเวียตได้มีเป้าประสงค์ที่จะให้ประชาชนช าวสหภาพโซเวียต ได้เก็บบันทึกเหตุการณ์ทั่วๆ ไปของบ้านเมืองในแต่ละช่วงเวลา ฯลฯ)

    ทำไม?...ภาพที่ได้จากกล้องโลโม่จึงมีลักษณะเช่นนั้น? ดังที่หลายๆ คนมักจะ เข้าใจผิดๆ ว่า เจตนาในการผลิตกล้องฯ ขึ้นมาก็เพื่อ "ต้องการให้มีลักษณะภาพ..เป็นเช่นนั้น"

    แต่.. "เหตุผล(ปัจจัย, ตัวแปร)ที่แท้จริง ซึ่งทำให้เกิดภาพในลักษณะ และคุณภาพภาพเป็นเช่นนั้น" ก็คือ เป็นเพราะด้วยข้อจำกัดของกล้องนั่นเอง กล่าวคือ "เนื่องจากความด้อยคุณภาพของชิ้นเลนส์ ตลอดจนวัสดุที่ใช้ในการผลิตคุณภาพต่ำมากๆ นั่นเอง ฯลฯ"

    วัตถุประสงค์ในการผลิตขึ้นมา : ขอเพียงให้สามารถเก็บภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ได้


    แค่เพียงต้องการให้รู้ว่า
    ใคร? ทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? กับใคร? ฯลฯ เท่านั้นก็พอ

    ชาลิ ปะ

    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  4. #94
    _++อเมริโกย++_ Tangmo...'s Avatar
    วันที่สมัคร
    Aug 2007
    สถานที่
    สนิมคํารามเลย
    ข้อความ
    358
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    17

    มาตรฐาน

    กรูเพิ่งรู้จัก

    www.storm riders.com
    Rust wordRam._cafe"pub
    LOEIcity } fanclub
    0885483038 ตุ๊ก

  5. #95
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    อ้างอิง ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Tangmo... อ่านข้อความ
    กรูเพิ่งรู้จัก
    ซื้อกล้องใหม่ก็ถ่ายรูปมาอวดกันบ้าง
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  6. #96
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Lightbulb ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

    ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์


    ความจงรักภักดีต่อสถาบันอันสูงสุด ถือว่าเป็นหน้าที่หนึ่งของคนไทยทุกคน
    สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลู กหลานเราถึงทุกวันนี้
    พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
    พระองค์ทรงเป็นมหาราชปกครองแผ่นดินโดยธรรม
    พระบารมีอันแผ่ไพศาล ย่อมบริบาลผู้ที่มีความจงรักภักดีตลอดไป

    ไม่ว่าศาสนาไหน ๆ ก็ ต้องมีผู้นำ ทางจิตวิญญาณ
    สอนให้คนเรา มีคุณธรรม และ คิดได้ว่า ชีวิต ต้องการอะไร
    นั่นคือความพอเพียง ถ้าเราพอก็จะไม่เบียดเบียนคนอื่น
    ถ้าเราพอก็จะพอดี ไม่มีกิเลส
    พอเพียงทุกอย่าง พึงพาตนเองได้
    ไม่ใช่วัตถุนิยม

    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  7. #97
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    Lightbulb

    ข้าวโพดสุกต้านมะเร็ง


    ผลงานวิจัยในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกา ตีพิมพ์ผลงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่ง สหรัฐอเมริกาว่า ข้าวโพดหวานที่ต้มสุกแล้ว จะมีฤทธิ์ในการล้างพิษภายในร่างกายได้สูงกว่าปกติ

    ในข้าวโพดหวานตามธรรมชาติ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) อยู่ และมีตัวที่สำคัญคือ กรดเฟรุลิก (Felrulic Acid) จึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลต (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)
    จากผลการวิจัยพบว่า การต้มข้าวโพดที่ 115 องศาเซลเซียส มีผลดังนี้
    เวลาที่ใช้ในการต้มปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระปริมา ณของกรดเฟรุลิก10 นาทีเพิ่มขึ้น 22%เพิ่มขึ้น 240% 25 นาทีเพิ่มขึ้น 44%เพิ่มขึ้น 550%50 นาทีเพิ่มขึ้น 53%เพิ่มขึ้น 900%
    ทำให้สรุปได้ว่า ข้าวโพดหวานที่ผ่านการต้มหรือปิ้ง
    มี
    ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระ และกรดเฟรุลิก
    ซึ่งมีประโยชน์สำหรับร่างกายเพิ่มมากขึ้น
    เมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเป็นเวลานานขึ้น
    แต่จะสูญเสียวิตามินบางตัว เช่น วิตามินซี ไปบ้าง
    อย่างไรก็ตามข้าวโพดก็ไม่ใช่แหล่งที่ดีสำหรับ
    วิตามินซีอยู่แล้ว
    ที่มา : นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 31 ฉบับที่ 6 เดือนกรกฎาคม 2550,
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  8. #98
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน

    ผิวสวยด้วยคอลลาเจน
    คอลลาเจน คือ โปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังของร่างกาย
    ซึ่งสานกันเป็นเครือข่ายชั้นผิวหนัง และเป็นโปรตีนสำคัญต่อความแข็งแรง
    ของผนังหลอดเลือด และช่วยสร้างความตึงกระชับให้ผิว โดยจะทำงานร่วมกับ
    โปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อีลาสติน
    ปัจจัยที่ทำให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน คือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากมลพิษต่างๆ
    เช่น บุหรี่ แสงแดด สารปนเปื้อนในอาหาร และจากการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
    ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป
    การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อขาดคอลลาเจน
    ผิวพรรณที่เคยเต่งตึงจะเริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้น ความยืดหยุ่น
    และความชุ่มชื้นของผิวลดลง

    การเติมคอลลาเจนให้กับผิวเพื่อหวังผลในการชะลอริ้วรอ ย ในวงการแพทย์สามารถ
    ทำได้โดยการฉีดคอลลาเจนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนในเครื่องสำอางก็มีการนำ
    คอลลาเจนไปผสม สังเกตได้จากฉลากที่ระบุส่วนผสมของ ไฮโดรไลซ์
    คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ อีลาสติน โปรคอลลาเจน เอเอชเอ นอกจากนั้นการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ต่างๆ
    ซึ่งจะช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจน
    และช่วยลดการเกิดมะเร็งในร่างกายอีกด้วย
    สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูง
    ในการกำจัดอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรง
    ของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติน

    ที่มา : คอลัมน์ Living Beware นิตยสาร ใกล้หมอ
    ปีที่ 30 ฉบับที่ 12 เดือนธันวาคม 2549
    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

  9. #99
    พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว ตาลีบัน's Avatar
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    สถานที่
    สนิมคำราม
    ข้อความ
    1,018
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 0 ครั้ง ใน 0 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    18

    มาตรฐาน


    ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ สุนัขพันธุ์หายาก และแพงที่สุดในโลก

    สุนัข ที่ไม่กลัวเสือ!
    - มันเป็นสุนัขสายพันธุ์โบราณ
    - ถิ่นที่อยู่ บริเวณเอซียกลาง และอินเดีย
    - มีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า Do-khyi ซึ่งแปลว่า สุนัขที่ต้องถูกผูกไว้ ( tied dog) เนื่องจากอุปนิสัยที่หวงถิ่นฐาน
    และดุร้าย จึงต้องผูกไว้เพื่อความปลอดภัยของบุคคลภายนอก

    - ขนาดและน้ำหนักใหญ่ที่สุดที่เคยมีบันทึกไว้ สูงกว่า 80 เซ็นติเมตร หนักกว่า 110 กิโลกรัม
    - ขนาดความสูงตัวมาตรฐาน 61 - 72 เซ็นติเมตร
    - น้ำหนักตัวมาตรฐาน 45 - 72 กิโลกรัม

    - มีลักษณะขนสองชั้น และยาว เพื่อป้องกันความหนาวเย็น
    - พวกมันเป็น 1 ในสายพันธุ์สุนัข ที่ ตัวใหญ่ที่ในโลก สายพันธุ์หนึ่ง ด้วยส่วนสูงมากสุดกว่า 80 เซ็นติเมตร หนักกว่า 110 กิโลกรัม
    - มาร์โคโปโล( Marco Polo ) เคยบันทึกการพบเห็นสุนัขพันธุ์นี้ไว้ว่า " พวกมันสูงเท่าลา และมีเสียงดังดุจสิงโต "
    - พวกมันเป็น 1 ในสายพันธุ์สุนัข ที่ หายากที่สุดในโลก สายพันธุ์หนึ่ง คาดการว่ามีสายพันธุ์แท้หลงเหลืออยู่เพียง ประมาณ 100 ตัวเท่านั้น

    - พวกมันเป็น 1 ในสายพันธุ์สุนัข ที่ ดุร้ายที่สุดในโลก สายพันธุ์หนึ่ง โดยชาวธิเบต กล่าวว่าพวกมัน ดุร้าย กล้าหาญ
    และแข็ง แกร่งจนสามารถต่อสู้กับหมี หรือ เสือ ที่บุกเขามากินฝูงสัตว์ที่มันดูแลได้ทีเดียว
    - ด้วยทั้งหลายทั้งมวลนี้ทำให้ สุนัขสายพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟ เป็น สุนัข ที่ แพงที่สุดในโลกไปโดยปริยาย

    ปัจจุบัน จีนห้ามส่งออก ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ และประกาศให้เป็นสัตว์สงวนของชาติ
    ในทิเบต เวลาชาวบ้านนำจามรีและแกะไปเลี้ยงในทุ่งกว้าง จะพา ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ ไปด้วยทุกครั้ง
    นอกจากนี้ในอดีตยังเป็นสุนัขคู่กายของเจงกิสข่าน ขุนศึกแห่งมองโกเลีย เวลาออกศึกสงครามเพื่อไล่ล่าศัตรู
    ราคาขายปัจจุบัน 1 แสน - 1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรูปร่างสุนัขด้วย ถ้ารูปร่างสวย พ่อแม่สายพันธุ์ดี ราคาก็แพงขึ้น
    สุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟ ได้ทำลายสถิติ สุนัข ที่ แพงที่สุดในโลก ด้วยราคา 20 ล้านบาท
    โดยเศรษฐีนี ชื่อว่า นาง Wang ได้พาเรตขบวนรถ 30 คันไปรับ เจ้าพันธุ์สุนัข ทิเบตัน มาสทิสส์
    ที่มีชื่อว่า Yangtze River Number Two อย่างใหญ่โตถึงเมือง Shaanxi เพื่อเป็นการต้อนรับสู่บ้านใหม่



    น่ารักมั้ยครัย ^ ^~












    ตัวนี้ครับที่ราคา20ล้านบาท

    "ชีวิตนั้นสั้น ศิลปะยืนยาว"

    "มีข้าวกินเพราะควาย มีแผ่นดินไทยก็เพราะช้าง"



    นึ่นิคำ
    มื

หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 7 หน้า แรกแรก 1 2 3 4 5 6 7

Bookmarks

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •