จำมาเล่าเรื่องvespa

**Lam Station** · 25-10-2006, 00:03

ต้องขอโทษก่อนน๊ะครับ...ที่บังอาจจำเรื่องเวสป้ามาเล ่าสู่กันฟัง...หากมีผู้รู้รู้ และผมจำมาเล่าขาดตกอะไรไปบ้างก็ต้องขออภัยมา ณ ที่ด้วยครับ...

VESPA STORY
ย้อนหลังกลับไปก่อนที่จะยานยนต์อเนกประสงค์ที่ใครต่า งรู้จักดีที่เรียกขานกันว่า “เวสป้า”นั้น โรงงานแห่งนี้มีมีประวัติย้อนหลังที่น่าสนใจกว่า 60 ปี ธุรกิจของครอบครัว PIaggioนั้นมีชื่อเสียงในแวดวงยานยนต์ขนส่งนานัปประก ารอาทิเครื่องบิน รถไฟ เรือโดยสารสุดหรู กระทั่งเรือใบขนส่งสินค้า ไม่แปลกหากประสบการณ์ที่ยาวนานกับยานยนต์แขนงต่างๆ นั้นจะผลักดันให้ท้ายสุดรถจักรยานยนต์ VESPA ถือกำเนิดขึ้นในเดือนเมษายน 1946
1884 Rinaldo Piaggio ก่อตั้ง Article of Association of Societa . Rinaldo Piaggio ตอนนั้นเขาอายุเพียง 20 ปี ซึ่งถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จได้อย่า งรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำทาง ทหารของอิตาลี ยุทธนาวีส่วนใหญ่ที่มีใช้ในกองทัพ จึงถูกสร้างขึ้นจากโรงงานของ Piaggio แห่งนี้นี่เอง ระหว่างจากสงครามโลกครั้งที่ 1 (1915) โรงงาน Piaggio ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเมือง Pisa ได้รับมอบหมายให้พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิด P108B ซึ่งนอกจากจะได้เครื่องบินที่ทรงอานุภาพแล้ว Piaggio ยังสามารถออกแบบห้องนักบินที่สามารถปรับแรงกดอากาศได ้อีกด้วย ทว่า ระหว่างการทดสอบ P108B มีสิ่งที่ผิดพลาด Bruno ลูกชายของ Mussolini ผู้นำของอิตาลีในเวลานั้น ต้องเสียชีวิตจากสาเหตุเครื่องบินตก ไม่มีใครอยากพูดถึงเหตุการณ์นี้ Piaggio จึงหันมาผลิตเครื่องบินที่ขึ้น/ลงได้บนผิวน้ำแทน หลังจากเปิดโรงงานที่ Pisa ได้ 4 ปี Piaggio ยังไปได้สวยกับธุรกิจเกี่ยวกับการบิน เขาขยายโรงงานไปที่เมือง Pontedera ซึ่งต่อมาโรงงานแห่งนี้ได้กลายศูนย์กลางในการผลิตเคร ื่องบินครบวงจรแห่งใหม่ที่ทีนสมัยที่สุดในยุคนั้น โดยยังคงทำการผลิตเครื่องบินให้กองทัพ และเครื่องบินเพื่อการพาณิชย์… กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าโรงงานผลิตเครื่องบินแห่งนี้จะถูก ทำลายโดยเครื่องบินทิ้งเพชฌฆาตโรงงานคู่แข่งรุ่น B17 ของฝ่ายสัมพันธมิตร Piaggio พังพินาศ…ไม่เหลือชิ้นดี (P 1)
…ยังเหลือสมองกับ 2 มือ..Rinaldo Piaggio และลูกชายของเขา Enrico / Armando ลงมือฟื้นฟูโรงงานขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยกำลังใจที่เปี ่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ ขณะนั้น Enrico วัย 23 ปีที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาทางด้านวิศวกรรม เขาเข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าโรงงานผลิตเครื่องจักรกล ที่เพิ่งถือ กำเนิดขึ้นไม่นาน ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า บวกกับมีผู้สนับสนุนแนวทางพัฒนาเครื่องยนต์ของเขาจึง ทำให้โรงงานแห่งนี้ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียง 6 ปี โรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งนี้เพิ่มจำนวนคนงานจาก 136 คน เป็นเกือบ 7,000 คนได้อย่างน่าทึ่ง และเพราะความเชื่อมั่นที่มีจนอาจ ล้ม!!! สุดท้าย Rinaldo Piaggio จึงได้ถอนตัวจากโรงงานใน Pontedera ทำให้ Enrico Piaggio ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารโรงงานนี้อย่างเต็มตัว และนั่นทำให้ Enrico มองการเปลี่ยนแปลงแนวทางของบริษัทอีกครั้งเขาสนใจยาน ยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะส่วนตัวซึ่งกำลังเป็นที่ต้องก ารสำหรับคนในอิตาลี

**Lam Station** · 25-10-2006, 00:05

Corradino D’Ascanio นักออกแบบที่มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรม การบินก็ได้เข้ามาร่วมงานด้วย เริ่มแรกเขาจับงานออกแบบและสร้างเฮลิคอปเตอร์ กระทั่งทดสอบการบินด้วยตัวของเขาเอง ระหว่างทำการบินนั่นเอง เขาได้จัดแสดงงานเกี่ยวกับการออกแบบอย่างอื่นไว้ด้วย ภาพร่างยานยนต์แบบใหม่ที่เรียบง่าย ไม่สิ้นเปลือง และมีความสะดวกสะบายและสวยงามควบคู่กันไป ได้รับความสนใจทันที่ Corradino D’Ascanio ไม่ได้ออกแบบรถจักรยานยนต์ ความฝันของเขาคือ การปฏิวัติยานยนต์แบบใหม่ เขาใช้เทคโนโลยีของเครื่องบินผนวกเข้ากับโครงสร้างแบ บชิ้นเดียว ด้านหน้าของรถจักรยานยนต์นี้เป็นง่ามเหมือนล้อลงดินข องเครื่องบิน เพื่อให้มันง่ายต่อการถอดล้อ เขาเรียกขานมันว่า MP6 ในที่สุดยานยนต์ต้นแบบที่ทุกคนใฝ่ฝันไว้ก็ไดถือกำเนิ ดขึ้นจากแบบการผลิตใน เดือนกุมภาพันธ์ 1945 ซึ่ง Enrico Piaggio เรียกขานฉายามันว่า “Semba Una Vespa” เพราะมันมีลักษณะคล้ายกับตัวต่อ
แบบของรถรุ่นแรกเกิดขึ้นจากการนำเอาอะไหล่อะไรก็ตามท ี่มีอยู่ในโรงงานเครื่องบินมาประกอบเข้าด้วยกัน มันมีชื่อเล่นว่า “Paperino” หรือ “Ugly Ducking” (ลูกเป็ดขี้เหร่ เพราะมันงุ่มงาม ขับขี่ไม่สบาย ช้า และดูพิลึก) ทว่า Enrico Piaggio กล้าพอที่จะให้ดำเนินการผลิตรถรุ่นแรกนี้ทันที ภาพร่างของรถสกู๊ตเตอร์คันนี้ใช้เวลา 5 เดือน ด้วยมุมมองของวิศวกรที่ชา ฉลาดผู้ซึ่งประดิษฐ์เฮลิคอปเตอร์แต่ด้วยเวลาที่มีจำก ัดมันสั้นมาก ได้เกิดปัญหาเกิดขึ้นตามมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปัญหาทางด้านเทคนิค ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ แต่การทดลองก็จัดให้มีขึ้นใน เดือนเมษายน ค.ศ.1946 รถสกู๊ตเตอร์คันแรกได้เกิดขึ้นซึ่ง D’Ascanio ทดสอบมันด้วยตนเอง โดยรถของเขาใช้เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ ภาพของเขาได้ถูกพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์เพื่อเผยแพร่สู ่สาธารณชนให้รับรู้อย่างกว้างขวาง
D’Ascanio ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากบรรดาแรงงานที่มีอยู่ เขาใช้เครื่องจักรทำตัวถังที่เบาแต่มีความแข็งแรงพอท ี่จะรับน้ำหนักเครื่องที่อยู่ภายในได้ สามารถปกป้องช่วงขาและเสื้อผ้าของผู้ขับขี่จากสิ่งสก ปรก ล้อหน้าเชื่อมต่อกับเพลาและคันบังคับ มันสามารถเปลี่ยนยางได้อย่างง่ายดาย ด้วยเครื่องยนต์ 98 ซี.ซี. ใช้น้ำมันเพียง 5% ในการติดตั้งเครื่องยนต์ ด้วยระบบทำความเย็นซึ่งถูกติดตั้งอยู่ด้านข้างของล้อ หลัง D’Ascanio เชื่อว่าระบบต่างๆของรถแบบนี้ไม่ควรที่จะซับซ้อน ทุกๆอย่างควรเป็นไปอย่างง่ายๆ ด้วยกลไกลของมันเอง มี 3 เกียร์ที่หมุนปรับโดยแฮนด์ด้านซ้าย D’Ascanio ไม่นิยมการเปลี่ยนเกียร์ที่เท้าเหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่ วไป มันมีน้ำหนัก 175.6 ปอนด์ ความเร็วสูงสุดที่ 45 ไมล์ / ชั่วโมง และความเร็วบนถนนคือ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ใช้น้ำมัน 1 แกลลอน/100 ไมล์ และเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลเพียงเล็กน้อย ...ซึ่งมันเป็ฯที่ถูกใจของผู้ขับขี่
รถสกู๊ตเตอร์สามารถสานฝันของเพจจิโอให้เป็นจริงได้มา กกว่ายานยนต์ทุกชนิดที่ผ่านมา ทั้งในแง่ของประโยชน์ใช้สอย รูปลักษณ์ที่แปลกตา มีส่วนที่ป่องออก/เว้าเข้าเหมือนเอว ส่วนหน้าสยายออกเหมือนปีกเครื่องบิน รวมถึงเสียงเครื่องยนต์แบบ 2จังหวะเหมือนเสียงหึ่งๆของ “ตัวต่อ” (Vaspa แปลว่า ตัวต่อในภาษาอิตาลี)...นี่...คือปรากฏกการณ์ใหม่ของค วามอิสระคล่องตัวของผู้ขับขี่ สามารถใช้งานได้ทั่วไป ขับขี่ท่องเที่ยวในวันหยุด..จากท้องทุ่งที่ว่างเปล่า บนกองเถ้าถ่านของโรงงาน การเดินทางที่ยาวนานของ Piaggio...จากอดีตถึปัจจุบัน...ท่านจะพบความมหัศจรรย ์ที่เกิดขึ้น......

**Lam Station** · 25-10-2006, 00:06

Vaspa Logo History

1945 : เป็นโลโก้ที่ใฃ้กับรถต้นแบบที่สร้างขึ้นในครั้งแรก Vaspa MP6 มีคำว่า PIGGIO อยู่ที่กลางวงกลม ด้านซ้ายมีลักษณะเป็นปีกสยายออกทั้ง 2 ข้างเหมือนกำลังจะบิน นั่นเพราะแบบการผลิตที่เกิดขึ้นได้อิทธิพลมาจากเครื่ องบิน ซึ่งติดตั้งโลโก้นี้ตรงตำแหน่งกึ่งกลางของบังลมด้านห น้าของรถ

1946 : โลโก้ VASPA เป็นลายเซ็นที่เกิดขึ้นจากการตวัดปากกาแบบสมัยก่อนลั กษณะเป็นตัวเอนไปด้านหลัง ผู้ออกแบบได้เขียนคำนี้ขึ้นมาแล้วยังรู้สึกว่าตัวอัก ษรไม่มีทิศทาง จึงทำให้เกิดเส้นใต้ตัวอักษร นอกจากนี้ตัวอักษร “V” ยังมีลักษณะโค้งงอเหมือนส่วนหัวของเครื่องบิน นั่งยังคงสร้างความรู้สึกเหมือนว่าตัวอักษรนี้กำลังจ ะบินโลดแล่นไปในอากาศ

1946 : เป็นโลโก้แบบใหม่ที่ได้รับการออกแบบขึ้น เปรียบเสมือนสัญญาลักษณ์อย่างเป็นทางการสำหรับใช้สำห รับโรงงานที่ผลิตรถจักรยานยนต์ ลักษณะเหมือนโล่สี่เหลี่ยมและใช้ตัวอักษร “P” สีขาวบนพื้นสีฟ้า ด้านข้างมีตัวอักษร PIAGGIO GENOVA บนพื้นสีขาว

1953 : โลโก้ VASPA ในรุ่น 125U เป็นแบบที่ลงสีบนตัวถังโดยใช่สีเขียวเข้ม ไม่เหมือนรุ่นอื่นที่โลโก้เป็นแผ่นโลหะยึดด้วยหมุด แต่ยังคงลักษณะเป็นลายเซ็นที่เกิดขึ้นจากการตวัดปากก าปากแบน

1967 : ทางบริษัทมีความเห็นสอดคล้องให้ทำการออกแบบโลโก้ของโ รงงานขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยใช้ตัวอักษร “P” และ “G” จากคำว่า PIAGGIO ซึ่งนักออกแบบลงตัวโดยการนำตัวอักษรทั้ง 2 ตัวมาสลับหน้า/หลังกัน ซึ่งหลังนำตัวอักษรดังกล่าวมาประกบกันแล้ว มีลักษณะคล้ายกับ “ตัวต่อ” (Vaspa แปลว่า ตัวต่อในภาษาอิตาลี) แถมการรวมตัวของ 2 ตัวอักษรยังบงถึงความมั่นคง แข็งแกร่ง ส่วนกรอบของเส้นนอกนั้นเป็นลักษณะของเส้นตรง 6 เส้นประกอบเป็น 6 เหลี่ยม ซึ่งมันคล้ายคลึงกับลักษณะของรังต่อ และเมื่อนำตัวอักษรดังกล่าวพร้อมคำว่า PIAGGIO (สีขาว) วางตรงกลางของเหลี่ยมที่มีพื้นหลังสีฟ้า ก็นับว่าลงตัวกันพอดี ซึ่งตราสัญลักษณ์ดังกล่านั้นยังคงใช้สืบเนื่องมา...ก ระทั่งปัจจุบัน