เอามาฝากให้อ่านกันครับสำหรับใครที่ยังสับสนเรื่องระ บบรถที่มีแต่ Invoice กับ รถที่เสียสรรพสามิตรแล้ว
/// อ้างอิงจาก ...... http://speedgalleria.com/index.php?topic=334.0 ///
**** รถ Invoice ส่วนมากจะนำเข้ามาในรูปแบบ อะไหล่ชิ้นส่วน เสียภาษีศุลกากร ประเภทอะไหล่ แต่ไม่ได้ เสียภาษีสรรพสามิต ในรูปแบบรถทั้งคัน อย่างน้อย ถ้าเสียภาษีสรรพสามิต แล้วว่าเป็นรถ ทั้งคันประกอบเสร็จ ก็อาจ นำใบที่กรมสรรพสามิต ออกยืนยัน ตัวรถ ไปลองจดทะเบียนที่ กรมการขนส่งได้ นะ อาจจะทำทะเบียนได้ในราคาถูกเหมือนรถทั่วไปก็ได้นะ
ลักษณะที่พี่น้องชาว BIGBIKE ใช้กันอยู่ คือ
1) ชิ้นส่วนอะไหล่ ---------> เสียภาษีศุลกากรขาเข้ารูปแบบอะไหล่ใช้แล้ว ----------->อะไหล่มาประกอบเป็นรถเต็มคันสามารถวิ่งได้ ------------> รถเถื่อน
2) ชิ้นส่วนอะไหล่ ---------> เสียภาษีศุลกากรขาเข้ารูปแบบอะไหล่ใช้แล้ว -----------> ทำอะไหล่ประกอบเป็นรถเต็มคันสามารถวิ่งได้ ------------>เสียภาษีสรรพสามิต ประเภทยานยนต์พาหนะ -------------> รถเต็มคันที่ถูกต้องตาม กม. -------------> เป็นรถNo-Book
ยังไม่สามารถใช้วิ่งตามท้องถนนได้
3) ชิ้นส่วนอะไหล่ ---------> เสียภาษีศุลกากรขาเข้ารูปแบบอะไหล่ใช้แล้ว -----------> ทำอะไหล่ประกอบเป็นรถเต็มคันสามารถวิ่งได้ ------------>เสียภาษีสรรพสามิต ประเภทยานยนต์พาหนะ -------------> รถเต็มคันที่ถูกต้องตาม กม. -------------> นำไปตรวจสภาพ จดทะเบียนที่ขนส่ง -------------> เป็นรถถูกต้องตามกม. สามารถนำมาวิ่งได้ตามปกติ.
ตามหัวข้อที่ 1 เสียแค่ภาษีศุลกากรขาเข้าในรูปแบบชิ้นส่วนอะไหล่ ได้ Invoice แต่นำรถมาประกอบเป็นคันใช้สอย ผิดจุดประสงค์ ถูกจับ เจ้าพนักงานมีสิทธิ์ สังปรับนำรถไม่เสียภาษีป้ายมาวิ่งในทาง ยึดไว้ตรวจสอบว่าเป็นรถจารกรรมมาหรือไม่ เพราะเป็นรถที่ประกอบเองจากชิ้นส่วนอะไหล่ ไม่สามารถชี้ชัดหรือยืนยันแน่ชัดของที่มาในชิ้นส่วนไ ด้ยกเว้นแค่ โครงรถ,และเครื่องยนต์ เท่านั้นที่มีเอกสารทางศุลกากรออกกำกับให้ ทางเจ้าพนักงานมีสิทธิ์ ยึดไว้ตรวจสอบ
และส่งให้ทางสรรพสามิต เทียบปรับปรับอีกครั้ง.
ตาม หัวข้อที่ 2 ตามหัวข้อที่ 1 เสียแค่ภาษีศุลกากรขาเข้าในรูปแบบชิ้นส่วนอะไหล่ ได้ Invoice นำรถมาประกอบเป็นคัน แล้ว ยืนเรื่อง ให้กรมสรรพสามิตตรวจสอบประเมินราคาและเสียภาษี เมื่อผ่านมีหนังสือยืนยัน เทียบเท่าได้กับรถที่ประกอบ สมบรูณ์เป็นรถหนึ่งคันสามารถวิ่งได้ แต่ไม่สามารถใช้ในทางหลวงได้ ถ้าถูกจับโดย ตร. จะเทียบได้กับ รถจักรยานยนต์ เล็ก ที่ไม่มีป้าย หรืออยู่ในระหว่างรอป้าย เจ้าพนักงานจะแจ้งข้อหาเทียบปรับ นำรถที่ไม่เสียภาษีป้ายมาวิ่งในทาง ส่วนเรื่องยึดรถไว้เพื่อตรวจสอบจารกรรมนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขอเจ้าพนักงานเท่านั้น ส่วนจะยึดเพื่อส่งต่อให้ทางสรรพสามิตนั้น คงตกไป เพราะได้ผ่านการตรวจสอบและเสียภาษีแล้ว ถ้าเจ้าของรถมีเอกสารยืนยัน การมีตัวตนของเจ้าของและการเสียภาษีสรรพสามิตที่ถูกต ้อง ก็พ้นจากการยึดรถไว้ตรวจสอบ แต่จะต้องถูกปรับ ในข้อหานำรถที่ไม่เสียภาษีป้ายมาใช้ในทาง.
หัวข้อที่ 3 รถคันนี้ได้เสีย ภาษีศุลกากรขาเข้า,ภาษีสรรพสามิตรูปแบบ ยานยนต์,นำรถไปตรงสภาพและจดทะเบียนป้าย เมื่อผ่านทางกรมการขนส่งทางบก ออกป้ายมาแล้วให้ถือว่าสิ้นสุด รถคันนั้น ได้เป็นรถที่ถูกต้องตาม กม. ที่ได้รับอนุญาตใช้วิ่งในทางได้** เจ้าพนักงานมีสิทธิ์ จับและเทียบปรับได้ (200-400 บาท)ในข้อหา วิ่งขวา,ผ่านไฟแดง,ขับโดยประมาท,ดัดแปลงชิ้นส่วน,อุป กรณ์พื้นฐานไม่ครบ เท่านั้น.
*****เพิ่มเติม*******กรณีวิธีการคำนวณภาษีสรรพสามิต นำเข้าจากต่างประเทศ
ภาษีสรรพสามิต =( C.I.F. + อากรขาเข้า + ภาษีค่าธรรมเนียมอื่นไม่รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ) x อัตราภาษี) หารด้วย 1-(1.1x อัตราภาษี)
***หมายเหตุ ** อัตราภาษีสรรพสามิตตามมูลค่าร้อยละ 3
ตัวอย่างการคำนวณภาษี
บริษัท ผู้นำเข้ารายหนึ่ง นำเข้ารถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ จำนวน 1 คัน ราคา ซี.ไอ.เอฟ. 123,622.08 บาท (คือ ราคาสินค้า + ค่าขนส่ง + ค่าประกันภัย) อากรขาเข้า 89,008.00 บาท และอัตราภาษีสรรพสามิตตามมูลค่าร้อยละ 3
ดัง นั้น***จะต้องชำระภาษีสรรพสามิต = 6,079 บาท พร้อมด้วยภาษีเก็บเพิ่มเพื่อกระทรวงมหาดไทยร้อยละ 10 ของค่าภาษี = 607.9 บาท รวมภาษีต้องชำระ = 6,668.90 บาท
เรื่องน่าคิด(แล้วแต่ท่านจะพิจารณา)
1.รถ จักรยานยนต์พวกนี้ เป็นรถที่นำชิ้นส่วนเข้ามาประกอบเป็นคันภายในประเทศค รับ ซึ่งเป็นการหลบภาษีสรรพสามิตตั้งแต่ต้น ปกติรถที่นำเข้าทั้งคัน จะต้องเสียภาษีนำเข้า (ศุลกากร) ภาษีสรรพสามิต (ศุลกากรเป็นผู้เก็บแทน) อยู่แล้ว แต่พอนำเข้าเป็นชิ้นส่วน ก็จะเสียภาษีศุลกากรอีกอัตรานึง ซึ่งถูกกว่าการเสียภาษีแบบทั้งคัน ส่วนภาษีสรรพสามิตไม่ต้องเสียเพราะยังเป็นชิ้นส่วนอย ู่(ยังไม่เป็นรถ)
2.การประเมินราคา ใช้ราคารถใหม่ในต่างประเทศ(ตอนยังเป็นรถใหม่)อ้างอิง ด้วยบวกด้วยค่าใช้จ่ายในการประกอบอีก
3.อัตรา ภาษี 3% ของราคาประเมิน บวกด้วยภาษีมหาดไทยอีก 10% ของภาษีสรรพสามิต เช่นราคาประเมิน 100000 บาท ภาษีสรรพสามิต 3% คือ 3000 และอีก 10 % ของสรรพสามิต คือ 300 รวมเป็น 3300 ครับ
4.เรื่องเบี้ยปรับ ปกติสินค้าในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต จะต้องเสียภาษีก่อนที่จะนำสินค้าออกจากโรงอุตสาหกรรม ถ้านำออกมาก่อนก็ต้องเสียเบี้ยปรับอีก 2 เท่าของค่าภาษีสรรพสามิต (3000*2=6000) ส่วนเงินเพิ่ม ต้องเสียร้อยละ 1.5 ต่อเดือน นับจากรถออกจากโรงอุตสาหกรรม
5.กรมสรรพสามิตมีเจ้าหน้าที่ฝ่าย ตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม พวกนี้จะออกทำงานกันตลอด ดูสินค้าในพิกัดของกรมฯ (บางทีต้องทำกันตอนกลางคืนด้วย) และบางครั้งจะไม่แต่งเครื่องแบบเพื่อไม่ให้ผู้กระทำค วามผิดรู้ตัว (คล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ)
..............................
ที่มา จากเวปร้าน ส.ยนต์
Bookmarks