วิธีแก้... เมื่อเกิดความเสียหายกับเลนส์ถ่ายภาพ
                                
กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4

ชื่อกระทู้: วิธีแก้... เมื่อเกิดความเสียหายกับเลนส์ถ่ายภาพ

  1. #1
    amcrow's Avatar
    วันที่สมัคร
    Dec 2005
    สถานที่
    -ตัวเดียวอันเดียว-
    ข้อความ
    1,173
    ขอบคุณ
    0
    ได้รับขอบคุณ 8 ครั้ง ใน 7 ข้อความ
    ผลการให้คะแนน
    20

    มาตรฐาน วิธีแก้... เมื่อเกิดความเสียหายกับเลนส์ถ่ายภาพ



    วิธีแก้... เมื่อเกิดความเสียหายกับเลนส์ถ่ายภาพ





    BROKEN LENS ความผิดพลาดและการแก้ไข (FOTOINFO)
    คอลัมน์ SPECIAL SECTION เรื่องโดย : อิสระ เสมือนโพธิ์

    สำหรับนักถ่ายภาพแล้ว แทบทุกคนล้วนต้องการให้อุปกรณ์ถ่ายภาพที่ตนเองใช้อยู ่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อม ใช้งานเสมอ เพื่อให้ผลที่ได้มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่อุปกรณ์ของเรา ทำได้ ความเสียหายของอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง เลนส์หรือแฟลชนั้น นอกจากจะทำให้เสียโอกาส เสียการเสียงานแล้วยังทำให้เสียเงินอีก แต่นั่นอาจจะยังไม่เท่ากับการเสียความรู้สึก โดยเฉพาะถ้ากล้องหรือเลนส์ตัวนั้นพึ่งใช้งานได้ไม่นา นก็จะยิ่งเสียความ รู้สึกมากขึ้น

    ในส่วนของกล้องนั้น ความเสียหายอาจเกิดได้หลายกรณี ทั้งความผิดพลาดจากการผลิต ความผิดพลาดจากการใช้งานผิดวิธีของผู้ใช้เอง หรือการใช้งานหนักจนชิ้นส่วนบางอย่างหมดสภาพ แต่ในส่วนของเลนส์นั้นความเสียหายจะเกิดขึ้นได้หลายร ูปแบบเช่นเดียวกับกล้อง แต่หลาย ๆ อย่างเราสามารถป้องกันได้ ซึ่งจะทำให้เลนส์ของเราอยู่กับเราในสภาพที่สมบูรณ์ได ้นานที่สุด

    ทั้งนี้ ความเสียหายของเลนส์ แบ่งแยกสาเหตุออกเป็น 2 ประเภท คือ เกิดจากความผิดพลาดจากการผลิต และความผิดพลาดจากการใช้งาน มาดูกันว่า มีอะไรบ้าง

    ความผิดพลาดจากการผลิต

    ความผิดพลาดในการผลิตเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ทั้งส่วนของออฟติคและแมคคานิคดังนี้

    1. ชิ้นเลนส์เป็นฝ้า ปัญหาของฝ้าคือ มันทำให้ความใสของชิ้นเลนส์ลดลงเป็นผลให้รายละเอียดข องภาพลดลง ความใสของภาพลดลง ภาพสูญเสียคอนทราสต์และเกิดปัญหาเรื่องแสงฟุ้งเมื่อถ ่ายภาพย้อนแสง หากเป็นมากจะทำให้เลนส์สูญเสียคุณภาพจนไม่สามารถยอมร ับได้

    ปัญหาเรื่องฝ้าที่เกิดจากการผลิตมี 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ

    ฝ้าที่เกิดจากการเสื่อมของกาวที่ใช้ยืดชิ้นเลนส์ (Compound Elements) และ ฝ้าที่เกิดจากการยืดเกาะของคราบและความชื้นบนผิวโค้ท เลนส์ กว่าร้อยล่ะเก้าสิบห้าของการเกิดฝ้าจนทำให้เลนส์เสีย หายมาจากฝ้าในคอมปาวน์ ของเลนส์ โดยเมื่อกาวที่ใช้ยึดชิ้นเลนส์ประกบเสื่อม ความชื้นจะแทรกเข้าไปในช่องว่างระหว่างชิ้นเลนส์ทำให ้ผิวเลนส์บริเวณนั้น เกิดคราบเกาะ ความใสของชิ้นเลนส์จะลดลง การเสื่อมของชิ้นเลนส์ประกบเหล่านี้จะเป็นมากขึ้นเรื ่อย ๆ และมักจะเกิดจากขอบนอกของชิ้นเลนส์แล้วไล่ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดชิ้นเลนส์จะขุ่นไปทั้งชิ้น

    ฝ้าชนิดนี้ไม่ได้เกิดที่ผิวนอกจึงไม่สามารถล้างได้ ต้องเปลี่ยนชิ้นเลนส์แต่เพียงสถานเดียว ซึ่งราคาชิ้นเลนส์นั้นไม่ใช่ถูก ๆ เริ่มตั้งแต่ 2,000-20,000 บาทเลยทีเดียว หากมีให้เปลี่ยนก็ยังพอทำใจได้ แต่ถ้าเลนส์ตกรุ่นไปแล้ว ไม่มีอะไหล่ชิ้นเลนส์ให้เปลี่ยน ก็คงกลายเป็นที่ทับกระดาษ

    การแก้ไข หากมีชิ้นเลนส์ใหม่ให้เปลี่ยนก็ควรเปลี่ยนชิ้นเลนส์ (แต่ชิ้นเลนส์อะไหล่เหล่านี้ก็จะมีโอกาสเกิดฝ้าได้อี ก เพราะผิดพลาดตั้งแต่ขั้นตอนการผนึกชิ้นเลนส์เช่นเดีย วกัน) แต่ถ้าไม่มีชิ้นเลนส์ให้เปลี่ยนก็ยังมีช่างฝีมือที่ส ามารถซ่อมได้ โดยนำเลนส์ไปแช่น้ำยาเป็นเวลานานเพื่อให้ชิ้นเลนส์ปร ะกบแยกตัวออก จากกันแล้วจึงนำไปล้างผิวเลนส์ นำมาอัดกาวใหม่ก็จะใช้ได้แต่คุณภาพอาจลดไปบ้างเพราะก าวที่ใช้และความหนาของ การก็มีผลต่อระบบออฟติค แต่ถ้ายังไม่แยกช่างมักจะใช้วิธีต้มในน้ำเดือดเพื่อแ ยกชิ้นเลนส์ประกบ

    ฝ้าที่เกิดจากการยืดเกาะของคราบจากความชื้นบนผิวโค้ท เลนส์ พบได้บ่อยมาก เพียงแต่ฝ้าแบบนี้สามารถล้างออกได้ ด้วยน้ำยาเช็ดเลนส์ เพราะมันแค่เกาะบนผิวโค้ทเลนส์ จากประสบการณ์ส่วนตัวผมพบฝ้าบางๆ แบบนี้หลายรุ่น สิ่งที่พบคือ เมื่อเจอความชื้นจะมีคราบบางๆ เกาะบนผิวเลนส์ทำให้ความใสของเลนส์ลดลงและจะเห็นสีโค ้ทจางลง แต่เมื่อเช็ดเลนส์มันจะกลับมาใสแจ๋วอีกครั้ง แต่ปัญหาก็คือ มันจะมีคราบบางๆ มาเกาะอยู่เรื่อยๆ หากเป็นกับเลนส์ชิ้นหน้าหรือชิ้นหลังก็คงไม่ใช่ปัญหา เพราะเช็คได้ แต่ถ้ามันเกิดกับชิ้นเลนส์ด้านใน เราจะเช็ดอย่างไร และถ้ามันเกิดกับผิวเลนส์หลายชิ้นคุณภาพจะลดลงอย่างแ น่นอน เพียงแต่จะลดลงไม่มากนักซึ่งอาจจะเห็นได้เมื่อถ่ายภา พย้อนแสง

    การแก้ไข เป็นปัญหาจากผิวโค้ทบางชิ้นซึ่งน่าจะมาจากสารที่ใช้เ คลือบผิวที่ดูดจับความ ชื้น และเป็นคราบมากกว่าปกติซึ่งคงไม่มีทางแก้ นอกจากเก็บเลนส์ในที่มีความชื้นเหมาะสม อย่าปล่อยให้เลนส์อยู่ในที่ชื้นๆ นานๆ




    2. ปัญหาเรื่องกระบอกเลนส์และระบบกลไก อะไรคือปัญหาจากระบบแมคคานิคของเลนส์ คุณเคยพบปัญหาเหล่านี้บ้างหรือไม่ กระบอกเลนส์ติดขัด กระบอกเลนส์หลวมคลอน สวิตซ์หรือปุ่มปรับหลุดได้ง่าย กระบอกเลนส์ไม่สามารถขยับเข้าออกได้เพราะบูชพัง ภาพชัดข้างนึงไม่ชัดข้างนึงทั้งที่ระนาบเดียวกัน

    ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากการผลิต บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตเลนส์ประเมินการใช้งานของช่างภาพ เบากว่าความจริงจึงทำ ให้ปุ่มปรับต่างๆ ผลิตไม่แข็งแรงพอ ปรับแรงหน่อยสวิตซ์หลุด วงแหวนหัก ซูมบ่อย ๆ กระบอกคลอน

    บางรุ่นก็ทำมาแข็งแรงดีแต่ไม่เพียงพอ เช่น เลนส์ซูม 14-24 มม. ของยี่ห้อหนึ่ง กระบอกเลนส์ส่วนหน้าใหญ่และหนักมาก หากใช้งานตามปกติก็คงไม่เป็นปัญหา แต่โปรไม่ได้ใช้แบบธรรมดา ต้องวิ่งกล้องแกว่งไปมา ไอ้ที่คิดว่าแข็งแรงพอก็ยังทานไม่ไหว บูชพังเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว

    เลนส์บางรุ่นไดอะแฟรมก็ค่อยข้างเปราะบาง เสียง่าย ค่าซ่อมก็แพง บางรุ่นมอเตอร์แบบไซเร้นจ์ก็เงียบสมชื่อคือไม่หมุน ค่าซ่อมก็แพง บางรุ่นระบบป้องกันภาพสั่นไหวก็ชอบมีปัญหา บางรุ่นมอเตอร์ก็แรงเกินไปจนระบบกลไกเอาไม่อยู่ก็พัง อีก

    อาการเหล่านี้หากยังอยู่ในประกันก็โชคดีไป แต่ส่วนใหญ่มักจะเจอตอนหมดประกันใหม่ๆ

    การแก้ไข ใช้งานอย่างระมัดระวังสักหน่อย หากไม่ได้เป็นมืออาชีพที่ต้องลุย ต้องแย่งมุมถ่ายภาพ ต้องเบียดต้องกระแทกก็อย่าใช้เลนส์รุนแรงเกินไป แม้จะเป็นเลนส์ระดับเทพ เพราะเทพก็พังได้ เลนส์ที่ขึ้นชื่อเป็นที่เลื่องลือในเรื่องอาการร้ายๆ ทั้งหลาย ก็ควรระวังในการซื้อมาใช้

    3. ปัญหาเรื่องโฟกัส เป็น ที่น่าแปลกใจว่าในขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไม่หยุดยั้ง แต่เรากลับพบปัญหาเรื่องที่ไม่ควรเป็นปัญหา คือการโฟกัสผิดตำแหน่งที่เรียกกันว่า Black Focus หรือ Front Focus

    ปัญหานี้เกิดได้ทั้งจากกล้องและจากเลนส์ แต่ที่พบบ่อยคือจากกล้อง ส่วนปัญหาที่เกิดจากเลนส์ก็พบได้และมักจะเกิดจากความ ผิดพลาดในการผลิตส่งผล ให้ตำแหน่งที่กล้องล็อกโฟกัสคลาดเคลื่อน หรือบางครั้งอาจเกิดการขยับของชุดโฟกัสขณะชัตเตอร์กำ ลังเริ่มทำงาน ทำให้โฟกัสเลื่อน

    การแก้ไข ส่งเลนส์ไปเช็ดที่ศูนย์ ให้จัดการตั้งโฟกัสให้ใหม่ ให้ตรงตลอดช่วงซูม และถ้ากล้องที่คุณใช้อยู่สามารถปรับชิพท์โฟกัสที่เซ็ นเซอร์ได้ ก็ควรปรับแบบ Fine Tune กับกล้องที่คุณใช้อยู่ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดปัญหาเรื่องการโฟกัสกับเลนส์ตัวนั ้นอีก

    ความผิดพลาดจากผู้ใช้

    1. เลนส์เป็นฝ้าเป็นรา ปัญหาเรื่องเลนส์เป็นราหรือเป็นฝ้า ก็มาจากผู้ใช้ด้วยเช่นกัน โดยปัญหาเรื่องการเกิดราในเลนส์นั้นมาจากการเก็บเลนส ์ในที่ชื่นเป็นเวลานาน เช่นกล้องวางอยู่ในกระเป๋ากล้องในห้องที่มีความชื้นส ูง บางท่านก็นำไปไว้ในตู้เสื้อผ้า และที่เป็นปัญหาก็เพราะเข้าใจผิดว่าใส่สารดูดความชื้ น (ซิลิก้าเจล) ลงไปในกระเป๋ากล้องแล้วน่าจะปลอดภัย แต่ความจริงก็คือ คุณใช้สารดูดความชื้นผิดวิธี การใส่ลงไปในกระเป๋ากล้องนั้น เพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงมันก็จะดูดความชื้นจนอิ่มตัว หมดสภาพ แต่ความชื้นในกระเป๋ายังถ่ายเทจากภายนอกได้อยู่ ความชื้นภายในกระเป๋าจึงยังสูงอยู่ หากกล้องต้องอยู่นิ่งๆ ในกระเป๋าเป็นเวลานาน โอกาสจะเกิดราจึงมีค่อนข้างมาก

    ส่วนปัญหาเรื่องฝ้ามักจะมาจากการเก็บเลนส์ในที่ร้อนบ ่อยๆ เช่น เก็บกล้องและเลนส์ไว้ในกระเป๋ากล้องที่วางไว้ท้ายรถย นต์ที่จอดตากแดดเป็น เวลานาน ความร้อนในรถนั้นสูงมาก นานๆ เข้าอาจทำให้กาวที่ใช้ในการยืดชิ้นเลนส์คอมปาวน์เสื่ อมได้ โอกาสที่เลนส์จะเป็นฝ้าจึงมีมากกว่าปกติ

    นอกจากนั้นการเก็บเลนส์ไว้ในที่ชื้นนานๆ ก็มีโอกาสทำให้เลนส์เกิดฝ้าได้มากขึ้น และอีกกรณีคือ การเปลี่ยนอุณหภูมิและความชื้นอย่างฉับพลัน เช่น วางกล้องและเลนส์ในห้องแอร์เป็นเวลานาน แล้วเมื่อยออกมาข้างนอกก็หยิบกล้อง และเลนส์ออกมาใช้งานทันที การเปลี่ยนแปลงความชื้นอย่างรวดเร็วจากห้องแอร์ที่มี ความชื้นต่ำมาก และมีอุณหภูมิต่ำมาเป็นภายนอก เช่น กลางแดดที่มีอุณหภูมิสูงและความชื้นสูง ไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำเล็กๆ เกาะบนผิวเลนส์แทบทุกชิ้น รวมทั้งช่องมองภาพของกล้อง เกิดเป็นผ้าชั่วคราวจนพ็อกไปหมดต้องรอประมาณ 3-4 นาที เมื่อกระบอกเลนส์อุณหภูมิสูงขึ้น ไอน้ำที่เกาะบนผิวเลนส์จะระเหยออกไป ชิ้นเลนส์จะใส แต่สิ่งที่ต้องระวังคือมันอาจจะใส่ไม่เท่าเดิม เพราะอาจเกิดคราบบนชื้นเลนส์บางชิ้น ทำให้ความใสของชิ้นเลนส์ลดลง ซึ่งถ้าเป็นกับผิวเลนส์ชิ้นหน้ากับชิ้นท้ายก็คงไม่ใช ่ปัญหา แต่ถ้ามันเกิดกับเลนส์ด้านในบ่อยๆ คุณภาพเลนส์จะลดลงแน่นอน เพราะความใสจะน้อยลงจากคราบบางๆ

    การแก้ไข

    หลีกเลี่ยงการเก็บกล้องและเลนส์ในรถยนต์ที่จอดตากแดด ไว้อย่างเด็ดขาด และถ้าหากจำเป็นต้องเก็บไว้จริงๆ ควรหากล่องโฟมขนาดใหญ่ และใส่กระเป๋ากล้องทั้งใบลงใบในกล่องโฟมเพราะจะช่วยก ันความร้อนได้ และยังไม่เป็นที่ล่อตาล่อใจของโจรขโมย

    หากไม่ใช้กล้องเป็นเวลานาน ต้องเก็บกล้องและเลนส์ในที่ๆ มีความชื้นต่ำ หากจะใช้สารดูดความชื้นจะต้องอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท ความชื้นเข้าไม่ได้ เช่นในกล่องกันความชื้น กล่องถนอมอาหารที่มีซีลกันความชื้น (เช่น ยี่ห้อ SUPER LOCK) หรือใส่เลนส์ลงในถุงพลาสติกแล้วใส่สารดูดความชื้นลงไ ปจากนั้น ก็รัดถุงให้แน่นด้วยหนังยาง หรือถ้ามีงบอาจใช้ตู้ดูดความชื้นในการเก็บกล้อง

    การ นำกล้องออกจากห้องแอร์หรือจากรถยนต์ เพื่อใช้งานกลางแดดไม่ควรหยิบกล้องออกจากกระเป๋ากล้อ งทันที ควรให้กล้องและเลนส์ค่อยๆ ปรับอุณหภูมิและความชื้นด้วยการให้มันอยู่ในกระเป๋าก ล้อง (ไม่ต้องเปิดฝากกระเป๋ากล้อง) เป็นเวลา 4-5 นาที แล้วจึงค่อยหยิบกล้องและเลนส์ออกมาใช้งาน เลนส์ของคุณจะไม่เกิดฝ้า

    วิธีที่ดีในการป้องกันการเกิดรา คือใช้งานบ่อยๆ หรือให้กล้องและเลนส์เปลี่ยนสภาพอากาศ อุณหภูมิและความชื้นอยู่ตลอด โอกาสที่จะเกิดราจะน้อยมาก



    2. เลนส์พังเพราะการใช้งาน ปัญหาเรื่องเลนส์เสียหายจากการใช้งานอย่างไม่ระมัดระ วังนั้นเกิดขึ้นบ่อยๆ เช่นสะพายกล้องเดินไปเดินมาโดยเลนส์ซูมออกมาที่ช่วงเ ทเล กระบอกเลนส์ที่ยืดออกมาทำให้ชุด CAM ของระบบซูมอาจเสียหายได้ เมื่อกล้องแกว่งไปมา โดยเฉพาะกับเลนส์ราคาประหยัดที่โครงสร้างของกระบอก ควบคุมระบบซูมไม่ได้แข้งแรงเท่าใดนัก กระบอกเลนส์อาจหลวมคอลน หรือแม้แต่เลนส์ระดับโปรบางรุ่นที่มีกระบอกเลนส์ส่วน หน้าใหญ่และหนัก หากต้องสะพายกล้องแกว่งไปมาบ่อยๆ ชุด CAM ก็อาจพังได้ แม้จะทำจากโลหะก็ตาม

    อีกกรณีหนึ่งที่หลายท่านอาจคาดไม่ถึง คือการปรับซูมเล่นบ่อยๆ บางท่านอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็ปรับซูมเข้าซูมออก เห็นเป็นเรื่องสนุก แต่ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก็คือ สายแพร์ที่ขดอยู่ในกระบอกเลนส์เมื่อเคลื่อนเข้าออกบ่ อยๆ ก็อาจจะขาดได้ และอาจทำให้กระบอกซูมหลวมเร็วกว่าปกติ

    สวิตซ์ปรับล็อกช่วงโฟกัส (ในเลนส์มาโคร) สวิตซ์เลือกโหมดโฟกัส (AF/M) หรือสวิตซ์เปิดการทำงานของระบบ IS, VR นั้นก็ควรใช้แบบเบามือหน่อย โดยเฉพาะวงแหวนปรับเลือกโหมดโฟกัส (AF/M) ในเลนส์นิคอน AF 80-200mm f/2.8, AF 60mm f/2.8 Micro หรือ AF 105mm f/2 DC นั้นต้องระวังให้มากเพราะแตกกันบ่อยๆ

    การแก้ไข ถ้ามีปัญหาขึ้นมาก็คงต้องซ่อมกันสถานเดียวสำหรับระบบ แมคคานิคทั้งหลาย และหากความผิดพลาดเกิดจากการใช้งานของคุณ ไม่ใช่ของสินค้า ก็อาจต้องจ่ายค่าซ่อมเอาเอง ดังนั้นจึงควรใช้เลนส์อย่างระมัดระวังสักหน่อย หากต้องวิ่งต้องเดนิอย่างเร่งรีบ การสะพายกล้องควรใช้มือประคองใต้กระบอกเลนส์ไว้เพื่อ ไม่ให้เลนส์แกว่งมาก เกินไป ป้องกันกระบอกเลนส์เสียหาย และหากเลนส์ที่ใช้มีสวิตซ์ ZOOM LOCK ก็ควรจะล็อกไว้เพื่อไม่ให้กระบอกเลนส์เลื่อนไหลออก

    อย่าปรับซูมเข้าซูมออกอย่างรวดเร็ว รุนแรง เพราะกลไกลของชุด CAM และบล็อกยืดชุดเลนส์อาจจะเคลื่อนที่ได้

    3. น้ำ ฝุ่น และการทำความสะอาดที่ผิดวิธี ปัญหาเรื่องน้ำและฝุ่นกับเลนส์นั้นก็เป็นเรื่องที่ต้ องระวัง หากเลนส์ที่คุณใช้เป็นเลนส์เกรดโปรที่มีการซีลเพื่อป ้องกันน้ำ คุณจะสามารถใช้เลนส์ตัวนั้นในสถานการณ์ที่มีละอองน้ำ แรงๆ เช่น บริเวณน้ำตก หรือใช้ในขณะฝนตกได้ โดยไม่เกิดความเสียหาย แต่ถ้าเลนส์ที่คุณใช้ไม่ได้ซีลกันละอองน้ำ การใช้งานในสภาพที่มีละอองน้ำแรงหรือท่ามกลางสายฝนนั ้นความเสียหายอาจเกิด กับเลนส์ของคุณได้ เพราะน้ำสามารถแทรกเข้าไปตามรอยต่อต่างๆ เช่นวงแหวนซูม วงแหวนโฟกัส ทำให้เลนส์พังได้ ส่วนเรื่องฝุ่นนั้นปัญหายังไม่น่ากลัวนัก เพราะเพียงแค่เข้าไปในกระบอกและชิ้นเลนส์ภายใน

    ส่วน ปัญหาในเรื่องการทำความสะอาดที่ผิดวิธีนั้น เป็นเรื่องใหญ่ ยังมีนักถ่ายภาพจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจหลักการทำคว ามสะอาดเลนส์เช่น ใช้น้ำยาเช็ดเลนส์คุณภาพต่ำในการทำความสะอาดเลนส์ (มักจะเป็นน้ำยาเช็ดเลนส์ที่จัดชุดขายพร้อมลูกยางและ แปรง) ซึ่งน้ำยาเช็ดเลนส์เหล่านี้บางชนิดค่อนข้างอันตรายต่ อโค้ทเลนส์ และส่วนใหญ่จะทั้งคราบไว้บนผิวเลนส์

    ใช้ผ้าเช็ดเลนส์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้ผิวเลนส์เป็นรอยได้ ต้องใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่มเท่านั้น และผ้าจะต้องสะอาดโดยเก็บในของกันฝุ่นเมื่อใช้เสร็จท ุกครั้ง เพราะฝุ่นทรายที่ติดบนผ้าอาจทำให้เลนส์เป็นรอยขูดขีด ได้

    หากไม่จำเป็นไม่ควรเช็ดผิวเลนส์ การใช้ฟิลเตอร์ PROTECT หรือ UV ครอบหน้าเลนส์แล้วเช็ดที่ฟิลเตอร์แทนจะปลอดภัยกว่า เพราะพลาดพลั้งไปก็แค่เสียค่าฟิลเตอร์ตัวเดียว


    การแก้ไข เลนส์ที่มีปัญหาเรื่องน้ำเข้านั้นในเบื้องต้นถ้าเลนส ์ยังทำงานได้ ก็อาจทำความสะอาดในเบื้องต้นได้โดยถอดเลนส์ออก แล้วใช้ผ้าสะอาดซับน้ำออกจากเลนส์ให้หมด จากนั้นนำเลนส์ให้หมด จากนั้นนำเลนส์ผึ่งให้แห้งในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดีแ ละไม่ชื้น ไม่ควรนำไปตากแดดเพราะอาจทำให้เกิดคราบในชิ้นเลนส์ ถ้าเลนส์เพียง แค่มีน้ำเข้าเล็กน้อยก็อาจไม่เสียหายจนต้องส่งซ่อมแต ่อย่างใด เพียงแต่อย่าเพิ่งใส่กับกล้องแล้วเปิดสวิตซ์ เพราะถ้ามีน้ำอยู่อาจเกิดการช็อต ทำให้วงจรเลนส์เสียหาย

    แต่ถ้าทำแล้วเลนส์ยังไม่ทำงาน หรือยังมีน้ำเข้าไปอยู่ภายในก็คงต้องส่งศูนย์บริการจ ัดการให้ ส่วนเรื่องของฝุ่นนั้นไม่ได้มีผลต่อคุณภาพมากนัก ไม่จำเป็นต้องส่งล้างแต่อย่างใดถ้าฝุ่นไม่ได้มากจนเห ็นได้ชัด สำหรับเรื่องการเช็ดเลนส์นั้นหลีกเลี่ยงการใช้ของเหล วใดๆ กับเลนส์ถ้าคุณไม่ใช้ผู้ชำนาญ ในการเช็ดเลนส์ เพราะอาจเกิดความเสียหายกับเลนส์ แนะนำว่าไม่ควรทำความสะอาดผิวเลนส์โดยไม่จำเป็น ใช้เพียงแปลงอ่อนๆ กับลูกยางเป่าฝุ่นก็พอแล้ว เพราะหากเลนส์มีฟิลเตอร์ครอบอยู่ ก็เช็ดทำความสะอาดที่ฟิลเตอร์เท่านั้น

    และถ้าเลนส์ของคุณเกิดความเสียหายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ฝ้า รา หรือระบบกลไกใดๆ ก็ตามควรส่งศูนย์บริการหรือร้านที่ไว้ใจได้เท่านั้น แต่ ทางที่ดีควรดูแลรักษาเลนส์ของคุณให้ดี เพราะการส่งซ่อมนั้นนอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังเสียความรู้สึกและเสียความมั่นใจว่า "มันอาจจะให้ภาพไม่ดีเหมือนเดิม" อีกด้วย...



    ที่มา Kapook.com
    "จงเชื่อในศรัทธา ของเซียนเห่า"
    ไม่อ่านจะเสียใจ
    เตือนผู้ใช้เวบ !!!
    * ซื้อของผ่านเวบควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขายก่ อน * อย่าโลภเมื่อเห็นของถูก * โทรหาผู้ขายไม่ติด ติดต่อไม่ได้บ่อยๆ ให้สงสัยว่ามีหลายเบอร์ และพร้อมจะทำชั่วได้ 24 ชม. * อย่าโอนเงินไปให้ก่อนเป็นอันขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ * อย่าหลงเชื่อเมื่อมีผู้โทรมาเสนอขาย โดยไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใคร * ตั้งกระทู้ต้องการของ โปรดระวัง โจรจะติดต่อไป * ให้เช็คเบอร์โทร และเลขบัญชีที่ได้รับ อย่างละเอียด google ช่วยคุณได้
    เหนือสิ่งอื่นใด เวบไซด์นี้เป็นแค่สื่อกลาง เวลามีปัญหา คนที่จ่ายตังไป เป็นคุณเท่านั้น โทษใครไม่ได้
    (ถูกและดี ไม่มีในนี้ ถูกหลอกฟรีๆมีแน่นอน ถ้าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หากถูกสะกดด้วยความอยาก)

    เตือนมิจฉาชีพ !!!
    ทุกเวบมีการตรวจสอบได้ วันนี้หากยังรอดได้ วันหน้าไม่แน่

  2. สมาชิกเหล่านี้ "ขอบคุณ" คุณ : amcrow สำหรับกระทู้นี้ :

    rocksun (02-01-2013)

  3. #2

    มาตรฐาน

    ขอบคุณมากครับ เป็นความรู้ที่มีประโยชน์สำหรับมือใหม่สำหรับผมจริงๆ ครับ
    ..."ค่อยดูค่อยศึกษา กรุณาวาจาอย่าเป็นเซียน"...

  4. #3

    มาตรฐาน

    ได้ความรู้ ที่มีประโยชน์ มากเลยครับ
    สวัสดีขาลุยทุกท่าน

  5. #4

    มาตรฐาน


    เยี่ยมมากครับ
    สนใจโทร.0844909447
    อยู่จ.เชียงใหม่
    การขนส่ง4ทางเลือก
    1.บริษัทนิ่มซี่เส็งจากจ.เชียงใหม่-ตลาดไท,สี่แยกมหานาค,พุทธมณฑลสาย5(ค่าส่ง800บาท)
    2.บริษัทไปรษณีย์ไทยจากจ.เชียงใหม่-ทั่วประเทศ(ค่าส่งคิดตามจริง)
    3.บริษัทพัสดุภัณฑ์ไทยจากจ.เชียงใหม่-ทั่วประเทศ(ค่าส่งคิดตามจริง)
    4.มีบริการจัดส่งรถยนต์โดยรถเทรลเลอร์จากจ.เชียงใหม่-จ.ชลบุรี(ค่าจัดส่งตกลงกันอีกที)
    ขอขอบคุณเว็บไทยสกู๊ตเตอร์ศูนย์กลางความคลาสสิค

Bookmarks

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •