หัวเทียน ทำหน้าที่สร้างประกายไฟสำหรับจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ ลักษณะของหัวเทียน จะมีเปลือกนอกเป็นโลหะ และมีกระเบื้องเคลือบอยู่ภายใน ขั้วกลางของหัวเทียน ได้รับแรงไฟมาจาก
สายไฟแรงดันสูง (High-tension leads) ซึ่งต่อมาจาก
จานจ่าย (Distributor) อีกทอดหนึ่ง ขั้วกลางของหัวเทียน จะยื่นผ่านศูนย์กลางของฉนวน ออกไปที่บริเวณหัวของหัวเทียน ส่วนเปลือกนอกที่เป็นโลหะ มีขั้วดินติดอยู่ เวลาติดตั้งหัวเทียน ก็จะต้องหมุนเกลียวหัวเทียน เข้าสวมไปกับเกลียวของฝาสูบ เพื่อที่บริเวณหัวของหัวเทียน จะได้ยื่นเข้าไป เป็นส่วนหนึ่งของห้องเผาไหม้ กระแสไฟจุดระเบิด จะวิ่งเข้ามาที่ท้ายหัวเทียน ผ่านศูนย์กลางหัวเทียน แล้วมาจุดประกายไฟ ที่เขี้ยวหัวเทียน (เพราะที่เขี้ยวหัวเทียน เป็นขั้วดิน ซึ่งขันเกลียวติดอยู่กับฝาสูบ)
หัวเทียนร้อน / หัวเทียนเย็น
หัวเทียนร้อน คือ หัวเทียนที่มีความสามารถระบายความร้อน จากการเผาไหม้ ออกไปสู่ภายนอกได้น้อย ซึ่งจะทำให้ตัวมันเอง มีการสะสมความร้อนเอาไว้มาก
หัวเทียนเย็น คือ หัวเทียนที่มีความสามารถ ระบายความร้อนได้ง่าย และเร็ว
หัวเทียนทั้ง 2 ชนิด ต่างกันที่ความยาวของฉนวนบริเวณส่วนหัวของหัวเทียน กล่าวคือ หัวเทียนร้อน มีฉนวนที่ยาว และแคบ ทำให้ส่งผ่านความร้อนได้ลำบาก ซึ่งตรงข้ามกับหัวเทียนเย็น ซึ่งมีฉนวนที่สั่นกว่า เมื่อเกิดความร้อนขึ้น ก็สามารถระบายออกได้ดีกว่า
แสดงการถ่ายเทความร้อนจากหัวเทียน ไปยังฝาสูบ
ความเหมาะสมในการใช้หัวเทียน
ขึ้นอยู่กับการทำงานของเครื่องยนต์ เพราะเมื่อผู้ขัยขี่ใช้รถในสภาพหนัก เช่น ขับขี่ด้วยความเร็วสูง และเป็นเวลานาน หรือบรรทุกของหนัก ที่ต้องใช้กำลังมาก ต้องการการเผาไหม้สูง ห้องเผาไหม้จะมีความร้อนสูง ส่งผลให้มีความร้อนสะสมอยู่ในหัวเทียนมาก เช่นนี้ ควรใช้หัวเทียนเย็น เพราะจะระบายความร้อนได้ดี แต่ถ้าเป็นรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ในช่วงเวลาไม่นาน ควรใช้หัวเทียนชนิด หัวเทียนร้อน
จะเกิดอะไรขึ้นกับการใช้หัวเทียน ไม่ตรงกับลักษณะการใช้งาน ?
1. ใช้หัวเทียนร้อน กับเครื่องยนต์ ที่ทำงานหนัก และต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นเวลานานๆ ความร้อนจะสะสมอยู่ในหัวเทียนมาก เมื่อความร้อนเพิ่มมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่ง ก็มีโอกาส ที่จะเกิดการชิงจุดระเบิดก่อน เครื่องยนต์อาจได้รับความเสียหาย
2. ใช้หัวเทียนเย็น กับเครื่องยนต์ ที่ทำงานไม่หนัก เมื่อเกิดการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ หัวเทียนเย็น จะมีความสามารถในการระบายความร้อนได้เร็ว อุณหภูมิที่เกิดขึ้นตรงหัวเทียน มีโอกาสที่จะต่ำกว่าประสิทธิภาพที่ที่ควรจะเป็น จึงอาจเกิดคราบสกปรก ที่บริเวณหัวเทียน ซึ่งเป็นสาเหตุให้กระแสไฟวิ่งผ่านลำบาก เครื่องยนต์อาจวิ่งสะดุดได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ ได้คำนวณความสามารถของหัวเทียน ที่ใช้กับเครื่องยนต์รุ่นต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยระบุไว้ที่คู่มือการใช้รถแต่ละรุ่น การเปลี่ยนหัวเทียน ควรยึดถือตามคู่มือประจำรถ เพราะจะเป็นหัวเทียนที่เหมาสม สำหรับเครื่องยนต์รุ่นนั้น
Bookmarks