ให้หลังการวางขายจริงของโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Core M ชิปกินพลังงานต่ำสำหรับอุปกรณ์แบบไร้พัดลม ที่เริ่้มวางขายไปบ้างแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทาง Blognone ก็ได้รับเครื่องรุ่นแรกๆ ของโลกที่ใช้ชิป Core M มาลองใช้งานจริงแล้ว ซึ่งก็คือ Acer Aspire Switch 12 โน้ตบุ๊กไฮบริดที่สามารถถอดคีย์บอร์ดมาเสียบด้านหน้า นั่นเอง (ข่าวเปิดตัว)
ก่อนเข้ารายละเอียด ต้องแจ้งก่อนว่าเครื่องที่ได้มานี้เป็นรุ่นทดสอบ (engineering test unit) จึงอาจมีบางส่วนที่ไม่ตรงกับรุ่นขายจริง และไม่มีอุปกรณ์เสริมพ่วงมาด้วยเลย รวมถึงปากกาสไตลัสด้วย
สเปคคร่าวๆ ของรุ่นที่ได้มาทดสอบมีดังนี้ครับ
* ใช้ชิป Core M-5Y10a ดูอัลคอร์ความถี่ 800MHz เร่งได้สูงสุด 2GHz, จีพียู Intel HD 5300
* หน้าจอขนาด 12.5" ความละเอียด 1080p
* รัน Windows 8.1
* SSD 120GB, แรม 4GB
สเปคเต็มๆ อ่านได้จากเว็บไซต์ทางการครับ
ฮาร์ดแวร์

เกริ่นรายละเอียดไปพอสมควรแล้ว เรามาดูตัวเครื่องจริงกันเลยดีกว่าครับ

Switch 12 ตามที่บอกไปว่าเป็นไฮบริดโน้ตบุ๊ก แต่มาในทรงที่ต่างกับรุ่นน้อง Switch 10-11 อย่างมาก เพราะไม่ได้ใช้วิธีการถอดหน้าจอไปเสียบกับฐาน (detachable) แต่ใช้การพลิกตัวเครื่อง โดยมีคีย์บอร์ดที่สามารถถอดไปเสียบด้านหน้าเพื่อใช้ง าน และเสียบด้านหลังเพื่อเก็บได้
จากการออกแบบที่ว่ามา การใช้งานพื้นฐานของ Swtich 12 จะเป็นโหมดแท็บเล็ต แม้ว่าจะหนักไปหน่อยเพราะตัวเครื่องรวมคีย์บอร์ดอยู่ ที่ 1.4 กก. เข้าไปแล้ว (อย่าลืมว่านี่คือเครื่องหน้าจอ 12.5" นะ)


นอกจากทรงตัวเครื่องจะต่างแล้ว วัสดุที่ใช้ก็ต่างเช่นกัน Switch 12 ใช้วัสดุหลักเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้านสีดำทั้งเครื่ อง ประกอบมาค่อนข้างแข็งแรงบึกบึน ตัวเครื่องหนาด้วยความเป็นไฮบริดที่ 18 มม. ตามรูปพอร์ตด้านซ้ายจะมี micro HDMI, micro USB 3.0 และพอร์ตสำหรับชาร์จไฟหัวเล็ก

ทรงที่ Switch 12 ทำได้ดีคือการใช้งานแบบโน้ตบุ๊กด้วยการเสียบคีย์บอร์ ดไว้ด้านหน้า ซึ่งปุ่ม และพอร์ตสำคัญๆ จะอยู่มุมขวาบน กดได้สะดวกดีครับ
วิธีการเปิดเครื่องต้องกดปุ่มพาวเวอร์ค้างจนกว่าไฟจะ ติด อันนี้ค่อนข้างฝืนสามัญสำนึกคนใช้โน้ตบุ๊กทั่วไปที่ช ินกับการกดปุ๊ปติดปั๊ปพอสมควร ปุ่ม Windows ทีแปลงร่างจากปุ่มสัมผัส กลายมาเป็นปุ่มเล็กๆ เหนือปุ่มปรับเสียงนั้นใช้งานได้สะดวกในโหมดแท็บเล็ต แต่ถ้าใช้เป็นโน้ตบุ๊กกดที่คีย์บอร์ดจะสะดวกกว่ามาก

ข้างๆ ปุ่มพาวเวอร์มีสล็อตสำหรับใส่ microSD ด้วยครับ (อาจจะดูยากไปหน่อย)

ตรงฐานตัวเครื่องจะมีพอร์ต USB 3.0 มาให้หนึ่งพอร์ต (เฉพาะด้านขวาเท่านั้น) รูที่เห็นด้านหลังเป็นช่องสำหรับเสียบเก็บคีย์บอร์ดอ ีกที

พลิกกลับมาด้านหน้าจะพบกับลำโพงคู่ใต้จอแบบสเตอริโอ ที่แม้ว่าจะเสียบคีย์บอร์ดก็ไม่บังแต่อย่างใด (เพราะคีย์บอร์ดบางประมาณ 8 มม.)

แกนหมุนของ Switch 12 ทำมาค่อนข้างแข็งแรงดีสำหรับการพลิกเครื่องไปมา แต่เวลาใช้สัมผัสหน้าจอก็ยังมีโยกอยู่เล็กน้อย


ด้านหลังตัวเครื่องของ Switch 12 เป็นพลาสติกแบบพิมพ์ลาย มียางกันลื่นทั้งฝั่งฐาน และคีย์บอร์ด ตัวอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟขนาดเล็กพอสมควร พกพาได้สบายครับ
Switch 12 กับรูปแบบการใช้งานทั้ง 5

ในงานเปิดตัวเจ้ารุ่นนี้ สิ่งที่ Acer ยกมาขายคือการใช้งานทั้ง 5 โหมด (ซึ่งผมเองจำชื่อยังไม่ครบด้วยซ้ำ) แต่โชคดีที่มีภาพประกอบให้เข้าใจง่ายมาด้วย

ทั้ง 5 โหมดเรียงจากซ้ายไปขวาจะเรียกว่าโหมดแท็บเล็ต, โหมดจอภาพ (display mode), โหมดโน้ตบุ๊ก, โหมดเดสก์ท็อป และโหมดเต้นท์ ซึ่งจะพูดถึงเฉพาะโหมดที่น่าจะใช้งานบ่อยๆ คือโหมดแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และเดสก์ท็อปครับ

การใช้งานในโหมดแท็บเล็ตสำหรับ Switch 12 นั้นออกแบบมาสำหรับใช้งานแบบสองมือถือ หรือแบบวางตักใช้งานเท่านั้น (เพราะหนักมาก) ปุ่มต่างๆ วางไว้ถูกที่ถูกทาง สามารถกดได้ด้วยมือขวาทั้งหมด หน้าจอสว่างเอาเรื่อง และสู้แดดได้ดี ปัญหาเลยไปบรรจบอยู่ที่ Windows 8.1 นั้นไม่มีแอพสำหรับตอบโจทย์การใช้งานในโหมดนี้มากนัก และส่วนรับสัมผัสหน้าจอที่ไม่แม่นยำอย่างเห็นได้ชัด (ต้องกดต่ำกว่าที่ต้องการเล็กน้อย) อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะเครื่องทดสอบหรือไม่ ถ้ามีโอกาสจะไปไล่จับรุ่นขายจริงอีกทีครับ

โหมดต่อมาคือโหมดโน้ตบุ๊ก เป็นรูปแบบที่ผมใช้บ่อยที่สุดตลอดการรีวิว ข้อดีของโหมดนี้คือใช้พิมพ์ได้อย่างมั่นคงแม้ว่าจะวา งบนโต๊ะ หรือวางบนตัก และกินพื้นที่น้อยมาก ไม่มีเสียงใดๆ รบกวนการทำงาน เพราะไม่มีพัดลม ความร้อนตัวเครื่องจะอยู่บริเวณด้านซ้ายบนของหน้าจอ จึงไม่มีผลกับการทำงานเช่นกัน
จุดตายของโหมดนี้คือ ... คีย์บอร์ด พูดให้ถูกคือเลย์เอาท์คีย์บอร์ดที่ถูกจำกัดขนาดให้เล ็กจนต้องตัดทัชแพดออก และเพิ่มตัวเลื่อนเม้าส์เข้ามาตรงกลางคีย์บอร์ด รวมถึงปุ่มคลิกซ้ายขวาด้านล่าง
ถ้าดูตามรูปจะเห็นว่าเป็นคีย์บอร์ด 5 แถวยังไม่พอ ยังตัดคีย์บางตัวทิ้งไป ได้แก่ ปุ่ม Ctrl ด้านขวา, ย้ายปุ่ม Del มาแทนปุ่ม Ctrl และปุ่ม Context menu (ปุ่มคลิกขวา) รวมเอาปุ่ม F1-12 มาไว้กับปุ่มตัวเลข ทำให้เวลาจะใช้คีย์ลัดต้องกดถึง 3 ปุ่มด้วยกัน (Ctrl+Fn+Fx หรือ Fn+WinKey+PrtSc สำหรับเก็บภาพหน้าจอ เป็นต้น)
สำหรับปุ่มเลื่อนเม้าส์ที่มาด้วยกันนั้นยังค่อนข้างช ้ากว่าที่ควรจะเป็นพอสมควร และขาดปุ่มตรงกลางระหว่างปุ่มคลิกซ้าย-ขวา สำหรับเลื่อนหน้าจอเมื่อยามใช้มือเดียวควบคุม ทำให้วิธีง่ายสุดสำหรับการเลื่อนหน้าจอคือใช้นิ้วสัม ผัสเอาครับ

สำหรับโหมดสุดท้ายอย่างเดสก์ท็อป หรือถอดคีย์บอร์ดมาใช้งานแบบไร้สายนั้น เป็นโหมดที่ค่อนข้างชอบ แม้ว่าจะใช้งานไม่บ่อย โหมดนี้ใช้พื้นที่น้อยมาก เหมาะสำหรับเวลาพิมพ์บนโต๊ะที่มีของวางเยอะๆ หรือตามร้านอาหาร ข้อเสียจะเหมือนกับโหมดโน้ตบุ๊กที่เลย์เอาท์คีย์บอร์ ด และความที่คีย์บอร์ดมันเล็ก+เบา ทำให้เวลาใช้งานบนตักจะขยับไปมาครับ ซึ่งตรงนี้ก็พอใช้ถูไถไปได้
ตัวคีย์บอร์ดไร้สายชาร์จไฟผ่านพอร์ต pogo pin ด้านหลังเครื่อง ไม่รู้ว่าใช้งานได้นานแค่ไหน แต่ลองใช้เกิน 5 ชั่วโมงก็ยังทำงานได้ปกติดี เอาไปใช้กับรุ่นอื่นไม่ได้ (แค่หายังไม่เจอเลย) เมื่อรวมกับการใช้งานตัวเครื่องแบบเปิด Wi-Fi ได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมงแล้วถือว่าทำได้ค่อนข้างดีครับ แม้จะน้อยกว่าที่เคลมว่าได้ 8 ชั่วโมงก็ตามที
ซอฟต์แวร์ และประสิทธิภาพในการใช้งาน

Switch 12 มาพร้อมกับ Windows 8.1 ตัวเต็ม ร่วมกับชิปตัวใหม่รุ่นประหยัดพลังงานมากอย่าง Core M ตามผลเบนช์มาร์กจะเห็นว่า Core M ทำผลงานได้ใกล้เคียงกับ Core i5 รหัส Haswell รุ่น U แต่พอเอามาใช้งานจริงพบว่า ... กระตุกพอสมควร โดยเฉพาะกับการเล่นเว็บเบราว์เซอร์ แต่เล่นวิดีโอ 1080p ทั้งบน YouTube และ บนไฟล์ MKV ได้ลื่นไหลหายห่วง

ทางด้าน I/O ตัว SSD ที่ Switch 12 ใช้เป็น Liteon โมเดล L8T-128L9G ใช้อินเทอร์เฟซเป็น M.2 ตามสเปคอ่านเขียนได้ 520/310Mbps แต่ทดสอบใน Switch 12 แล้วได้ประมาณ 350/200Mbps (ไม่รู้ว่าไปคอขวดตรงไหน) แม้ว่าจะช้ากว่าที่ควรจะเป็นไปบ้าง แต่การทำงานทั่วไปทำได้รวดเร็วดี เปิดปิดเครื่องใช้เวลาต่ำกว่า 10 วินาที ใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาทีสำหรับปลุกเครื่องให้ตื่นครับ
Switch 12 เองมีปัญหาด้านการแสดงผลเช่นเดียวกับอุปกรณ์จอเล็กคว ามละเอียดสูงรุ่นอื่นๆ ที่จะแสดงผลขนาดเล็กมากๆ ทางที่ดีคือปรับขยายให้เป็น 150% ทุกส่วนจะได้ขนาดที่กำลังพอเหมาะต่อการใช้งาน
หน้าจอของ Switch 12 คุณภาพดีมาก สว่าง ยังไม่เจออาการแสงลอด ส่วนความแม่นยำของสียังไม่ทดสอบดู (มองด้วยตาติดเหลืองนิดๆ) การพลิกหน้าจอสามารถทำได้สูงสุดราวๆ 135 องศาครับ
เปรียบเทียบกับคู่แข่ง

ในตอนนี้คู่แข่งของ Switch 12 นั้นนอกจากพวก Core M ด้วยกันแล้ว คงจะมี Surface Pro 3 ที่ทัดเทียมทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ และรูปแบบการใช้งาน ถ้าดูจากในรีวิวก่อนหน้าของ Surface Pro 3 บอกว่านั่นคือ "โน้ตบุ๊กที่ใช้งานเป็นแท็บเล็ต" ได้แล้ว เจ้า Switch 12 ก็เป็นอุปกรณ์ในกลุ่มเดียวกัน แต่ออกแบบมาเป็นโน้ตบุ๊กมากกว่าเป็นแท็บเล็ตมากๆ เช่นเดียวกับน้ำหนักที่มากกว่ากันพอสมควร และไม่สามารถแยกออกได้ (Surface Pro 3 ยกไปเฉพาะแท็บเล็ตจะเหลือแค่ 800 กรัม) ข้อดีที่เหนือกว่ามากๆ คือกินพื้นที่น้อยมากๆ ในแทบทุกรูปแบบการใช้งานนั่นเอง
มีคำถามอะไร ฝากไว้ได้นะครับ ตัวเครื่องยังอยู่ :D
Acer, Core M, Review, Notebook




อ่านต่อ...