ไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์ เป็นสัญญาณเตือนว่าส่วนไหนของรถยนต์มีความผิดปกติ บางภาพสัญลักษณ์เตือนก็อาจทำให้เรากังวลใจ เช่น รูปเครื่องยนต์ หรือ Check Engine ที่หลายคนอาจตีความหมายว่าเครื่องยนต์มีปัญหาพังแน่น อน แต่ในบางครั้งก็อาจไม่รุนแรงอย่างที่คิด เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยจากการระบบการทำงานที่ไม่สมบ ูรณ์ จะมีสาเหตุไหนบ้างที่ทำให้ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์โชว์ วันนี้มีข้อมูลมาบอกกันให้คลายหายสงสัยกันดังนี้

1. ปิดฝาถังน้ำมันไม่แน่น
ไฟเตือนจากการปิดฝาถังน้ำมันไม่สนิท หรือ ฝาถังอาจจะเกิดความเสียหาย ทำให้แรงดันในถังน้ำมันนั้นไม่ปกติ วิธีแก้ปัญหาสิ่งแรกที่ต้องทำคือจอดรถเช็กฝาถังก่อน ถ้าใช่ในระยะ 10 กิโลเมตรหลังจากออกรถ ไฟเตือนดังกล่าวจะดับหายไป

2. แคทาไลติคคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic converter) มีปัญหา
Catalytic converter อุปกรณ์ทำหน้าที่บำบัดไอเสียก่อนปล่อยสู่อากาศภายนอก เมื่อใช้งานมานานกรองตัวนี้ก็เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากไอน้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมดไปเกาะอุดตัน อยู่ภายใน เป็นสาเหตุให้กรองไอเสียตันไปในที่สุด ถ้าอุปกรณ์ตัวนี้เสียหรือบางคนที่นำอุปกรณ์ชิ้นนี้ออ ก อาจทำให้ไฟรูปเครื่องยนต์โชว์ได้

3. เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนระบบไอเสีย (O2 sensor) มีปัญหา
ออกซิเจนเซ็นเซอร์นั้นทำหน้าที่ตรวจคุณภาพไอเสียว่าม ีค่าในระดับมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งทำงานร่วมกับกล่องอีซียูในการสั่งจ่ายน้ำมันกับอ ากาศให้มีความเหมาะสม ส่งผลทำให้รถกินน้ำมัน และเป็นการทำลายหัวเทียนกับตัว Catalytic converter อีกด้วย หากออกซิเจนเซ็นเซอร์เสีย รถจะมีอาการกระตุกคล้ายกับเครื่องยนต์ใกล้ดับ ถึงแม้ว่ารถมีการกระตุกแต่ยังพอขับต่อไปได้ ดังนั้นให้พยายามนำรถเข้าจอดยังจุดปลอดภัยเพื่อรอการ ช่วยเหลือ

4. Airflow วัดการไหลของอากาศมีปัญหา
อุปกรณ์นี้ติดตั้งอยู่บริเวณหลังกรองอากาศเข้าเครื่อ งยนต์ คอยวัดปริมาณอากาศที่ไหลเข้าสู่ท่อไอดีไปจนถึงห้องเผ าไหม้ ให้อยู่ในเกณฑ์สำหรับการจุดระเบิด แต่เมื่อเซ็นเซอร์เกิดทำงานผิดปกติหรือเสียขึ้นมาอาจ ทำให้ไฟรูปเครื่องยนต์โชว์ได้ อาการที่สังเกตได้ คือ ช่วงเช้าตอนสตาร์ทรถใหม่จะได้กลิ่นไอเสียเหม็นกว่าปก ติ เครื่องยนต์เดินไม่นิ่งมีอาการสั่นในรอบเดินเบา เร่งไม่ขึ้น และกินน้ำมันกว่าปกติ ถ้าไม่รีบแก้ไขอาจส่งผลต่ออุปกรณ์อื่นๆ เกิดความเสียหายตามไปด้วย เช่น O2 sensor, หัวเทียน เป็นต้น วิธีแก้ไขให้ตรวจสอบเซ็นเซอร์วัดมวลอากาศ (Mass Air Flow) กรณีสกปรกสามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้ แต่หากเสียก็ต้องเปลี่ยนใหม่

5. คอยล์จุดระเบิดและหัวเทียน (Ignition Coil and Spark Plug) มีปัญหา
เมื่อใดที่รถเกิดอาการเครื่องเดินไม่เรียบ รถเร่งไม่ออก หรือบางครั้งก็ดับไปเลย เมื่อระบบตรวจพบความผิดปกติจะแสดงไฟรูปเครื่องยนต์โช ว์ขึ้นมา อาจเกิดจากคอยล์บางตัวไม่สามารถจ่ายกระแสไฟไปยังหัวเ ทียนเพื่อจุดระเบิดได้ตามปกติ ขณะติดเครื่องรถจะมีอาการสั่นไปจนถึงการกระตุก ไม่สามารถเร่งกำลังได้เต็มที่ ให้ทายไว้ก่อนเลยว่าคอยล์เสีย มักเกิดขึ้นกับรถที่มีอายุการใช้งานหลายปีหรือวิ่งมา มากกว่าแสนกิโลเมตร

6. วาล์วระบบควบคุมไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง (Emissions Purge Control Valve) มีปัญหา
วาล์วควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง ทำหน้าที่กักกันไม่ให้ไอน้ำมันในถังระเหยออกสู่ชั้นบ รรยากาศ รวมถึงหน้าที่ควบคุมการไหลของไอระเหยน้ำมัน เข้าสู่ห้องเผาไหม้อย่างเหมาะสม แต่กรณีที่เกิดความผิดปกติไอระเหยน้ำมันจะไหลเข้าห้อ งเผาไหม้น้อยหรือมากกว่าปกติ เครื่องยนต์จะเดินไม่เรียบในช่วงรอบเดินเบา

7. หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Injector) มีปัญหา
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงทำหน้าที่ฉีดน้ำมันให้เป็นฝอย ละเอียด เพื่อส่งต่อไปผสมกับอากาศในท่อไอดีก่อนเข้าสู่ห้องเผ าไหม้ แต่หากหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดเสียหรือตันขึ้นมา อาการที่พบได้แก่ รอบเดินเบาไม่นิ่ง ลูกสูบบางตัวไม่ทำงาน ส่งผลโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

8. โซลินอยด์ระบบควบคุมไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง (Purge Solenoid) มีปัญหา
ไอน้ำมันที่จะไหลจากถังน้ำมันสู่ชั้นบรรยากาศถูกควบค ุมโดยโซลินอยด์ ซึ่งกล่องอีซียูรับบทควบคุมการเปิดปิดของวาล์วดังกล่ าว หากเกิดเสียขึ้นมารถยนต์จะสตาร์ทได้ยากกว่าปกติ รวมถึงปรากฎอาการสั่นในช่วงรอบเครื่องยนต์เดินเบา

9. เทอร์โมสตัท (Thermostat) หรือ วาล์วน้ำ มีปัญหา
ทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำหล่อเย็นในระบบระบายความ ร้อนเครื่องยนต์ โดยปกติแล้ววาล์วตัวนี้จะปิดเมื่ออุณหภูมิน้ำหล่อเย็ นยังไม่ถึงที่ตั้งไว้ และเปิดให้น้ำไหลเวียนครบระบบเมื่ออุ่นเครื่องได้อุณ หภูมิทำงาน เมื่อวาล์วน้ำเกิดเสียหรือตันอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็น จะสูงเกินระดับปกติ อาจทำให้เครื่องยนต์ หม้อน้ำ และท่อยางทางเดินเกิดความเสียหาย ดังนั้น เมื่อไฟโชว์ก็ให้รีบเข้าตรวจเช็กที่ศูนย์บริการ ก่อนจะลุกลามบานเกินกว่าการเปลี่ยนแค่เทอร์โมสตัทตัว เดียว

ทำอย่างไรเมื่อไฟเครื่องยนต์โชว์ระหว่างขับขี่
เราสามารถขับรถต่อไปได้ เพราะไฟรูปเครื่องยนต์ Check Engine เป็นไฟที่ใช้สัญญาณสีเหลือง หมายถึงให้ระวังหรือใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ ผิดกับไฟเตือนสีแดงเตือนอื่นๆ เช่น ไฟเตือนระดับน้ำมันเครื่อง ไฟเตือนระดับน้ำในหม้อน้ำ หรือ แบตเตอรี่ ที่เตือนแบบฉุกเฉินต้องรีบจอดข้างทาง

หากไฟรูปเครื่องยนต์เตือนให้สังเกตไฟเตือนอื่นๆควบคู ่ไปด้วย โดยเฉพาะความร้อน ถ้าความร้อนปกติก็สามารถขับต่อไปได้ แต่ไม่ควรใช้ความเร็วและรอบเครื่องยนต์สูง รถบางรุ่นจะตัดเข้าสู่วงจรสำรองเพื่อป้องกันความเสีย หายจะทำให้เครื่องยนต์จำกัดความเร็วอยู่ที่ราว 1,500-2,000 รอบ/นาที ทำให้เครื่องยนต์อืดขึ้น เหยียบคันเร่งแล้วรถวิ่งไม่ค่อยออก แต่ก็ยังพอขับไปถึงจุดหมายปลายทางได้ แล้วให้รีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กเพื่อใช้อุปกรณ์ตรวจดูค วามผิดปกติของระบบและทำการแก้ไข ไม่ควรละเลยทิ้งเอาไว้

รถยนต์นั้นมีสัญญาณไฟเตือนเพื่อบอกว่ารถมีปัญหาในส่ว นไหน เพื่อรีบทำการแก้ไขก่อนที่ความเสียหายจะมากขึ้น แต่อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นไม่มีสามารถรู้ล่วงหน้า เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หากแต่เราสามารถป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยประกันรถยนต์ที่คุ้มครองทั้งรถยนต์และผู้ขับขี่ https://www.smk.co.th/premotor.aspx