“ฤดูฝน” แม้จะสร้างความชุ่มฉ่ำและเป็นแหล่งน้ำทางธรรมชาติให้ กับเกษตรกร แต่กลับเป็นปัญหาใหญ่ของคนเมืองหลวงอย่างในกรุงเทพมห านคร ที่หลายจุดกลายเป็นพื้นที่รับน้ำแบบแอ่งกระทะ ประกอบกับขาดการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ มีเศษขยะมากมายอุดตันตามท่อระบายน้ำ และมีปริมาณน้ำฝนมากจากร่องมรสุมที่มีกำลังแรงเลื่อน ผ่าน (กรมอุตุฯ เตือน 5-9 ก.ย. 65 มรสุมแรงขึ้น ส่งผลฝนตกหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน) ส่งผลให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน และเกิดน้ำท่วมขังบนท้องถนนอย่างต่อเนื่องจนเป็นเหตุ ให้มีรถยนต์หลายคันต้องดับลงกลางทาง แล้วต้องทำอย่างไร? หากเกิดเหตุรถยนต์ดับระหว่างขับรถลุยน้ำท่วม

ขับรถลุยน้ำท่วมแล้วรถดับ เกิดจากอะไร?
สาเหตุของรถดับ เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม เกิดจาก 2 สาเหตุหลักคือ
1. ระบบไฟฟ้าในรถเปียกน้ำ ทำให้กล่องควบคุมระบบไฟฟ้าหรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อ เพลิงและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ได้รับความเสียหา ยหรือเกิดการลัดวงจรทำให้เครื่องดับ
2. น้ำเข้าระบบกรองอากาศ (ท่อไอดีของเครื่องยนต์) ทำให้น้ำเข้าห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ส่งผลให้หัวฉีดเช ื่อเพลิงได้รับความเสียหายหรือในบางกรณีอาจเกิดจากน้ ำเข้าก้านวัดระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ทำให้เคร ื่องยนต์ดับ

รถดับที่แช่อยู่ในน้ำส่งผลเสียอย่างไร?
การทำงานของรถนั้นเป็นการหล่อลื่นด้วยน้ำมัน รวมทั้งอาศัยการอัดอากาศให้เกิดแรงดันทำให้เครื่องยน ต์ทำงาน หากต้องขับรถที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงอยู่ เข้าไปเจอกับน้ำที่เข้าเครื่องมาจากช่องกรองอากาศ ความเย็นของน้ำและค่าความหนืดของน้ำที่ไหลเข้าไปยังห ้องเผาไหม้ (ลูกสูบ) ในเครื่องยนต์เบนซิน จะทำให้รถยนต์ดับจากการที่มีน้ำเข้าไปในระบบกรองอากา ศและเกิดอาการน็อคทันที

นอกจากเครื่องยนต์จะเสียหายแล้ว ยังมีระบบเบรก ระบบเพลา ระบบลูกหมากต่างๆ ที่มีลูกยางห่อหุ้มอยู่อาจมีน้ำเข้าไปขัง รวมถึงระบบเกียร์ในเฟืองท้าย สายพานและหัวเทียนในรถมอเตอร์ไซค์ที่จำเป็นต้องล้างด ้วยน้ำมันเพื่อเอาน้ำออกให้หมด รวมถึงอุปกรณ์ในห้องโดยสารที่มีระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่อาศัยกล่องควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อ เพลิงและการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ และประตูที่อาจเกิดสนิมขึ้นได้ด้วย


ขับรถลุยน้ำท่วม แล้วรถดับ ควรทำอย่างไร?
หากจำเป็นต้องขับรถเข้าไปในเส้นทางที่มีฝนตกหนักและน ้ำท่วมสูง (ขับรถลุยน้ำท่วมสูง หรือน้ำป่าหลากอย่างไรให้ปลอดภัย https://www.smk.co.th/newsdetail/1648) จนเป็นสาเหตุทำให้รถยนต์ดับ ควรปฏิบัติดังนี้

1. ระดับน้ำท่วมสูงถึงพื้นรถยนต์ แต่ไม่ถึงระดับของเบาะนั่ง
การที่ล้อและอุปกรณ์ช่วงล่างต่างๆ ถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถได้ ควรตรวจเช็กระบบเบรกของทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรกให้เรียบร้อยหลังนำรถขึ้นจากน้ำ พร้อมตรวจสอบไดสตาร์ต ว่าได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน เพราะถึงแม้จะถูกออกแบบมาให้มีความทนทาน แต่ไดสตาร์ทที่ได้รับความเสียหายจากน้ำเข้า ก็สามารถก่อปัญหาแก่รถในระยะยาวได้

นอกจากนี้ หากพื้นพรมรถเปียกชื้น แสดงว่าน้ำมีการซึมเข้ามาภายในรถ ให้ถอดนำพรมไปซักและตากแดดเพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น และล้างภายนอกรถให้สะอาดโดยเฉพาะใต้ท้องรถและซุ้มล้อ ต่างๆ เพื่อล้างคราบโคลนสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดอยู่ภายใน

2. ระดับน้ำท่วมสูงถึงเบาะที่นั่ง
ในกรณีที่น้ำท่วมสูงถึงเบาะนั่ง เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้ว ห้ามสตาร์ตรถหรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาด เพราะระดับความสูงของน้ำจะสร้างความเสียหายภายในห้อง เครื่องยนต์ จึงควรถอดแบตเตอร์รี่ออกในทันที และตรวจสอบอุปกรณ์อื่นๆ เช่น พัดลมระบายความร้อน ซึ่งสำคัญมากสำหรับการถ่ายเทความร้อนของห้องเครื่อง หรือกล่อง ECU ที่เป็นสมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์ ที่สำคัญคือการไล่ความชื้นออกจากระบบเกียร์ ระบบของเหลว ระบบหล่อลื่นต่างๆ ของรถ และทั้งตัวรถ

3. ระดับน้ำท่วมสูงถึงคอนโซลหน้า หรือมิดหลังคา
น้ำท่วมในระดับนี้เป็นระดับที่สร้างความเสียหายให้กั บรถยนต์ได้อย่างมาก เมื่อนำรถขึ้นจากน้ำแล้วห้ามสตาร์ตรถ หรือบิดกุญแจไปที่ ON โดยเด็ดขาดเช่นเดียวกับระดับที่ 2 เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายและระบบไฟ ฟ้าลัดวงจรได้ ควรรีบถอดแบตเตอรี่ออกในทันที หรือหากพบว่ามีน้ำเข้าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันทีด้วยเ ช่นกัน

จากนั้นให้รีบนำรถส่งช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเช็กข องเหลวทุกอย่างภายในรถ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น หรือสารหล่อลื่นอย่างจาระบี รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่แผงหน้าปัทม์และคอนโซลต้องถอดออกมาทำความสะอาดและ เป่าแห้งทั้งหมด ทั้งนี้ รถจมน้ำส่วนใหญ่ หลังจากแก้ไขปัญหาจากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ก็อาจไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติดังเดิม

อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด แม้จะระมัดระวังได้ดีแค่ไหน แต่อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการเดินทางในเมืองกรุงที่นอกจากจะต้องเจอกับ ปัญหาจราจรบนท้องถนนแล้ว ยังต้องรับมือกับภัยธรรมชาติอีกด้วย เลือกทำประกันรถยนต์คนกรุง เบี้ยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท เบี้ยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/19 หรือ โทร.1596 Line : smkinsurance พร้อมติดตามอ่านข่าวสารสาระดีๆ ได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com/