ภายหลังจากที่มีการออกกฎหมายบังคับใช้คาร์ซีตมาตั้งแ ต่วันที่ 5 ก.ย. 2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้ผู้โดยสารทุกคนบนรถจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตล อดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์ และสำหรับเด็กที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี จะต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเท่านั้น แล้วคาร์ซีตมีทั้งหมดกี่ประเภท เราควรต้องเลือกซื้อคาร์ซีตแบบไหน

[size=large]ประเภทของ Car Seat[/size]

การเลือกซื้อคาร์ซีตต้องคำนึงถึงอายุ ขนาดตัว และน้ำหนักของเด็ก โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. Rearward Facing Seats (แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ)
คาร์ซีตประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี คาร์ซีตแบบนี้จะสามารถปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังของทารกได้ดีกว่าคาร์ซีตที่หันไปด้า นหน้า และหากต้องการติดตั้งคาร์ซีตไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับก ็ควรปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยเพื่อความปลอดภัยด้วย

2. Forward Facing Seats (แบบหันหน้าออกจากเบาะ)
คาร์ซีตประเภทนี้ออกแบบให้มีสายรัดจำกัดการเคลื่อนที ่ของเด็กไม่ให้ไหลไปข้างหน้าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และมาพร้อมกับสายรัดสำหรับการยึดที่นั่ง เป็นคาร์ซีตที่เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 2-7 ปี

3. Booster Seats
เป็นคาร์ซีตสำหรับเด็กที่มีขนาดตัวโตเกินกว่าขนาดของ คาร์ซีตธรรมดา แต่ยังไม่โตพอที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยได้เต็มที่ คาร์ซีตประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 4-12 ปี สายคาดควรพาดผ่านกระดูกเชิงกราน หน้าอก และไหล่ของเด็ก ส่วนเข็มขัดคาดเอวควรพาดผ่านอุ้งเชิงกรานโดยให้เส้นท แยงมุมอยู่เหนือไหล่ไม่ใช่ที่คอ

[size=large]วิธีติดตั้ง Car Seat[/size]

1. ประเภท Rearward Facing Seats
- สำหรับเด็กอายุไม่ถึง 1 ขวบ ควรติดตั้งคาร์ซีตแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเสมอ
- ห้ามติดตั้งคาร์ซีตแบบหันหน้าเข้าหาเบาะตรงที่นั่งข้ างคนขับที่มีถุงลมนิรภัยแบบไม่สามารถปิดใช้งานได้
- จะสามารถติดตั้งคาร์ซีตประเภทนี้ตรงที่นั่งข้างคนขับ ได้ในกรณีที่มีการปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยแล้วเท่า นั้น
- ต้องใช้สายรัดแบบ 3 จุดหรือ 5 จุดสำหรับเด็อายุไม่ถึง 1 ขวบตามประเภทของเบาะรถยนต์

2. ประเภท Forward Facing Seats
- สำหรับคาร์ซีตที่หันหน้าออกจากเบาะควรติดตั้งตรงที่น ั่งผู้โดยสารเบาะหลัง
- หากจำเป็นต้องติดคาร์ซีตสำหรับเด็กไว้ที่ด้านหน้า ให้ปรับเบาะรถยนต์ให้ห่างจากถุงลมนิรภัยให้มากที่สุด (ทำตามคู่มือการติดตั้ง)
- สำหรับเด็กน้ำหนัก 9 – 12 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด
- สำหรับเด็กน้ำหนัก 15 – 25 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด
- สำหรับเด็กน้ำหนัก 22 – 36 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 3 จุด

[size=large]ติด Car Seat ฝั่งไหนจะปลอดภัยที่สุด?[/size]

แล้วควรติดคาร์ซีตตรงฝั่งไหนถึงจะปลอดภัยที่สุด? จากผลการศึกษาพบว่า เบาะหลังคือตำแหน่งที่คาร์ซีตจะได้รับแรงกระทบเทือนน ้อยที่สุดหากเกิดอุบัติเหตุ และไม่ควรวางคาร์ซีตที่เบาะข้างคนขับเพราะถุงลมนิรภั ยอาจจะบีบอัดกับตัวเด็กหรือคาร์ซีตได้ และตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดก็คือตรงกลางของเบาะหลังน ั่นเอง เพราะปลอดภัยจากแรงกระแทกต่างๆ

[size=large]วิธีเลือกซื้อคาร์ซีต[/size]

การเลือกซื้อคาร์ซีตควรคำนึงถึงหลายปัจจัยเพื่อให้คา ร์ซีตสามารถป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้อย่างม ีประสิทธิภาพมากที่สุด

1. เลือกประเภทตามอายุ น้ำหนัก และขนาดตัวของเด็ก
คาร์ซีตมีอยู่ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (สำหรับเด็กแรกเกิด – 2 ปี) แบบหันหน้าออกจากเบาะ (สำหรับเด็ก 2-7 ปี) และแบบบูสเตอร์ (สำหรับเด็ก 4-12 ปี) ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อให้เหมาะสมและถูกประเภท

2. เลือกแบบติดตั้งถาวรหรือแบบเคลื่อนย้ายได้
การเลือกคาร์ซีตแบบติดตั้งถาวรเหมาะกับการใช้แบบระยะ ยาว ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกและมีความปลอดภัยสูง แต่มีข้อเสียคือมักจะหมุนไม่ได้และมีราคาสูงกว่า ส่วนคาร์ซีตแบบเคลื่อนย้ายได้สามารถใช้งานได้อิสระกว ่า นำไปใช้กับรถเข็นเด็กก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อแบบไหน

3. เลือกที่มีสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยสากล
ควรเลือกซื้อคาร์ซีตที่มีมาตรฐาน ยิ่งคาร์ซีตเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันอันตรายแล้วก็ต้อง ยิ่งให้ความสำคัญกับมาตรฐานเป็นพิเศษ โดยสามารถเลือกซื้อคาร์ซีตที่มีมาตรฐานได้จากสัญลักษ ณ์ความปลอดภัย เช่น ECE R44/04 มาตรฐานของสหภาพยุโรปหรือ FMVSS 213 มาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้เลือกคาร์ซีตที่มีระบบติดตั้ งมาตรฐาน UN หรือที่เรียกว่า ISOFIX :7j’เป็นรูปแบบคาร์ซีตที่ยึดติดกับตัวรถได้อย่างปลอด ภัยที่สุด มีลักษณะเป็นแกนเหล็กที่ติดตั้งมาจากโรงงาน สามารถเสียบยึดติดกับรถที่รองรับ ISOFIX ได้เลย เพราะการติดตั้งคาร์ซีตแบบนี้จะปลอดภัยกว่าแบบยึดติด โดยเข็มขัดนิรภัย แต่ก็ไม่ใช่รถยนต์ทุกรุ่นที่จะมีระบบนี้รองรับ ดังนั้นจึงควรต้องตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ

4. เลือกคาร์ซีตที่เหมาะสมกับรถยนต์
การเลือกซื้อคาร์ซีตต้องมีความเหมาะสมกับรถยนต์ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบอุปกรณ์ติดตั้ง และตรวจสอบคาร์ซีตที่ต้องการว่า ออกแบบมาสำหรับเข็มขัดนิรภัยกี่จุด และรถยนต์สามารถติดตั้งได้ตามนั้นหรือไม่ ยิ่งหากเป็นคาร์ซีตมาตรฐาน ISOFIX ด้วยแล้ว ต้องยิ่งเช็กว่ารถยนต์ที่มีอยู่รองรับการติดตั้งหรือ ไม่

การติดตั้ง Car Seat เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อความปลอดภัยของเด็ก และควรคำนึงถึงช่วงอายุ น้ำหนัก และขนาดตัวของเด็กก่อนจะเลือกซื้อคาร์ซีตด้วย การติดตั้งคาร์ซีตที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจะช่วยลดอา การบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางในเมืองกรุงที่มีปัญหาจร าจรบนท้องถนน ประกันภัยรถยนต์คนกรุง ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ประเภท 1 เบี้ยเริ่มต้น 11,600 บาท อัตราเบี้ยคงที่เท่ากันทุกปีคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/19 หรือ โทร. 1596 ตลอด 24 ชั่วโมง Line : smkinsurance และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com