เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน สิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนควรให้ความสำคัญเป็นอันแ รกคือการรักษาสภาพของยางรถยนต์ให้ปลอดภัยพร้อมใช้งาน อยู่เสมอ ด้วยการหมั่นตรวจเช็กสภาพล้อยางและดอกยางไม่ให้เสื่อ มสภาพ รวมถึงหมั่นตรวจเช็กลมยางตามประเภทของลมที่เติมอย่าง สม่ำเสมอ (จะเลือกเติมอะไรดี?! ระหว่างลมไนโตรเจนหรือลมปกติ https://www.smk.co.th/newsdetail/1610) แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญคือวันหมดอายุของยาง แล้วยางรถยนต์ที่ใช้งานอยู่ควรมีอายุกี่ปีนับจากวันผ ลิต

[size=large]วิธีดูปีที่ผลิตยาง[/size]

สำหรับยางที่ถูกผลิตหลังปี 2000 สามารถดูอายุยางได้จาก “วันที่ผลิตยาง” ตรงแก้มยางด้านนอก ตัวเลขนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะบอกสัปดาห์และปีที่ผลิตด้วยรหัส 4 ตัว (WWYY) โดยให้มองไปตามแก้มยางในทิศทางตามเข็มนาฬิกา จะพบชุดอักษรและตัวเลขอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งก็คือเลขรหัส 4 ตัวที่ระบุช่วงเวลาผลิตยาง โดยตัวเลข 2 ตัวแรกหมายถึงสัปดาห์ที่ผลิตยาง และตัวเลข 2 ตัวหลังหมายถึง ปีคริสตศักราชหรือเรียกย่อว่า ค.ศ. และจะเปลี่ยนไปตามล็อตการผลิตของแต่ละบริษัท

นอกจากนี้ ตัวเลขอื่นๆ บนขอบยางหรือแก้มยาง จะเป็นตัวบอกขนาดของยาง เส้นผ่าศูนย์กลาง และประเภทของยาง เป็นต้น ตัวอย่างเช่น 235/40 R 18 มีวิธีการอ่าน และความหมายดังนี้

• 235 : บอกความกว้าง หรือ ขนาดของหน้ายาง โดยมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
• 40 : บอกซีรีส์ยาง และ ความสูงของแก้มยาง โดยมีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ เทียบกับความกว้างของหน้ายาง เช่น 40% ของ 235
• R : ตัวย่อประเภทของยาง ในที่นี้หมายถึงยางประเภทเรเดียลหรือยางที่ไม่ใช้ยาง ใน
• 18 : เส้นผ่าศูนย์กลางของวงล้อ ที่ไว้ใส่กับกระทะล้อ โดยมีหน่วยเป็นนิ้ว มักเรียกกันว่า ขอบ 18 นิ้ว

[size=large]ยางรถมีอายุการใช้งานกี่ปี[/size]

ยางรถยนต์ ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุอินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติจำนว นมาก ซึ่งสารประกอบต่าง ๆ ในยางรถก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกับวัสดุ อินทรีย์อื่น ๆ สำหรับวิธีดูยางรถยนต์หมดอายุ หากมีการเก็บรักษายางอย่างเหมาะสม ยางก็จะมีอายุการเก็บรักษาในที่เก็บโดยเฉลี่ยเป็นเวล า 5 ปี โดยยังสามารถซื้อมาใช้ได้ แม้ว่าจะถูกผลิตจากโรงงานมาหลายเดือนแล้วก็ตาม

ยางใหม่จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 40,000 กิโลเมตร ปัจจุบันในประเทศไทยจะมีคำแนะนำการเปลี่ยนยางเมื่อเด ินทางได้ 50,000 กิโลเมตร หรือมีอายุการใช้งานทุก ๆ 3.5 ปี ซึ่งอยู่ในเกณฑ์กำลังดี เพราะยังต่ำกว่าอายุยางสูงสุดที่แนะนำคือ 10 ปี แต่หากยางใหม่ถูกเก็บรักษาไม่ถูกวิธี และไปสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ยางจะเสื่อมสภาพไวขึ้น ส่งผลให้ยางเสียสภาพและแตกร้าวได้ และทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงด้วย

[size=large]ยางหมดอายุสังเกตอย่างไร?[/size]

ยางรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน) หรือ 50,000-80,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่หากเป็นรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ขับ ยางไม่ค่อยได้ถูกการใช้งาน ก็อาจจะสามารถยืดอายุการใช้งานไปได้อีก 4-5 ปีเลยทีเดียว วิธีการสังเกตว่ายางหมดอายุหรือไม่พร้อมใช้งานในเบื้ องต้น สามารถดูได้ดังนี้

1. ไหล่ยางและแก้มยางรถมีรอยปริแตกหรือไม่ หากมี ถือเป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องเปลี่ยนยางได้เเล้วครับ เพื่อป้องกันการระเบิดของยางที่จะเกิดขึ้น
2. ร่องรีดน้ำบนดอกยาง ควรมีความลึกอยู่ที่ 6-8 มิลลิเมตร หากวัดแล้วมีความลึกต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร เตรียมตัวเปลี่ยนยางเพื่อความปลอดภัยได้เลยครับ
3. เนื้อยางของดอกยางและไหล่ยางเริ่มแข็งจนเกิดเสียงดัง ขณะเข้าโค้งหรือเหยียบเบรก หากมีเสียงดังกล่าว ก็เป็นอีก 1 สัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่ายางอาจจะเริ่มหมดอายุ
4. หน้ายาง ไหล่ยางและแก้มยางมีรูปลักษณ์ หรือดูแล้วบวมปูดผิดรูปหรือไม่
5. ขณะขับขี่บนผิวถนนเรียบมีอาการรถส่ายหรือไม่และมีอาก ารกระแทกกระเทือนมากกว่าปกติบนผิวถนนขรุขระและไม่เกา ะถนน อาการดังกล่าว เกิดจากดอกยางสึกหรอหรือกินไม่เท่ากัน เป็นอีกสัญญาณของยางที่กำลังจะหมดอายุ

[size=large]จัดเก็บยางอย่างไรให้ถูกต้อง[/size]

ยางรถยนต์เป็นอะไหล่ที่ต้องมีติดรถ ซึ่งยางที่ซื้อเป็นแค่ยางอะไหล่แต่ก็ควรจัดเก็บให้ถู กต้อง ควรตั้งยางเป็นแนวตั้ง เพื่อไม่ให้ยางเสียทรง และหากตั้งยางบนพื้น ควรหมั่นมาหมุนยางเพื่อเปลี่ยนจุดสัมผัสพื้นเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ยางด้านใดด้านหนึ่งรับน้ำหนักมากจนเกินไป

[size=large]ใช้งานยางอย่างไรให้ปลอดภัย[/size]

หลังจากเปลี่ยนยางครบทั้ง 4 ล้อแล้ว ควรให้ความสำคัญกับการใช้งานยางที่เหมาะสม เพื่อให้ยางใช้งานได้นานขึ้น

• เติมลมยางอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ยางแบน เพราะลมยางที่อ่อนจะทำให้การรีดน้ำของยางทำได้ไม่ดี ส่งผลให้ยางยุบตัวและเคลื่อนตัวได้ช้า
• หลีกเลี่ยงทางขรุขระ เนื่องจากเส้นทางขรุขระที่เต็มไปด้วยหินกรวด ของมีคมต่าง ๆ มีโอกาสทำให้ยางรั่ว และต้องเปลี่ยนยางก่อนเวลาอันควร หากเลี่ยงทางขรุขระได้ควรเลี่ยง
• หมั่นตรวจสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ จะช่วยให้เห็นปัญหาของยางได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เปลี่ยนยางได้อย่างทันท่วงที

ก่อนใช้งานรถยนต์ทุกครั้ง ควรตรวจสอบสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ช่วยดูแลรถคุณให้ปลอดภัยได้มากขึ้น ด้วยประกันรถยนต์ตามโปรไฟล์ "การันตีถูกจริง" ประกันรถยนต์ชั้น 1 ..โปรไฟล์ยิ่งดี ความเสี่ยงยิ่งต่ำ เบี้ยยิ่งถูก.. โปรไฟล์คุณอาจดีกว่าที่คุณคิด เบี้ยเริ่มต้น 6,999 บาท และยังถูกลงได้อีก หากเลือกแบบมีดีดัก และระบุชื่อผู้ขับขี่ (ลดสูงสุดเหลือเพียง 3,999 บาท) เช็กโปรไฟล์ของคุณได้ที่นี่ https://smkall.smk.co.th หรือ สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/20 หรือ โทร. 1596 ตลอด 24 ชั่วโมง Line : smkinsurance และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com