วันนี้ผมลองเขียนเรื่องนี้ดูนะครับ เอาจากประสบการณ์ผมเนี่ยละเพราะผมอ่านหนังสือมาหลายเ ล่มละ
เอาสั้นๆแต่ได้ใจความเลยละกัน
ทั้ง 3 อย่าง (ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง ISO) เป็นสิ่งที่สัมพันธ์กันตลอด
โดยสิ่งที่จะต้องคำนึงก่อนคือเรื่อง
ชัดลึก รูปที่คมชัดทุกรูขุมขน เห็นจากหน้าสุดไปหลังสุด หรือพวกถ่ายวิวจะใช้กันมาก
ชัดตื้น คือ ชัดแค่จุดที่เราโฟกัส ด้านหลัง ละลาย หรือเบลอๆ
ทำไหมเราต้องคำนึกถึง ชัดลึก ชัดตื่น : เพราะการถ่ายภาพตัวที่จะกำหนดว่าอยากได้ภาพมาในรูปแบ บใดจะอยู่ที่ F
หรือรูรับแสงนั้นเอง (สังเกตตากล้องบางคนจะใช้โหด AV เพราะเขาจะรู้ว่าเขาอยากได้ภาพชัดลึกชัดตื้น ตอนไหน
โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเร็วชัตเตอร์ (หมายเหตุ เฉพาะถ่ายในสภาพแสงเยอะๆนะครับ)
การที่ค่า F เยอะเท่าไหร่ ก็แปลว่าความเร็วชัดเตอร์จะต้องมีค่าลดน้อยลง แต่ถ้าน้อยลงมากไปภาพก็จะสั้น (สังเกตการถ่ายกลางคืน ภาพจะไม่ค่อยชัด เพราะมือไม่นิ่ง)
อ่าวๆๆแล้วจะทำไงละ ถ้า เราอยากให้ภาพชัดลึก แต่ต้องแลกมาด้วย ความเร็วชัตเตอร์ที่ลดลง
สิ่งที่ช่วยได้ คือ ISO นั้นเอง การเพิ่ม ISO จะทำให้กล้องเพิ่ม ค่ารับแสงมากขึ้น ความเร็วชัดเตอร์ก็
ไม่ต้องลดลงจนทำให้ภาพสั้นไหว แต่ๆๆๆๆ ถ้าเราเปิด ISO เยอะมากเกินไป จะเกิดนอย หรือ
จุดเม็ดๆในภาพซึ่งถือว่าคุณภาพ ของภาพไม่ดี (นึกถึงถ่ายภาพติดจตุคาม ที่เป็นข่าวได้มะประมาณนั้นละ 55+)
ดังนั้นการจะถ่ายเราจึงต้องคำนึงถึงหลักเหล่านี้เสมอ โดยผมจะอธิบายด้วยรูป ดังนี้
[img]http://www.***/i/ie/n3ymq.jpg[/img]
Thanks: hosting รายได้เสริม
แล้วมีคนถามว่า อ่าวแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าความเร็วชัตเตอร์ เท่าไหร่ถึงจะไม่สั้น
คำตอบ คือ อยู่ที่ช่วง เลนท์ และช่วงที่เราโฟกัส เช่น เราใช้ เลนท์ 70-200 เราโฟกัสไปที่ 200
ความเร็วชัตเตอร์ก็ไม่ควรต่ำกว่า 1/200 หรือ เราใช้เลนท์วาย 10-24 เราโฟกัสไปที่ 12 ความเร็วชัตเตอร์ก็ไม่ควรต่ำกว่า 1/15 เป็นต้น ทุกอย่างมันจะสัมพันธ์กัน เสมอ
แล้วเปิด ISO เท่าไหร่จะไม่เกิด นอย อันนี้ขึ้นอยู่กับ รุ่นของกล้องเลยครับ ว่าพัฒนาไปถึงขั้นไหน ยิ่งกล้องแพงๆ เปิด ISO ได้เป็น หมื่น นอย ยังไม่ค่อยจะมี
ไม่รู้อธิบาย เข้าใจง่ายหรือปวดหัวกว่าเก่านะครับ