ถ้าเปรียบการทำ SEO คือขนมซักอย่างหนึ่ง การปรับปรุงเว็บไซต์ก็จะเป็น หีบห่อที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม เปิดง่าย กินง่าย ส่วน Keyword ก็คือการตั้งชื่อสินค้า หรือใส่ชื่อของประเภทสินค้า เพื่อทำให้คนรับรู้และเข้าใจขนมของเรามากขึ้น และสุดท้ายก็คือคอนเทนต์หรือเนื้อหา ซึ่งเปรียบได้กับรสชาติ และเนื้อสัมผัสแสนอร่อยที่ทำให้ใครก็ตามที่กินเข้าไป พากันติดใจ จนอยากจะซื้อกินอีกรอบ
ตรงจุดนี้เอง เราจะสังเกตได้ว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกค้า หรือผู้บริโภคให้ความสนใจ และอยากเข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์ของเรามากขึ้นก็ค ือในส่วนของ ?คอนเทนต์? แต่ใช่ว่าส่วนอื่น ๆ จะไม่สำคัญ เพียงแต่การทำ ?คอนเทนต์? ออกมาสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มโอกาส และผลักดันให้เว็บไซต์ของเราขึ้นไปอยู่บน Google ในหน้าแรก ได้เร็วกว่า ถ้าเทียบกับเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยขยันทำ ?คอนเทนต์?
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ระบบของ Google ?ชอบ? ที่จะผลักดันให้เนื้อหาใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นในหน้าแรก ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ใครก็ตามที่กำลังทำการค้นหา ได้รับเนื้อหา ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่อัปเดต และทันต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
แต่ใช่ว่าการขยันอัปเดตจะจำเป็นเสมอไป ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ประเภทของคอนเทนต์นั้นมีแบบไหนกันบ้าง ซึ่งเราจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
- Topical Content
นี่คือคอนเทนต์ที่อาศัยกระแสสังคม ซึ่งมักจะมาในรูปแบบของข่าว หรือการเล่าอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกระแสที่กำล ังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น มีข้อดีตรงที่ความง่ายในการผลิต สร้างการเข้าถึงได้ในวงกว้าง แต่อาจจะยากกับเวลาทำSEO ไปเสียหน่อย
- Evergreen Content
ถ้าให้แปลตรงตัวก็จะได้ว่า คอนเทนต์ที่ดูเหมือนสดใหม่ เป็นข้อเท็จจริง และยังใช้ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เช่นท่าออกกำลังกาย วิธีควบคุมน้ำหนัก เป็นต้น ซึ่งคอนเทนต์รูปแบบนี้ถ้าเราเอาไปทำ SEO ละก็ จะถือเป็นเรื่องที่ดี และสามารถใช้ได้ไปตลอด
ไม่ว่ายังไง ๆ การทำคอนเทนต์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราอยากสร้างคอนเทนต์รูปแบบไหน แบบ Evergreen ที่อาจต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลนานแต่ถือเป็นการทำ SEO ที่ยั่งยืน หรือจะเป็น Topical Content ที่อาศัยการเกาะแส และอาจสร้างการรับรู้ได้ในวงกว้าง ซึ่งอาจจะยากซักหน่อยถ้าเราต้องการทำให้เป็น SEO ซึ่งไม่ว่าเราจะเลือกสร้างคอนเทนต์แบบไหนก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องห้ามละเลยเรื่องคุณภาพของเนื้อหาเป็นอันขาด
?